เดม แมกกี สมิธ (Dame Maggie Smith) นักแสดงภาพยนตร์ ซีรีส์ และละครเวทีรุ่นใหญ๋ชาวอังกฤษเจ้าของบทบาทศาสตราจารย์มิเนอร์วา มักกอนนากัล ในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ ‘Harry Potter’ และเจ้าของบทบาทท่านย่าไวโอเลต ครอว์ลีย์ เคาน์เตสแห่งแกรนแธม จากทีวีซีรีส์และภาพยนตร์ ‘Downton Abbey’ (2010–2015) รวมทั้งการแสดงในหนังดัง ๆ อาทิ ‘Hook’ (1991), ‘Sister Act’ (1992) และ ‘Sister Act 2: Back in the Habit’ (1993) นักแสดงฮอลลีวูดในทำเนียบ Triple Crown of Acting เสียชีวิตอย่างสงบ ณ โรงพยาบาล Chelsea and Westminster Hospital ในกรุงลอนดอน ในวัย 89 ปี

ข่าวนี้ได้รับการยืนยันเป็นครั้งแรกโดย คริส ลาร์กิน (Chris Larkin) และ โทนี สตีเฟนส์ (Toby Stephens) ลูกชายของเธอ โดยพวกเขาได้กล่าวยืนยันในแถลงการณ์ว่า “เรามีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ต้องประกาศข่าวการเสียชีวิตของ เดม แมกกี สมิธ แม่ได้เสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาลเมื่อเช้าตรู่ของวันศุกร์ที่ 27 กันยายน”

“แม่เป็นคนที่เก็บตัวเป็นอย่างมาก ในช่วงบั้นปลายชีวิต แม่ได้อยู่กับเพื่อนและครอบครัว แม่ทิ้งลูกชาย 2 คน และหลาน ๆ ที่น่ารักอีก 5 คนไว้เบื้องหลัง ซึ่งพวกเขาล้วนต่างรู้สึกเสียใจอย่างมากกับการสูญเสียผู้เป็นทั้งแม่และยายผู้แสนดีของพวกเขาไป”

“เราขอใช้โอกาสนี้เพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเชลซีแอนด์เวสต์มินสเตอร์อันยอดเยี่ยม สำหรับการดูแล และความกรุณนาที่ไม่ลดละของพวกเขาในช่วงวัลสุดท้ายในชีวิตของแม่ เราขอขอบคุณสำหรับข้อความอันดีและการสนับสนุนทั้งหลายของคุณ และขอให้เคารพความเป็นส่วนตัวของเราในขณะนี้ด้วย”

Maggie Smith Harry Potter and the Deathly Hallows - Part 2

เดม มาร์กาเร็ต นาตาลี สมิธ (Dame Margaret Natalie Smith) เกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ปี 1934 ที่เมืองอิลฟอร์ด เขตเอสเซกซ์ สหราชอาณาจักร เธอเริ่มต้นอาชีพนักแสดงด้วยการย้ายเข้าไปเรียนด้านการแสดงที่โรงละคร Oxford Playhouse จากการสนับสนุนของสมาคมการละครของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในวัย 16 ปี จนกระทั่งในปี 1952 ในวัย 17 ปี เธอได้เริ่มแสดงละครเวทีเรื่องแรกในชีวิต ‘Twelfth Night’ และมีผลงานในการแสดงละครเวทีมาเรื่อย ๆ จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงละครบรอดเวย์ได้เป็นครั้งแรก จากการร่วมแสดงในละครเวที ‘New Faces of ’56’ (1956)

ก่อนที่จะเริ่มก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ด้วยการรับบทเป็นตัวประกอบเล็ก ๆ ในหนังเรื่อง ‘Child in the House’ (1956) และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิต ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากการแสดงในหนังเรื่อง ‘Othello’ (1965) จนกระทั่งสามารถคว้ารางวัลออสการ์ ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมครั้งแรกในชีวิต จากการแสดงของใน ‘The Prime of Miss Jean Brodie’ (1969) และคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมตัวแรกจากการรับบทในหนังตลก ‘California Suite’ (1978)

นอกจากนี้ สมิธยังเป็นเจ้าของรางวัลจากการแสดงอีกมากมายนับไม่ถ้วน ตั้งแต่รางวัลลูกโลกทองคำ รวมทั้งรางวัลต่าง ๆ มากมาย อาทิ รางวัล BAFTA Awards 8 รางวัล รวมทั้ง 1 รางวัลจากเวที Tony Awards ในด้านละครเวที และรางวัลจากสายโทรทัศน์อย่าง Emmy Awards ซึ่ง 3 รางวัลจากจำนวนทั้งหมด 4 รางวัลที่เธอได้จากเวทีนี้ เป็นการคว้ารางวัลจากผลงานการแสดงในทีวีซีรีส์และภาพยนตร์ ‘Downton Abbey’

ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้สมิธกลายเป็นนักแสดงไม่กี่คนที่สามารถติดอยู่ในทำเนียบ Triple Crown of Acting หรือทำเนียบของผู้ที่ได้รับ 3 รางวัลใหญ่ของวงการบันเทิงโลก ได้แก่ออสการ์, Emmy Awards และ Tony Awards และในปี 1990 เธอได้รับพระราชทานพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรวรรดิบริติช จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร (Her Majesty Queen Elizabeth II) สำหรับคุณูปการในงานด้านการแสดง โดยได้รับพระราชทานฐานันดรศักดิ์ให้มีคำนำหน้าว่า เดม

ตลอดระยะเวลาในอาชีพการแสดงอันยาวนานกว่า 7 ทศวรรษ สมิธเป็นที่รู้จักจากการแสดงและไหวพริบจากการแสดงในบทบาทตลก ในขณะที่บทบาทอื่น ๆ เธอก็สามารถรับบทได้ดีไม่แพ้กัน แต่บทบาทที่ทำให้เธอกลายมาเป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกในปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้น การรับบทศาสตราจารย์มิเนอร์วา มักกอนนากัล ในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ ‘Harry Potter’ เกือบทุกภาคยกเว้น ‘Harry Potter and the Deathly Hallows – Part 1’ (2010) รวมทั้งบทบาทบทบาทท่านย่าไวโอเลต ครอว์ลีย์ จาก ‘Downton Abbey’ ทั้งในฉบับทีวีซีรีส์และภาพยนตร์ Spin-Off

Maggie Smith in Downton Abbey

สมิธเคยออกมาเปิดเผยว่า ในระหว่างถ่ายทำ ‘Harry Potter and the Half-Blood Prince’ (2009) เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม หลังจากที่เธอเคยตรวจพบก้อนเนื้อที่บริเวณเต้านม ซึ่งเธอก็ยังคงทำการแสดงไปด้วยในระหว่างการรักษาตัว

“ฉันเองรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นอะไรร้ายแรง เพราะเมื่อหลายปีก่อนฉันเคยพบก้อนเนื้อที่ไม่ได้รุนแรงอะไร ฉันคิดว่าครั้งนี้ก็น่าจะเหมือนกัน แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกถึงกับหมดกำลังใจไปเลย ฉันไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงหรือมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไรมาก เพราะด้วยอายุของฉัน มันผ่านไปนานแล้ว ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ทำให้ฉันถึงขั้นเสียศูนย์ไปเลย มันต้องใช้เวลานานมากกว่าที่จะฟื้นตัวได้ และร่างกายมันก็ไม่กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว ฉันกลัวว่าฉันจะมีพลังพอไหมกับการเล่นหนังหรือแสดงละครเวที”

แม้การรักษาด้วยเคมีบำบัดจะทำให้เธอประสบปัญหาที่แย่เสียยิ่งกว่ามะเร็ง ทั้งผมร่วง อาการคลื่นไส้ และไม่มีแรงเดินเหิน ต้องคอยจับราวตอนขึ้นบันได แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังมองข้อดีของการเป็นมะเร็งด้วยอารมณ์ขัน เพราะด้วยการบำบัดรักษา ทำให้เธอสามารถสวมวิกในระหว่างการรับบทศาสตราจารย์มักกอนนากัลได้อย่างราบรื่นกว่าเดิม

“หัวฉันไม่มีผมแล้ว หัวนี่เหมือนกับไข่ต้มเลย และมันก็เลยทำให้ฉันใส่วิกได้อย่างไม่มีปัญหาเลยล่ะ”

หลังจากสิ้นสุดการรับบทศาสตราจารย์มักกอนนากัล สมิธยังคงมีผลงานการแสดงออกมาอีกเรื่อย ๆ ทั้งการแสดงละครเวที ‘A German Life’ (2019) ซึ่งเป็นการกลับไปแสดงละครเวทีอีกครั้งในรอบ 11 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผลงานการแสดงละครเวทีเรื่องสุดท้าย ส่วนผลงานการแสดงครั้งสุดท้ายในภาพยนตร์ คือการแสดงในหนังดราม่าเรื่อง ‘The Miracle Club’ (2023)

ด้านชีวิตส่วนตัว สมิธแต่งงานครั้งแรกกับนักแสดง โรเบิร์ต สตีเฟนส์ (Robert Stephens) ในปี 1967 และมีลูกชายด้วยกัน 2 คนได้แก่คริสและโทนี ก่อนจะหย่าร้างกันในปี 1975 สมิธแต่งงานครั้งที่ 2 กับนักเขียนบทละครเวที อลัน เบเวอร์ลี (Alan Beverly) ในปี 1975 ก่อนจะเสียชีวิตในปี 1998