“วิชาภาษาอังกฤษ” ไม้เบื่อไม้เมาทางการศึกษาที่นักเรียนไทยต้องสู้รบกับหลักสูตรมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ … ผมสะกิดใจกับคำพูดหนึ่งซึ่งมาจากเพื่อนเก่าร่วมชั้นประถมศึกษาสถาบันเดียวกัน เธอเข้ามาคอมเม้นต์ใต้วิดีโอคลิปลูกสาวของผมเองที่แสดงการพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วในวัย 4 ขวบปี เพื่อนบอกว่า “เห็นแล้วสลดใจตัวเอง นี่แปลว่าที่ผ่านมา เราเรียนกันมาผิดหมดใช่ไหมเนี่ย? จบปี 4 แล้วถึงยังพูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้ !” …หลายคนอ่านมาถึงบรรทัดนี้ก็คงผงกหัวตามเพราะตัวเองก็รู้สึกเช่นนั้น … ทำไมหนอ? วิชาที่มีจุดมุ่งหมายทางการสอนง่าย ๆ ว่าเรียนเพื่อ “อ่านออก เขียนได้” ทำไมมันยากเย็นนักและไม่บรรลุผลตามเป้าหมายเสียที อาจเป็นเพราะเขาลืมเพิ่มเติมเป้าหมายต่อท้ายหลักสูตรว่าอ่านออก-เขียนได้แล้ว “ต้องพูดได้ด้วย” น่ะสินะครับ
ค่ำวันศุกร์ที่ 16 มกราคมหลังผมทำงานทอล์กโชว์ของตนเองเสร็จ ผมปรี่ไปร่วมงานๆหนึ่งที่สุขุมวิท 33/1 เป็นงานเล็ก ๆ ที่จัดบนชั้น 3 ของร้านอาหาร The Royal Oak English Pub สถานสังสรรค์ของฝรั่งทั่วพื้นพิภพโลกที่มาป๊ะกันในกรุงเทพ ผมแหวกฝรั่งจำนวนนึงขึ้นไปถึงชั้น 3 เสียค่าบัตรผ่านประตูน้อย ๆ ไป 350 บาทไทย นำตัวเองเข้ามานั่งลงไปบนเก้าอี้เล็ก ๆ ร่วมกับฝรั่งคนอื่น ๆ ที่ดูครึกครื้นจากการนำบัตรไปแลกเครื่องดื่มมึนเมาประเภทต่าง ๆ ที่ผู้จัดงานเตรียมไว้ให้ (ส่วนผมก็เมาโค้กตามระเบียบเพราะไม่ยุ่งเกี่ยวแอลกอฮอล์)
เวลาราว 3 ทุ่ม มิสเตอร์ Chris Wegoda ครีเอทีฟไดเรคเตอร์ของงานก็ขึ้นไปกล่าวต้อนรับและเรียก “นักเดี่ยวไมโครโฟน” มากมายหลายเชื้อชาติที่สมัครเข้ามาเล่นเพื่อหวังผลเป็นเสียงหัวเราะมวลใหญ่และที่สำคัญ.. “ได้ฝึนตนเอง” ครับ ..สถานที่นี้คือ “One Stand Up Comedy” เวทีเดี่ยวไมโครโฟนต้นฉบับแบบที่พี่โน้ต อุดม แต้พานิช เคยไปเห็นมาจากเมืองนอกเมืองนาจนกลับมาพัฒนาเป็นโชว์ตลกสร้างสรรค์ขายตั๋วเก็บกินเลี้ยงชีวิตได้อย่างดีมาเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษแล้ว .. One Stand Up Comedy แบบดิบ ๆ มันเกิดขึ้นแล้วในเมืองไทยในนาม “The Comedy Club Bangkok” เริ่มต้นโดยฝรั่งในวงแคบ ๆ คนไทยจึงยังรู้จักอยู่น้อยมาก และมีคนไทยเพียงคนเดียวที่หาญกล้าขึ้นแสดงบนเวทีที่มีฝรั่งเจ้าของภาษานับร้อยจ้องมองรอตะครุบมุขจากปากเขา ..นักเดี่ยวไมโครโฟนชาวไทยคนนี้ชื่อ “Andy YP” หรือชื่อจริง ๆ ตามทะเบียนบ้านสุดคลาสสิก ชื่อนายสมคะเน ยอดพราหมณ์ งานประจำเขาจริง ๆ คือเป็นข้าราชการอยู่กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ..ไปหลงรักการเดี่ยวไมโครโฟนตอนถูกราชการส่งไปประจำสำนักงานส่งเสริมการค้าไทยใน L.A. หลังว่างจากการช่วยงานท่านทูตพาณิชย์ ก็ไปเรียนคลาส One Stand Up Comedy เป็นภาษาอังกฤษ จนรวบรวมความกล้าขึ้นแสดงบนเวทีที่ L.A. ได้หลายครั้ง
หลังกลับมาประจำที่เมืองไทยก็ค้นหาว่ามีการแสดงลักษณะนี้บ้างไหม ปรากฎว่ามาเจอที่นี่ …ผมเจาะจงมาดูการแสดงของเขาโดยเฉพาะเพราะเคยชมผลงานผ่านกระทู้ฮอตใน Pantip.com ..ครั้งนี้เขาทำได้ดีมากในสายตาของผม แม้เจ้าตัวจะลงจากเวทีมานั่งเสียใจเล็กๆหลังการแสดงจบ รู้สึกเสียดายตรงจุดนั้นจุดนี้ (ช่างเหมือนตอนผมแสดง “โซเชียลมีเดี่ยว” เด๊ะ ๆ ครับ..มันคงเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งของนักแสดงเดี่ยวฯ) แต่ผมมองว่าเขาบรรลุผลลัพธ์แล้วคือ “ฝรั่งเจ้าของภาษา” มันฮากับเรื่องราวของเขาที่เล่าเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างแตกฉาน เสียงหัวเราะมวลใหญ่ที่ฝรั่งในค่ำคืนนั้นมอบให้ Andy ดั่งสนั่นกว่านักแสดงเดี่ยวไมค์ฯ ฝรั่งอีกหลาย ๆ คนที่ขึ้นแสดงทั้งก่อนและหลังเขา
