‘แพน ศรุต เตียตระกูล’ ทาเลนต์หนุ่มรุ่นใหม่ของ beartai ที่ไม่ได้สนใจเฉพาะด้านไอที แต่คนที่รู้จักเขาจะรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถที่หลากหลาย ทั้งเรื่องของไอที การทำอาหาร หรือแม้แต่การชงกาแฟ ซึ่งนั่นล้วนเกิดขึ้นจากตัวตนของเขาที่มีความสนใจที่หลากหลาย และความเชื่อลึก ๆ ที่เขาได้รับมาจากพ่อของเขาเองว่า
เราสามารถทำได้ทุกอย่าง ถ้าเราสนใจ
ความสนใจด้านไอทีของคุณเริ่มต้นที่ตรงไหน
เอาตั้งแต่ตอนมัธยมที่โรงเรียนเซนต์ดอมินิกแล้วกันครับ พอดีว่าตอนนั้นผมได้มีโอกาสเข้าไปในชมรมเขียนเว็บไซต์ของโรงเรียน ซึ่งตอนนั้นก็ต้องเรียนการขึ้นโครงเว็บกันตั้งแต่เริ่มต้นเลย เริ่มหัดใช้โปรแกรม Dreamweaver เรียนการเขียน Flash อะไรทำนองนี้ ช่วงนั้นก็เลยได้มีโอกาสเข้าใกล้เรื่องไอทีมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าย้อนกลับไป จริง ๆ แล้วด้วยความที่คุณพ่อเขาเป็นวิศวกร แล้วก็อยากให้ลูกมีทักษะด้านวิศวกรรม เขาก็เลยจะชอบซื้อของเล่นพวกหุ่นประกอบ รถประกอบ หรือไม่ก็ลองเล่นอินเทอร์เน็ตด้วยกัน ลองสมัครอีเมล ลองต่ออินเทอร์เน็ตในยุคที่มันยังเป็นแค่ Dial-In
ซึ่งพอได้มาอยู่ชมรมเว็บไซต์ของโรงเรียน ก็ต้องดูแลเกี่ยวกับเรื่องระบบเน็ตเวิร์กด้วย ดูเรื่องเครือข่าย ไปแข่งประกอบคอมพิวเตอร์ แข่งทำเว็บไซต์ ทำแอนิเมชัน ก็เลยได้เจอกับปัญหาด้านไอทีตลอดช่วงมัธยมเลยครับ มันก็เลยรู้สึกเริ่มอิน เหมือนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่ามันเป็นเหตุผลที่มากพอไหมในเรื่องเกี่ยวกับความสนใจด้านไอที
พอเข้ามหาวิทยาลัย ก็เข้าเรียนด้านวิศวกรรมโยธาที่ ม.เกษตรครับ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมาก เพราะว่าเรียนตามพ่อ เพราะที่บ้านมีธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้าง ด้านวิศวกรรมโยธา ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ แล้วอันที่จริงตอนแรกก็วางแผนไว้ว่าอยากจะเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ แต่พอมานั่งชั่งใจดูอีกทีก็นึกได้ว่า เราไม่ได้อยากจะนั่งเขียนโค้ดไปตลอดชีวิต แต่ถ้าเรียนวิศวกรรมโยธา ก็น่าจะได้ไปทำงานกับพ่อ ได้ทำงานกับคนอื่น ได้ไปที่โน่นที่นี่ แล้วการเรียนวิศวกรรมก็ทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับตรรกะเกี่ยวกับด้านตัวเลข การคำนวณ ซึ่งจะทำให้เข้าใจด้านไอทีมากขึ้น ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้เราอินยิ่งขึ้นไปอีก
