ฉบับนี้กุ๊กกิ๊กหน่อยนะครับ ผมเขียนบันทึกตามห้วงอารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของสมองที่ปลดปล่อย ความรู้สึกออกมาระหว่างการเหาะเหินเดินอากาศ จริงๆบทความนี้ควรถูกนำเสนอในรูปแบบ Blog ในอินเทอร์เน็ตมากกว่าการตีพิมพ์ครับ บอกไว้ก่อนเลย

(เริ่มเขียน : ศุกร์11เมษายน ระหว่างอยู่บนอากาศยาน SQ973 )

ก่อนที่เท้าจะเหยียบประเทศสิงคโปร์
ผม จำเป็นต้องเล่า “เหตุในทริปเกาหลีที่แล้ว” ให้คุณได้ฟัง ก่อนที่ความทรงจำดีๆจะถูกแทนที่ด้วยทริปใหม่ (แหม๊~ อายุมากแล้ว สมองมีเนื้อที่จำกัด ถูกเขียนทับแล้วลืมทู๊กที~) การ “เล่าอะไรให้ฟัง” ในครั้งนี้ ผมตัดสินใจอยู่ถึงหนึ่งสัปดาห์เลยล่ะครับว่าจะเล่ามันออกมาดีหรือไม่?

S__13672454

… ไม่ใครก็ใครก็คงรู้บ้างแหละว่าผมกับคุณซี ฉัตรปวีณ์ เจ้าหญิงไอทีของวงการ มีปัญหาซัมติงรองกัน ก่อนหน้าเราเคยร่วมงานกันอย่างชื่นมื่นในรายการแบไต๋ไฮเทคX2 ยุคคืนวันอาทิตย์เนชั่นแชนแนล (กย.52 – พค.54 ..ก็นานอยู่นะ) คนในแวดวงระแคะระคายบ้างว่าเราเกิด “สะดุดห้วงแห่งอารมณ์” กัน หลังจบซีซั่นนั้น เหตุเกิดในช่วงที่ผมกำลังคิดการใหญ่ ระเบิดรายการแบไต๋ไฮเทคออกเป็น 5 วัน 5 ช่อง (Daily 5 LIVE) เพื่อจัดหนักรายการไอทีให้แผ่ซ่านเต็มช่องดัง ๆ ของทีวีดาวเทียม (ช่วงนั้นฟรีทีวีไม่เคยเหลียวแล T-T) ซีเองก็กำลังอยู่ในจังหวะขาขึ้น งานเริ่มรัดตัว และดูทรงแล้วคงไม่สามารถมาจัดรายการให้ทุกวันได้ ..ณ จุดนี้ผมเข้าใจดี ผมรู้ดีว่า “ปีทองของน้อง” กำลังเริ่มต้น มีคนเข้ามาให้ข้อเสนอดี ๆ มากมาย ก็ดีใจกับน้องด้วยหลังช่วยเชียร์กันมานานกว่า 2 ปี สิ่งที่พวกเราทุกคนช่วยกันมันได้ผล ผู้ชมให้การหลงใหลเธอ ลูกค้า, แบรนด์, เอเจนซี่ให้การจดจำ ยอมรับ และถามถึงกันท่วม ผมภูมิใจเสมอที่เห็นความสำเร็จของเธอ นี่จากใจจริงเลย …แต่แล้วจุดสะดุดก็เกิดขึ้น…

เมื่อเธอเดินมาลาออกด้วยวิธี การกระซิบที่ข้างหูก่อนออกอากาศสดในคืนนั้น… ก็พยายามจะเข้าใจแหละว่าเวลาเธอน้อยลง เลยไม่มีเวลาคุยกับเรามากเหมือนเดิม แล้วก็เป็นไปได้ที่เธออาจเกรงใจจนไม่กล้าหาเวลาพูด เลยมาตัดใจพูดกันตอนใกล้จะออกอากาศในหลักนาที …คำ”ไม่ทำแล้วนะ” ถูกเปล่งออกมาจากลำคอเธอด้วยเสียงอ่อย ๆ อ่อยในระดับที่ผมยังจำน้ำเสียงได้ติดหู และมันกระซวกเข้ามาในหัวใจแบบกรดแต้มไฝคือโดนแล้ว 3 วิฯ ถึงค่อยแสบร้อน อิ๊บอ๋าย …เสียงนับถอยหลัง 5..4..3..2 ดังมาจากผู้กำกับเวที ผมมีเวลาน้อยมากที่จะเคลียร์เรื่องนี้ออกจากสมองก่อนจะกล่าวคำ “สวัสดีคร้าบท่านผู้ชม” ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ..จำความรู้สึกเจื่อน ๆ ที่ปากพูดอะไรไปบ้างไม่รู้แต่สมองมันแยกส่วนคิดไปอีก เรื่อง “อะไร?-ทำไม?-ไม่จริงมั้ง?” ตีวนอยู่ในรอยหยักขณะจัดรายการวันนั้น

…และด้วยรูปแบบรายการในขณะนั้นที่ซีจะถ่ายเสร็จก่อนพวกเรา หมดช่วงแล้วก็กลับบ้านได้เลยเพราะเธอเคยขอไว้ว่าจะต้องตื่นไปอ่านข่าวเช้า ช่อง NBT ผมก็เลยไม่ได้พูดคุยอะไรเลยกับเธอในจังหวะผงะนั้น เวลาผ่านไปถึงกลางสัปดาห์ ทีมงานโทรไปแจ้งว่าอาทิตย์นี้มาลารายการหน่อย คุณผู้ชมจะได้ไม่งง สิ่งที่ผมได้รับแจ้งจากทีมงานคือเธอปฏิเสธ … ก็งงๆอยู่ว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรให้เธอไม่สบายใจอีกรึปล่าว ในอดีตกว่านั้นเราเคยเคลียร์ใจกันมาครั้ง (ด้วยเหตุผิดคิวงานบางประการ) ผมบอกถ้าเธอมีอะไรไม่สบายใจให้บอกได้ เธอคอมเม้นต์ว่าการเล่นมุกของพวกเราบางครั้งดูถูกเพศหญิง ครั้งนั้นผมนึกไม่ออกจริงๆว่ามุกไหน แต่ก็รับปากไว้มั่นว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก ..

1สัปดาห์วุ่น ๆ หลังจากเธอ ลาออกผมจบงานเจรจาว่าจ้างพิธีกรใหม่ทั้งหมด เราได้พิธีกรหญิงเพื่อลงตารางรายการรูปแบบใหม่ทั้ง 5วัน 5สาว อ่านรายนามแล้วก็ตื่นเต้นพอสมควรที่จะได้ร่วมงานกับมืออาชีพหลายคน สปอนเซอร์ก็ตื่นเต้น เพราะนอกจากเราเปิดรายการรูปแบบใหม่ในช่องใหม่ ๆ ได้แล้ว เรายังเปิดสตูดิโอใหม่ที่ดิจิตอลเกตเวย์สยามสแควร์อีกด้วย …แฟนๆแบไต๋ฯมากมายเดินทางมาชมปฐมฤกษ์รายการของเรา สปอนเซอร์ ผู้บริหารสถานี และพาร์ทเนอร์การค้าหอบกระเช้ามาแสดงความยินดี ท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ ของการต้อนรับแขกเรื่อ ปีเตอร์กวงควงมือถือ, หนึ่งในพิธีกรของเราเหลือบไปเห็นพิธีกรเกลอเก่าเรามาใน ลุคซุกซ่อนดวงตาอยู่ใต้แว่นกันแดดอันใหญ่ เธอเดินขึ้นมาดูกิจการงานรายการใหม่ แต่แทนที่เราจะได้ยิ้มกัน เธอกลับม้วนลงบันไดเลื่อนไปโดยไม่ได้ทักทายใดๆกันเลย …วันนั้นผมก็มัวแต่ตอนรับแขกตรงหน้าจนไม่ได้มองออกไปรอบ ๆ มารู้ภายหลังว่าเธอมา …

ตลอดระยะเวลาช่วงนั้นผู้ชมจำนวนมากส่ง ข้อความมาทางทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กในทำนองว่าเพราะเหตุใดพวกเราถึงถอดน้องซี ออก? บางคนบ่นแรงว่าทำไมเราถึงทอดทิ้งเธอ? …ผมทำหน้าที่รักษามารยาทไม่ตอบเหตุผล แบบตรงไปตรงมา แต่ได้ประคองคำตอบให้เธอยังคงดูดีที่สุด ..แต่ก็ไม่ได้เลือกวิธีโกหกเลยซักครั้ง  …ตอนนั้นลุ้นอยู่เหมือนกันอยากให้เธอพูดอะไรออกมาบ้าง แต่เธอก็เลือกไม่ตอบเลยซักคำถาม ทิ้งให้แฟนๆแบไต๋ฯอึมครึมอยู่พักใหญ่…

ถาม ว่าที่ผมขุ่นเคืองจริงๆ คือเรื่องลาออกหรือไม่? คำตอบคือ”ไม่ใช่” การลาออกเป็นเรื่องธรรมชาติของวิถีการทำงาน มีพบก็ต้องมีลาจาก เหมือนกับชีวิตคน ชีวิตงานผมผ่านมา15ปี ศรีทนได้เสมอ แต่ที่ผมแหม่ง ๆ ตะหงิด ๆ ที่สุดมีเพียง 2 เรื่องเท่านั้นคือ ตอนปีสุดท้ายที่เราร่วมงานกันผมมีลูก (เอ่อ.. มีกับภรรยาผมนะครับ อย่าเข้าใจผิด) แต่เธอ “ไม่เคยถามถึงลูกผมเลย” ..วันคลอดไม่ได้มาเยี่ยมอันนี้เข้าใจได้ เพราะมันแค่ช่วงสั้น ๆ 3 – 4 วันที่โรงพยาบาล แต่พอวันมาถ่ายรายการเทปปีใหม่กันที่บ้านเธอไม่ได้ถามถึง …ผมก็ตึง ๆ บ้างในฐานะพี่ที่คาดหวัง ถึงกับต้องทบทวนระดับความรู้สึกที่มีให้

..ส่วนอีกเรื่องคือวันที่ผมควานหาพิธีกรใหม่ได้จนครบ 5 คนด้วยความวุ่นวายยิ่งกว่า ซื้อขายหุ้นอิชิตัน วันนั้นที่ใต้ตึกมาลีนนท์ผมได้พบเธอครับด้วยการชักชวนของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่อยากให้ผมนั่งรอเธอลงมาจากห้องส่ง เธอตอบแบบรักษามารยาทต่อหน้าผู้ใหญ่ท่านนั้นว่า “มีอะไรเรียกใช้ซีได้อีกนะคะ” ผมก็บอกเธอว่า “ไว้เราคุยโทรศัพท์กันยาว ๆ ซักครั้ง โทรมานะ” ..จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เธอยังไม่ได้โทรมา ..
.. … …

3 ปีผ่านไปไม่ไวเท่าไหร่ มีเรื่องชวนอึดอัดเกิดขึ้นเสมอ ๆ ข่าวเมาท์แบบปากต่อปากกระจายไปบ้างแบบที่ผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นและควบคุม เนื้อหาไม่ได้ เจ้าภาพงานต่าง ๆ เวลาเชิญแขกมาร่วมงานก็มักถามผมว่า “งานนี้คุณหนุ่ยจะสะดวกไหมคะ เพราะว่าน้องซีมาด้วย?” ผมก็ อุ้ย! …จะเป็นอะไรล่ะครับ ไปร่วมได้ครับ สบายมาก”

ผมพูดจริงครับ และผมรักษาความเป็นมืออาชีพ มีนะครับที่เจ้าภาพเชิญมาขึ้นเวทีเดียวกัน งานไหนต้องขึ้นเวทีด้วยกัน ผมก็ขึ้นไปทำหน้าที่อย่างเริงร่า แต่พอลงมาเราก็ร้างลา ถ้าแมทช์ไหนบังคับให้ประจันหน้ากันเราก็แค่ทักกันผ่าน ๆ ผ่านได้สบาย ๆ เพราะพื้นที่ในงานมีตั้งมากมาย ผมเลือกไปยืนมุมอื่นก็ได้ ..มีบางงาน ก็ตลกดี ลูกค้าชวนทานข้าว ผมกับเธอไปป๊ะกันบนโต๊ะ พยายามจะนั่งห่าง ๆ กันไว้แต่จังหวะก็ประทานให้นั่งตรงข้ามกัน ผมก็เลือกคลุกวงคู่สนทนาด้านข้างของผมแทน ..(แต่หูหันไปในองศาหน้าเธอ ได้ยินเสียงเธอตลอด!)

ทริปเกาหลีที่เพิ่งผ่านพ้น ก็เช่นเคยล่ะครับที่เจ้าภาพ LG ถามก่อนเพื่อความสบายใจ ซึ่งผมก็สบายใจอยู่แล้วครับที่จะไป จินตนาการเหมือนทัวร์ทั่วไปที่นั่งกัน 30-40คนเต็มคันรถ… แต่แล้วก็กลายเป็นทริปกระชับพื้นที่คือมีกันแค่ “7คน” หันไปทางไหนก็ต้องเจอกันแหละครับทีนี้ ซีเดินทางไปกับคุณแม่ ส่วนผมเดินทางไปกับอดุลย์ลูกน้องหัวแก้วหัวแหวนแผนกยิงมุกของผม กำชับกับอดุลย์ว่าไม่ต้องยิงมุกเรื่องนี้ #เข้าใจตรงกันนะ

… 3วันของการทำงานแข่งขันกันคว้าข้อมูลจากแหล่งข่าวเพื่อให้ได้รายงานชิ้นที่ ดีที่สุดผ่านไป ..ผมยอมรับครับว่าแม้จะยังคงคอนเซปต์สงวนท่าที แต่ก็พูดจาปราศรัยกับเธอไปมาก มากที่สุดในรอบ3ปีนี้เลยล่ะ

ก่อน บินกลับไทยที่สนามบินอินชอน เธอยื่นถุงขนมให้ถุงหนึ่งที่หน้า Gate ผมไม่ได้มองหรอกว่าเป็นอะไร แต่เธอพูดว่า “ฝากให้น้อง” ..ผมเงยหน้ามามองหน้าเธอชัดๆแล้วถามว่า “รู้ด้วยเหรอว่าพี่มีลูก?” …เธอตอบว่า “คิดถึงอยู่ตลอดแหละ” …หน้าผมยังไม่ยิ้มนะครับ แต่ใจมันยิ้มไปแล้ว เหมือนโดนไขใจที่โดนขังไว้มานาน …ผมจะอ้าปากคุยกับเธอต่อหวังจะเคลียร์ใจให้จบ ๆ ปรากฏอดุลย์ตัวดีเข็นรถมาชนและของตก …เลยหลุดจังหวะพูดไป … เครื่องบินพาเรากลับสู่กรุงเทพฯด้วยการใช้เวลาบินราว4ชม.40นาที เรานั่งใกล้กันแต่ไม่ติดกัน จึงไม่ได้พูดอะไรกันต่อ …ก่อนลงจากเครื่องบินผมเปิดช่องส้มภาระเห็นถุงของฝากจึงกล่าวคำขอบคุณเธอ สำหรับของฝากลูกสาวผม เดินออกมาจากเครื่องเจอดาราใหญ่เกาหลีบินมาด้วย แต่ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าความรู้สึกแบบ”น้อง”ที่ก่อตัวยูเทิร์นมาอีกรอบต่อ ตัวเธอ

รับกระเป๋าเสร็จ ถึงเวลาต้องแยกย้ายจริง ๆ แล้ว ผมเชิญทุกคนถ่ายรูปหมู่ โดยอาสาจะเป็นผู้ถ่ายเอง คุณแม่ของน้องซีไม่ยอม ท่านขออาสาถ่ายให้  ซีเว้นที่ว่างตรงกลางข้างเธอไว้ให้แล้วบอก “พี่หนุ่ยมาอยู่ตรงกลางเลย” สตั้นไป 3วิฯ แต่ปฏิกริยาโต้ตอบจากร่างกายคือการยกมือซ้ายไปโอบอดุลย์ไว้และมือขวาทำ หน้าที่เดียวกันแต่ไปหาน้องทางขวา หลังถ่ายรูปเสร็จ เธอยิ้มและมองหน้าผมด้วยแววตาที่คล้ายซีที่ผมเริ่มรู้จักเมื่อ 5 ปีก่อน เธอบอก  “ทุกอย่างเหมือนเดิมนะ” … ผมไม่ได้พูดตอบอะไรไปนอกจากภาษากาย แต่จะมาพิมพ์บอกต่อในนี้ว่า …

”ครับน้อง”

ทุกอย่างเหมือนเดิมแล้ว … ต่อจากนี้ไปพี่จะมีแต่ความรู้สึกดี ๆ ให้เธอเหมือนเดิม เคยเอ็นดูเธออย่างไร ก็จะเอ็นดูเธออย่างนั้นนะ

20578

ผม เดินยิ้มหอบสัมภาระออกมาจากสุวรรณภูมิ รู้สึกโล่ง โล่งที่โลกผมกว้างขึ้นอีกนิด เพราะมันไม่ต้องมี “ความรู้สึกโกรธใด ๆ” ให้ผมต้องชังใครอีก 🙂

ถ้าบทความนี้จะทำให้คุณผู้อ่านกลับไปคืนดีกับเพื่อนเก่าที่เคยโกรธเคืองกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องได้บ้าง ผมก็จักยินดียิ่งครับ 🙂

….โทรสิครับ โทรเลย…. เขาอาจรอสายคุณอยู่นาน 3ปีแล้วก็ได้นะ

หนุ่ย.พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ 

หนุ่ยรู้โลกรู้ #92: “Cee-her-again” ภาคต่อ @Ceemeagain

ขอขอบคุณหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก

ฝั่ง @ceemeagain ก็ออกมาระบายความในใจเช่นกันตาม link ด้านล่าง

วงการไอทีกับ“ซี”รี่ย์ของความทรงจำ ระหว่างซีและพี่หนุ่ย พงษ์สุข