ตลกจริงต้องนายคนนี้ครับ #AndyYP คนไทยเพียงคนเดียวที่กล้าขึ้นไปเดี่ยวไมโครโฟนเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเขย่ากรามฝรั่ง.. ผมอัดคลิปเต็มๆไว้นะ จะดูก่อนที่เราจะทำ Subtitle เสร็จก็ได้นะครับที่ http://youtu.be/Gax9jyedSe0 ผมยัง Unlist มันไว้นะ รอถอด Subtitle จะดูตอนนี้คุณต้องลอกลิงค์ไป วิดีโอที่โพสต์โดย Pongsuk Hiranprueck (@nuishow) เมื่อ
ที่เล่าทั้งเรื่องลูกสาวผมและเรื่องของแอนดี้ (ที่เหมือนไม่เกี่ยวกัน) เพราะจะบอกว่าสองคนนี้มีจุดเชื่อมโยงที่เหมือนกันในการฉายแววความสามารถทางภาษาอังกฤษคือ เธอและเขา “คิดเป็นภาษาอังกฤษ” ..ลูกผม 4 ขวบกับแอนดี้เกือบ 40 ใช้กระบวนการเดียวกันคือคิดในสมองด้วยภาษาที่ต้องการสื่อสารออกมา … อยู่นี่ตอบคำถามมารดาด้วยประโยคยาวครั้งแรกในชีวิตตอนอาบน้ำ เธอจะลุกจากอ่างไปหยิบของเล่นตอนตัวเปียกๆ แม่ดุว่า “อยู่นี่ Don’t Go!” เธอหันมาตอบว่า “I will go first and then I come back!” .. และมาต่อประโยคยาว ๆ ใส่หน้าพ่ออีกครั้งตอนเราดูบลูเรย์ Frozen กัน “Look! Water become an ice!” ผมชวนเธอมองเอลซ่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เธอตอบทันควัน “Water become an ice because she has a power!!” สตั้นกันไปทั้งบ้าน! Verb to Have/Has เธอเป๊ะ.. ถามว่าใครสอน? ไม่มี.. มีแต่ความพยายามในการทำสิ่งแวดล้อมให้เท่านั้น ผมพยายามพูดกับเธอตั้งแต่เล็ก ส่วนแม่จะอนุญาตให้เธอดูการ์ตูนทุกเรื่องในระบบ Soundtrack เท่านั้น ฟังกันงุน ๆ งง ๆ ตอน 2-3 ขวบเธอก็ซึมซับไว้และมาปลดปล่อยเอาตอนเข้าเรียนอนุบาลไปเพียงแค่ 2 สัปดาห์…
ปัจจุบันผมยังคงพูดภาษาอังกฤษกับเธออย่างต่อเนื่องในชีวิตประจำวันและได้ร้อง “อุ๊ต๊ะ!” หลายครั้งกับคำตอบยาก ๆ ที่เธอตอบได้ เราไม่ใช่ครอบครัวฝรั่ง เราเป็นพ่อแม่ไทยที่ Made In Thailand 100% ไม่เคยไปร่ำเรียนเมืองนอก (แค่ Summer Course เพียง 1 เดือนในอังกฤษ) แต่แค่นั้นก็เพียงพอต่อการเข้าใจได้ว่า “ภาษาอังกฤษสำคัญเพียงใด” .. จากกระบวนการนี้ทำให้ผมค้นพบว่า “การดูหนังเป็น Soundtrack” ส่งเสริมความคุ้นเคยทางภาษา แต่ถ้าคุณอยาก”ได้ศัพท์” ด้วยคุณจำเป็นต้องเปิด Subtitle อังกฤษควบคู่กับเสียงพูด “ไม่ใช่เปิดซับไทย!!” การอ่านไทยจะก่อเกิดเสียงจำลองในสมองอันจะไปรบกวนการรับรู้ว่าตัวละครกล่าวคำใดออกมาจริง ๆ
.. ส่วนงานเดี่ยวไมโครโฟนฝรั่งในคืนนั้นทำให้ผมค้นพบอีกว่า “สำเนียงฝรั่ง” ไม่ใช่เรื่องจำเป็นต่อการสื่อสาร เพราะฝรั่งเองต่างถิ่นกันก็สำเนียงไม่เหมือนกัน และฝรั่งเขาพร้อมจะเข้าใจในสำเนียงต่างถิ่น (เขาชินมาหลายร้อยปีแล้วครับ) สำคัญที่สุดคือ “ความกล้าที่จะพูด” เหมือนกับที่แอนดี้ “สมคะเน ยอดพราหมณ์” ทำได้ …ผมอัปคลิปของทั้งสองคนไว้ใน Channel ยูทูปส่วนตัว คุณ ๆ ลองเข้าไปชมคลิปเพื่อพิจารณาเป็นภาพปลากรอบคอลัมน์นะ 🙂
ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว…แค่คิดและกล้าพูด
หนุ่ยรู้โลกรู้ #111…ลองวิธีนี้ดู หนูพูดภาษาอังกฤษได้แน่!
โดยหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์