แล้วด้วยความที่แพนเองเป็นคนบ้าซื้อแกตเจ็ต พวกนาฬิกาอัจฉริยะ ชักโครกที่มีระบบกดน้ำเอง แอร์ที่เปิดได้จากนอกบ้าน หรือหลอดไฟเปลี่ยนสีได้ ของแบบนี้เราจะชอบมาก แล้วพอซื้อมาแล้วเราก็ชอบป้ายยาเพื่อน มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าการได้พูดบรรยายสรรพคุณ ได้บอกคนอื่นว่ามันดีแบบนั้นแบบนี้ ก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ตัวว่าเราน่าจะเป็นคนที่ชอบรีวิวด้วย
เท่าที่ได้ยินมา นอกจากเรื่องไอที คุณสนใจอะไรหลาย ๆ อย่างมาก ทั้งการทำอาหาร ทำอย่างอื่น
เคยเรียนทำอาหารที่เลอ กอดอง เบลอ ครับ เพราะว่าเป็นความใฝ่ฝันมาตั้งแต่มัธยม เพราะว่าชอบดูการ์ตูนที่เกี่ยวกับการทำอาหาร แล้วมันมีการ์ตูนที่บอกว่า เขาไม่ได้ชอบการทำอาหารหรอก แต่เขาชอบการทำให้คนมีรอยยิ้ม เราก็ โห เจ๋งว่ะ เราก็เลยลองทำขนม ทำมัฟฟิน ทำโน่นทำนี่ไปให้เพื่อน ๆ ชิม เพื่อน ๆ ก็บอกว่าอร่อย ตอนมัธยมแพนก็เลยขอพ่อว่า เดี๋ยวจบมัธยมจะขอไปเรียนทำอาหารซักปีหนึ่งก่อนแล้วค่อยเรียนมหาวิทยาลัยได้ไหม พ่อบอกว่าไม่ (หัวเราะ) เพราะเอาจริง ๆ ค่าเรียนก็ไม่ใช่ว่าจะถูก พอจบมหาวิทยาลัยจริง ๆ ก็เลยมาถามพ่ออีกทีว่าคราวนี้จะให้เรียนได้ไหม พ่อก็ถามว่า ยังจำได้อีกเหรอ (หัวเราะ) พ่อก็เลยตกลงให้เรียน
เอาจริงมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับไอทีหรอก แต่มันเหมือนว่าแพนกำลังจะทำตามความฝันของตัวเอง การเรียนทำอาหารมันเหมือนเป็นการเพิ่มทักษะให้ตัวเอง เวลาไปกินอาหารร้านไหนมันก็จะทำให้เรารู้สึกสนุกขึ้น แต่มันก็มีข้อเสียเหมือนกันว่า มันจะทำให้เรารู้สึก ทำไมเขาทำอาหารแบบนี้วะ หรือทำไมเขาขายอาหารจานนี้แพงจัง คือไม่ได้อยากจะจับผิดนะครับ แต่ว่าพอเราเรียนวิศวะ มันก็ทำให้เราฝึกการช่างสังเกตไปในตัว มันก็เลยทำให้เราชอบสังเกตไปโดยปริยาย
ตอนนั้นแพนก็เลยเริ่มทำช่องยูทูบเป็นของตัวเอง เพราะว่าตอนนั้นหลังจากเรียนจบก็ว่างงานพอดี แล้วตอนนั้นก็กำลังจะไปสมัครเป็นหัวหน้าวิศวกรคุมงานก่อสร้าง ก็เลยเริ่มต้นทำงานที่บริษัทของพ่อ พ่อเราก็ไม่ได้เป็นเมนเทอร์สอนงานเก่งอะไรขนาดนั้น แล้วด้วยความที่มันเป็นธุรกิจครอบครัว ช่วงนั้นก็เลยมีตีกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แล้วมันมีช่วงที่ว่าง ๆ ก็เลยลองทำช่องยูทูบดู ตอนนั้น iPhone 11 กำลังออก ด้วยความที่ว่าเราก็เป็นสาวก iPhone ตั้งแต่รุ่นแรกอยู่แล้ว ซื้อมาทุกรุ่น แล้วแพนเองก็มีทักษะการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ เพราะว่าเคยเป็นตากล้องไปถ่ายงานกีฬาสี งานโน้นงานนี้ตอนสมัยมัธยม ก็เลย เออ ลองทำคลิปรีวิวหน่อยเว้ย
ปรากฏว่า เออ มันเวิร์กว่ะ ชอบ สนุกดี รู้สึกดีที่ได้พูดกับคนมากขึ้นที่ไม่ใช่เพื่อนเรา แล้วผลตอบรับก็ค่อนข้างดี เป็นหลักแสนวิว มันก็เลยเป็นกำลังใจว่า หรือเรามาถูกทางแล้ววะ ก็เลยเริ่มไปขอของมาถ่าย เริ่มรับงานมากขึ้น บางคนก็ให้ บางคนก็ไม่ให้ หรือไม่ก็ให้เพื่อนเป็นคนแนะนำคนนั้นคนนี้บ้าง ก็เลยพอจะเริ่มรันเป็นธุรกิจขึ้นมาได้แบบค่อย ๆ โต แต่ว่าด้วยความที่เรายังวางสมดุลระหว่างงานลูกค้ากับงานของเราเองไม่ค่อยได้ เราเลยรู้สึกว่า ถ้าทำเองไม่น่าจะได้เงิน แต่ถ้าทำให้คนอื่น น่าจะได้เงินมากกว่า มันก็เลยทำให้แชนแนลของแพนก็เลยไม่ค่อยมีคอนเทนต์เท่าไหร่
คุณเคยถามตัวเองไหมว่าทำไมเป็นคนที่สนใจอะไรหลากหลายขนาดนี้
แพนคิดว่าสาเหตุหลัก ๆ น่าจะมาจากพ่อของแพนครับ เพราะว่าพ่อเขาเป็นวิศวกร เขาจะชอบคิดว่าทุกอย่างในโลกเป็นเรื่องง่าย เขาจะชอบพูดว่า โอ๊ย แบบนี้ง่าย ๆ แบบนั้นง่าย ๆ มันก็เลยเป็นสิ่งที่อยู่ในใจเราว่า ถ้าเราอยากจะทำอะไร ก็แค่ต้องพยายาม หาความรู้ แล้วก็อย่าปิดกั้นตัวเองว่าทำไม่ได้ เพราะว่าตอนเด็ก ๆ คุณพ่อจะชอบพาไปซ่อมท่อน้ำ ลองซ่อมรถ ซ่อมโน่นซ่อมนี่ เพราะว่างานซ่อมมันเป็นงานพื้นฐานที่ถ้าคนที่ไม่ได้พยายามจะทำ ก็จะไม่ค่อยชอบ แต่ด้วยความที่แพนโดนบังคับให้พาไปดูนั่นดูนี่ ท่อน้ำรั่วทำยังไง ยางแตกต้องทำยังไง เราก็เลยซึมซับความคิดแบบนั้นมาว่า เราทำได้ทุกอย่างถ้าเราสนใจ แล้วมันก็จะทำให้เราสนใจว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้มันทำยังไงวะ คือแพนก็รู้ในใจว่ามันก็ไม่ได้ง่ายหรอก แต่ก็คิดว่าน่าจะทำได้ ถ้าเกิดเราสนใจจริง ๆ
แล้วอีกอย่างคือโดยพื้นฐานแพนเองเป็นคนขี้เบื่อ พอเรารู้เรื่องนี้แล้ว เราก็อยากจะย้ายไปอยากรู้เรื่องอื่น ๆ อีก ประมาณนั้นครับ
มีความสนใจไหนไหมที่ลดน้อยลงไปตามเวลา
ความสนใจลดน้อยลงไม่มีครับ มีแต่ว่าเรามีเวลาที่จะไปสนใจสิ่งต่าง ๆ น้อยลง เพราะว่าเราต้องโฟกัสมากขึ้น แต่ถ้าถามว่าอยากไปทำอะไรที่อยากทำไหม อยากครับ แต่ว่าเราคงไม่สามารถรับความเสี่ยงที่เราจะปันเวลาทำงาน ทำอาชีพของเราไปทำสิ่งอื่น ๆ ที่สนใจได้ อย่างล่าสุดเลยก็คืออยากทำงานบริการ อยากไปเป็นบาริสตาร้านกาแฟนี่แหละครับ แต่ว่ามันไม่ได้จริง ๆ เพราะว่ามันต้องเรียนรู้เยอะและใช้เวลานาน แล้วเอาตรง ๆ ก็เงินน้อยด้วย (หัวเราะ) ก็เลยคิดว่า ถ้าไม่เป็นลูกจ้าง ก็เปิดร้านกาแฟเองซะเลย หรือปีที่แล้ว แพนอยากจะทำกระเป๋าหนังขายมากเลย อยากลองทำงานศิลปะที่เป็น Handcraft แต่ว่ามันต้องใช้ Learning Curve สูงมาก ต้องใช้เวลาเรียนรู้นาน มันต้องใช้ฝีมือ ใช้ประสบการณ์ ซึ่งแพนเองมีหัวด้านวิศวะ มันก็เลยจะคิดอะไรที่มันเป็นงานศิลปะไม่ได้
คุณมาเป็นทาเลนต์ของ #beartai ได้อย่างไร
ตอนนั้นได้รับการติดต่อจากโปรดิวเซอร์ที่เห็นงานของแพนครับ ซึ่งจริง ๆ แพนก็รู้จัก #beartai อยู่แล้วแหละ เพราะว่าเคยเห็นสตูดิโอตั้งแต่สมัยอยู่ Digital Gateway ตั้งแต่สมัยที่อยู่ในทีวี แล้วพอมาอยู่ออนไลน์ ก็ยังไม่ได้ติดตามเท่าไหร่ แต่ก็พอจะรู้จัก แล้วพอเขาติดต่อมา เราก็รู้สึกว่า จริงเหรอวะ เขาจะมาติดต่อช่องกะโหลกกะลาอย่างเราจริง ๆ เหรอ ก็เลยลองตอบรับไปดู ก็เลยได้ลองไปคุย ลองไปสัมภาษณ์กันก่อน พอสัมภาษณ์เสร็จเขาก็ถามว่า งั้นวันนี้ลองถ่ายกันสักคลิปหนึ่งมั้ย เราก็ หา… ก็เลยลองเอาบทความไปอ่านแล้วก็ลองถ่ายงานแรก แล้วรู้สึกว่าคลิปนั้นจะได้ออนจริง ๆ ด้วย เราก็เลยรู้สึกว่าโอเค แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นงานง่าย แต่มันก็อยู่ในขอบเขตที่เราพอจะทำให้ดีได้ ประกอบกับว่าเราพอมีความรู้เกี่ยวกับไอทีอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้ติดปัญหาอะไรครับ
จำได้ไหมว่าคลิปแรกเป็นคลิปอะไร ตอนถ่ายเป็นอย่างไร ยากง่ายแค่ไหนบ้าง
จำได้ครับ มันคือคลิป 5 จุดเด่น 5 จุดอ่อนของ iPhone 12 คือด้วยความที่ว่า Topic มันเอื้อในการพูดในระยะเวลาที่ไม่นานมาก ถ้ามองย้อนกลับไปมันก็ถือว่าง่ายเลยล่ะ เพราะว่ามันก็แค่ต้องพูด 5 จุดเด่น กับ 5 จุดด้อย แต่ตอนนั้นทีมงานเขาอยากจะรู้ว่า ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง เราจะสามารถจำสคริปต์ได้ไหม ซึ่งตอนนั้นก็ถือว่ายากพอสมควรเลย เพราะว่าเราไม่ค่อยชินกับทีมงานด้วย ก็เลยเป็นอะไรที่แปลก ๆ ดี เพราะว่าตอนที่เราถ่ายคลิปเอง เราจะไม่รู้ว่าควรจะคัตตรงไหน หรือไม่รู้ว่าช่วงไหนดีหรือไม่ดี แต่ว่าการถ่ายครั้งนี้มีคนคอยบอกสคริปต์ให้เรา มีคนคอยควบคุมให้เรา มันก็เลยค่อนข้างแปลกใหม่และสนุกดีครับ
คุณชอบผลงานทาเลนต์ของตัวเองงานไหนมากที่สุด
ที่ชอบที่สุดคือ คลิป E-Sim ของ Apple ครับ เพราะว่ามันเป็นสคริปต์ที่เราเขียนขึ้นเอง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการคุยกันกับทีมงาน คุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็ไปโผล่ที่เรื่อง E-Sim โปรดิวเซอร์ก็บอกว่า เฮ้ย แพน ที่คุณพูดมามันเอาไปทำเป็นคอนเทนต์ได้นะ ต่อให้เรื่องมันเก่า แต่ถ้ามันยังมีคนอยากรู้และสนใจมันก็น่าทำ แล้วก็บอกแพนว่า งั้นคุณลองไปร่างสคริปต์มา ผมพอจะเขียนสคริปต์ได้อยู่แล้ว ก็เลยลองเขียนมา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เราอยากจะเล่าให้คนฟังมานานแล้ว แต่ว่าไม่มีโอกาส ไม่มีแรงผลักดัน
ซึ่งพอได้รับโอกาสแล้ว วันต่อมา แพนเขียนสคริปต์เสร็จภายในหนึ่งวันแล้วก็ส่งเลย ก็มีการปรับแก้คำบ้าง แต่โครงเรื่องหลัก ๆ ก็ยังเป็นของเราอยู่ มันก็เลยเป็นเรื่องที่สนุกดีที่เราได้เขียนและเล่าในสิ่งที่เรารู้ แล้วมันก็เป็นการฝึกให้เรามีความละเอียดรอบคอบด้วย เพราะว่าแต่ก่อนเราอาจจะรู้แค่ 70-80 เปอร์เซนต์ก็ได้ แต่ว่าตอนนี้เราต้องรู้เรื่อง 100 เปอร์เซนต์ เพื่อที่จะเขียนสคริปต์ออกมาให้ถูกต้อง ไม่ให้มีคนมาทักท้วง แพนรู้สึกว่า สคริปต์ต่าง ๆ ที่มันออกมาจากใจ ออกมาจากสิ่งที่เราอยากจะเขียนหรืออยากจะเล่า มันเป็นอะไรที่ง่ายมาก ๆ แต่ถ้าจะต้องเขียนเรื่องอะไรที่ต้องฝืนมันก็อาจจะยาก งานนี้ก็เลยเป็นงานที่แพนรู้สึกภาคภูมิใจครับ ถ้าไม่นับฝีมือเรื่องการพูดนะ (หัวเราะ)
ถ้าจะให้รีวิวงานทาเลนต์ของตัวคุณเอง คุณอยากให้กี่คะแนน
แพนให้ 9 คะแนนก็แล้วกันครับ เพราะแพนเองก็รู้สึกชอบในเนื้องานที่ออกมา รวมถึงสคริปต์ หรือเรื่องราวที่พูดมันก็ค่อนข้างตรงใจเรา เป็นสิ่งที่เราชอบ
คุณมีจุดสูงสุดในการเป็นทาเลนต์บ้างไหม
แพนมียูทูบเบอร์ในดวงใจที่ชอบคนหนึ่งครับ ชื่อว่า ‘มาร์ควิส บราวน์ลี’ (Marques Brownlee) เขาเป็นยูทูบเบอร์สายไอทีนี่แหละ รีวิวของต่าง ๆ นั่นนี่ แล้วเขาก็เป็นคนทำเองทุกขั้นตอน เริ่มทำมาตั้งแต่ 7-10 ปีที่แล้ว ทำแบบเล็ก ๆ ตั้งกล้องเอง ถ่ายเอง ตัดต่อเอง แล้วก็มีสไตล์การพูดการนำเสนอที่เป็นตัวของตัวเองมาก ๆ จุดมุ่งหมายสูงสุดของแพนก็คือ แพนอยากมีไลฟ์สไตล์ที่ห้อมล้อมไปด้วยเรื่องไอที แล้วก็เป็นคนนำ อยากมีเพื่อนร่วมทีมหรือลูกทีมที่ชอบเรื่องไอทีเหมือน ๆ กัน อยากเป็นคนที่เป็นผู้นำในเรื่องนี้อยู่ น่าจะเป็นจุดสูงสุดของแพน ที่แพนอยากจะเป็นแล้วล่ะครับ
คำถามสุดท้าย ถ้าคุณได้มีโอกาสทำคอนเทนต์ และได้เป็นทาเลนต์ในคลิปนั้นด้วยตัวเอง คุณอยากทำเรื่องเกี่ยวกับอะไร เพราะอะไร
ตั้งแต่ตอนที่แพนได้มาอยู่ที่นี่ ความคิดแพนเริ่มเปลี่ยนครับ จากที่เคยคิดว่าอยากทำคอนเทนต์ให้คนมาดูเรา แต่ไม่ได้เป็นคอนเทนต์ที่คนหมู่มากสนใจ ซึ่งแพนว่ามันไม่ค่อยดี แต่ถ้าให้คิดว่าอยากทำอะไร ณ ตอนนี้ แพนคิดว่าอยากทำเกี่ยวกับเรื่องเสียงครับ เช่นไมโครโฟน ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็เป็นคอนเทนต์ที่โคตรเฉพาะทาง เพราะว่าคนที่ใช้ไมค์จริง ๆ จัง ๆ ก็คงไม่ได้อยากรู้หรอกว่าต้องใช้ไมค์อะไร แต่แพนเชื่อว่ายังไงมันก็เป็นคอนเทนต์ที่คนอยากดู ส่วนคลิปเกี่ยวกับ iPhone หรือคลิปอะไรที่แมส ๆ ก็เอาลงที่ #beartai นี่แหละ ส่วนคลิปอะไรที่เฉพาะทางมาก ๆ ก็เอาไว้ลงช่องส่วนตัวของเราเอง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส