คุณผู้อ่านที่รักครับ ณ ขณะจรดนิ้วลงบนคีย์บอร์ดเพื่อปล่อยของให้ท่านได้อ่านในวันนี้ ผมตรวจสอบจำนวนต้นฉบับแล้วพบว่าฉบับนี้ผมเขียนชิ้นงานสู่สายตาท่านเป็นลำดับบทความที่ 99 พอดิบพอดี ..ขอบคุณ “บันเทิงคมชัดลึก” ด้วยที่ให้เกียรติกันอย่างยาวนาน ตีพิมพ์ความคิดอ่านให้ทุกท่านได้ทราบเนื้อหาใจความของผมเสมอมา

..เอ๊ะๆ เกริ่นแบบนี้ แถมจั่วหัวคอลัมน์ไว้อย่างนี้อย่าเพิ่งตกใจครับว่าผมจะเลิกเขียนคอลัมน์นี้ (ตราบใดที่กองบก.ยังขยันตามติดต้นฉบับจากผม ผมก็จะเขียนให้ตามต่อไปจนกว่าจะหมดแรงกันไปข้าง) แต่สิ่งที่จำต้องบอกลาโรงละครฉากใหญ่ไปคือ “รายการแบไต๋ไฮเทค” รายการโทรทัศน์ด้านไอที ที่ผมและผองเพื่อนดำเนินรายการกันมานานนับ 8 ปี (หรือ 7 ปี 9 เดือน) ถ้าเป็นอายุคนมันอาจดูน้อยๆเพราะแค่เด็กจะขึ้น ป.2 เอง แต่ถ้านับแบไต๋ไฮเทคเป็น “แมว” ล่ะก็! ก็นับว่าแก่เป็นแมวอาวุโสแล้วนะครับ 🙂

400px-Beartaihitech2006

รายการแบไต๋ไฮเทคเริ่มต้นครั้งแรกภายใต้ชายคา Nation Multimedia Group นี่แหละครับ เราออกอากาศกัน “สดแรก” ในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2549 สี่ทุ่มตรงทางเนชั่นแชนแนลในยุคที่ยังดำผุดดำว่ายอยู่ในอวกาศ (โทรทัศน์ดาวเทียม) ตอนนั้นอะไรๆก็ยังดูเคอะเขิน ๆ กับคุณผู้ชม ผมเลือก “คนเบื้องหลังข้างกาย 2 คน” มาร่วมสนุกบนหน้าจอด้วย “คุณที่รัก บุญปรีชา” อดีตโปรดิวเซอร์รายการ IE Show.com รายการไอทีแรกในประเทศไทย และ “ศุภเดช สุทธิพงศ์คณาสัย” เพื่อน Pantip.com และ Network Administrator สมองเพชรของบริษัทที่เก่งระดับหลับตาจิ้มคอมได้ (ซ่อมคอมผ่านโทรศัพท์ให้มิตรสหายมากมาย) ..รายการพูดเรื่องไฮเทคแต่นำเสนอกันแบบลีลาบ้าน ๆ จึงถือกำเนิดขึ้น และได้รับเสียงตอบรับมานับแต่นั้น ..

400px-Beartaihitech

ช่วงแรกผมแค่อยากเอาคนมีฝีมือที่ผมรู้จักดีมาออกจอ และรายการก็ไม่มีสปอนเซอร์ประจำ ช่วงนั้นการขายสปอนเซอร์ยากมากครับ เนื่องจากอยู่ในช่องทีวีดาวเทียมที่ Agency โฆษณาเขายังไม่เป็นที่ยอมรับ ผมหารายได้มาหล่อเลี้ยงรายการด้วยการ “วิ่งเข้าชนสปอนเซอร์” แบบขอนัดพบผู้หลักผู้ใหญ่ไปเรื่อย.. จำได้ดีเลยว่าปีแรก “คุณสมชัย เลิศสุทธิวงศ์” หัวหอกด้านการตลาดของ AIS (ในเวลานั้น แต่ปัจจุบันท่านขึ้นเป็น CEO เรียบร้อย!) ท่านเห็นผมในงาน Event ของ AIS Serenade ที่ผมไปช่วยจัดและเป็นพิธีกรเอง (แฟนพันธุ์แท้น่าจะจำได้นะครับ Techno Tomorrow Talk งานที่ผมหาฝรั่งหน้าเหมือน Steve Jobs มาเปิดตัว iPhone ตัวแรกก่อนการเปิดตัวใด ๆ ในเมืองไทย แล้วเป็นงานแรกที่ได้ชวนน้องฮิโรโกะ ยามากิชิ มาร่วมงานด้วยโดยสวมบทบาทเป็น “พริตตี้ญี่ปุ่น” ให้เป็นที่ฮือฮาอาโนเนะ) คุณสมชัยเห็นผมดำเนินรายการอย่างลืมตาย หลังจบงานท่านบอกผมว่า “มีอะไรอยากให้พี่ช่วยก็บอกนะ” ..ผมเลยรีบคว้าโอกาสนั้นและบอกว่า “มีรายการไอทีใกล้เจ๊งอยากให้ช่วยสนับสนุนครับ” … และแกก็รักษาสัญญา แกช่วยซื้อโฆษณามาถึง 1 ปีเต็ม แม้ว่าเวลานั้น Agency ที่แกใช้อยู่จะค้านหัวชนฝา และสุดท้ายโทรมาต่อรอง (ผมเรียกว่า “ตัดตังค์” ฮา) เงินหายไปอีก 5แสนบาท แต่ก็นับเป็นบุญคุณที่ทำให้รายการ ”ตั้งหลักได้”

400px-Beartai_Logo

ผ่านไป 4 ปี ผมคิดการณ์ใหญ่ ออกจากสตูดิโอเล็กๆของสถานี มาสร้างสตูดิโอกลางห้างใจกลางสยามสแควร์ ขยายรายการเป็น 5 วัน 1 ทุ่มทุกวัน และ “สด” ไปยัง 5 สถานีดาวเทียมชั้นนำ เพื่อสร้างหนทางการรับชมให้ผู้ชมสะดวกที่สุด ออกอากาศทุกจาน จานแดง จานดำ จานส้ม เคเบิ้ลท้องถิ่น ..ไม่ได้ออกฟรีทีวีก็ต้องสู้ด้วยหนทางป่าล้อมเมือง… ยังจำคำพูดพี่อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ แห่ง Nation Channel ที่มาพูดในงานวันเปิดตัวแบไต๋ไฮเทค Daily 5 LIVE ได้ว่า “ผมไม่คิดเลยนะหนุ่ย ว่าคุณจะพาแบไต๋มาถึงจุดนี้ได้” … ถ้าในปี 2549 พี่อดิศักดิ์ไม่ปริปากชวนผมมาเช่าเวลาใน Nation Channel ตำนานนี้ก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นหรอกครับ ..”ขอบพระคุณจริงๆ”

“แล้วแบไต๋ฯทำไมถึงเลิก???”

..ก็อย่างที่หลายๆท่านได้ฟังจากปากผมไปแล้วในการประกาศกลางรายการ (ด้วยเทคนิคกด Pause เทปรายการที่กำลังออกอากาศอยู่) ผมพูดไปแล้วว่า “ถึงจุดอิ่มตัว” …ไม่ได้แปลว่าท้องอิ่มจนไม่อยากจะทำอะไรต่อนะครับ (ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นได้คงดี ..ฮา) ผมต้องยอมรับตรง ๆ ว่า “ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนผ่านโทรทัศน์ไทยสู่ DigitalTV” มันไม่ได้สวยงามนัก ผู้คนยังไม่ได้ติดกล่องรับสัญญาณทีวีใหม่กันเท่าไหร่เนื่องจากคูปองส่วนลดยังไม่แจก (แต่ขอบคุณ กสทช. มากนะครับที่ในที่สุดก็เคาะกันออกมาได้) แต่มันก็อาจสายเกินไปสำหรับผู้ผลิตรายการบางคน ผมเองยังสู้ต่อไหวนะครับ แม้ 3 เดือนแรกแห่งการเปลี่ยนผ่าน ผมจะ “กระเป๋าฉีก” ไปมาก …แต่โทษใครไม่ได้ และก็ไม่ได้คิดโทษตัวเองด้วย นั่งกุมขมับกับภรรยา ถามกันเองว่า “มีอะไรไหมที่คิดผิดบ้างหลังกระโจนลงมาทำ DigitalTV” คุณภรรยา (ผู้ปรกติจะเฮี้ยบ) ปลอบผมว่า “ก็มันเป็นวิชาชีพของเรานี่นา ..ทีวีสัญญาณใหม่มาถ้าเราไม่ทำ แล้วมันจะเรียกว่าเป็นอาชีพของเราได้ไง?” ส่วผมยอมรับว่าตนเองประเมินผิดไปในเรื่องกฏ Must Carry ที่ทุกกล่องดาวเทียมจะต้องนำเสนอช่องรายการต่าง ๆ ใน Digital TV ใหม่อย่างพร้อมเพรียง ซึ่งจากการศึกษาทำให้ผมเข้าใจไปเองว่า “คนดูทั่วประเทศจะดูได้โดยอัตโนมัติ” เพราะทุกกล่องย่อมมีช่องทีวีของเรา .. แต่แล้วด้วย “กฏแห่งความใจดี” อีกกฏที่กสทช. เปิดอิสระให้แต่ละกล่องดาวเทียม “ตั้ง 10ช่องแรก” ได้เอง… (แล้วไปกระทบกับเลขช่องหลัง ๆ โดยต้องบวกไปอีก10) ส่งผลให้คนดูทั่วๆไปเขาก็ดูกันไปไม่ถึงช่องไกล ๆ (10ช่องแรกก็ดูกันไม่ไหวแล้ว) …

น้าเน็ก เกตุเสพสวัสดิ์ แกโทรหาผมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาด้วยการร้องเสียงหลงว่า “ทีวีดิจิตอลกำลังจะตาย” ..ผมปลอบใจไปแล้วว่า “ตายไม่หมดหรอกน้า” .. คนดูจะมีใจให้กับเฉพาะช่องที่จริงจังและจริงใจในการนำเสนอเท่านั้น

announcement_beartai24072014

ผมยังไม่เลิกธุรกิจและวิชาชีพการผลิตรายการทีวีครับ แต่ผมแค่กด Pause กับรายการแรกที่เคยโดดเด่นที่สุดของเรา ขอหยุดโยนแบงค์พันเป็นตับ ๆ ลงกองไฟทุกวัน ๆ ซักพัก ขอ Pause ภาพความทรงจำดี ๆ ของแบไต๋ไฮเทคไว้เพียงเท่านี้ ขอลาโรงไปในขณะที่คนดูยังไม่คิดจะโห่ไล่ ..และจะทำรายการใหม่ที่ตอบโจทย์ประเทศไทยมากขึ้น ..เรี่ยวแรงยังมีครับ ..จะทำให้ดี จะทำให้ได้!
Beartai.com คือช่องทางข่าวสารที่เราจะเชื่อมโยงถึงกันตั้งแต่วันนี้ครับ

===============================================

คลิปกล่าวปิดม่านรายการแบไต๋ไฮเทค

Play video

หนุ่ยรู้โลกรู้ #99: “แบไต๋ฯทําไมเลิก!?”

ขอขอบคุณหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก