บทความเด่นในรอบสัปดาห์ก่อนมี 2 เรื่องที่ผมว่าน่าสนใจมากอยากแชร์ให้อ่านกันบนหน้ากระดาษผมครับ …จากการออกมาแสดงทัศนะถึงโลกอนาคตของมหาเศรษฐีใจบุญ “บิล เกตส์” เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ ที่ออกโรงเตือนชาวโลกว่าภายใน 20 ปีข้างหน้า อาชีพหลายหลากจะหายสาบสูญไปจากโลก มนุษย์จะถูกแย่งงานโดย “บอทการทำงานแทนบนอินเทอร์เน็ต” (คล้ายบอทเล่นเกมออนไลน์แทนเรานั่นแหละครับ) ซอฟต์แวร์จะถูกออกแบบจนมีระบบอัตโนมัติที่สมบูรณ์ อาชีพที่มีความเสี่ยงจะสูญพันธุ์ในสายตามหาเศรษฐีใจบุญคือ “นักบัญชี” แหงล่ะ~ในเมื่อใช้คนทำแล้วมันมีจุดผิดพลาดเสมอและเป็นงานโคตรปวดหัว อีกหน่อยพอการทำธุรกรรมทุกอย่างอยู่บนโครงสร้าง Digital Economy ที่วิ่งบนไอที-อินเทอร์เน็ตทั้งหมด “การคำนวนบัญชีแบบอัตโนมัติ” โปร่งใสและเรียกดูได้ทุกเมื่อก็จะเกิดขึ้น.. นักบัญชีคงต้องผันตัวเองไปเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและงานประหยัดภาษีแทนล่ะครับถึงจะรุ่ง..
คุณบิลเกตส์ยังทำนายต่อว่า “พนักงานขาย” ทั้งหลายอาจสูญพันธ์ทั้งงานขายตามห้าง, ซูเปอร์มาร์เก็ต และแม้แต่ขายทางโทรศัพท์ (Telesales) ก็จะหายจ้อย เพราะผู้คนจะมีวิถีการซื้อแบบใหม่คือ “หมดแล้วมา” กล่าวคือ “ตู้เย็นจะต่อเน็ต” แล้วเช็คทุกอย่างที่หมดพร้อมสั่งของใหม่ ๆ จากระบบออนไลน์มาให้ ..สินค้านับล้านจะแข่งกันห้ำหั่นราคาที่ถูกกว่าด้วยต้นทุนต่ำที่บริหารจัดการบนอินเทอร์เน็ต ห้างร้านต่าง ๆ ก็ต้องลดคนเพื่อให้เห็นกำไร (ทุกวันนี้ก็เริ่มเห็นภาพแล้วครับที่ลูกค้าใช้การส่องสินค้าในห้างแล้วเช็คราคาทางเน็ตอีกทางถ้าไม่รีบใช้สอยสิ่งนั้น เค้าเรียกภาวะ Showrooming)
บิล เกตส์ ย้ำว่ายิ่งมีกระแสเรียกร้องให้ขึ้นค่าจ้างแรงงานพื้นฐานมากเท่าไหร่ คนในอาชีพเหล่านี้ก็จะโดนลอยแพเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะนายจ้างที่ถูกบีบจะหันไปหาทางเลือกอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่า แต่ประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างการซื้อระบบมาใช้ซึ่งจะไม่ง้องแง้งงอแงสร้างความรำคาญใจใส่เขา
เรื่องนี้บิลเกตส์ว่าเขาทำนายล่วงหน้าไป 20 ปีแต่ก็เป็นไปได้มากที่จะเกิดขึ้นจริงเร็วกว่าเพราะยุคสมัยของ “Internet Of Things” หรือทุกสิ่งทุกอย่างต่อเน็ตได้หมดกำลังรุกคืบเข้ามาแล้ว (ตามเทรนด์คือปี 2020) มันจะเป็นมุขใหม่ๆในการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัทต่าง ๆ ที่เริ่มใส่ใจกับการพัฒนา “Service” ควบคู่ไปกับ “Product”
อย่างบริษัทไมโครซอฟท์ของบิลเกตส์เองก็ยังต้องตกหล่มกับยุคสมัยที่ใคร ๆ ก็ไปมือถือ/แท็บเล็ตกันซะหมด เหลือเฉพาะการทำงานแบบจริงจังเท่านั้นบนคอมพิวเตอร์ ..ไม่ใช่ว่าเขามัวแต่ทำนายทายทักจนลืมทำนายชะตากรรมตัวเองนะครับ วิสัยทัศน์ในไมโครซอฟท์ทำเรื่องล้ำรองรับอนาคตครบ! ครบตั้งแต่ทศวรรษที่แล้ว แต่เผือกไม่โดนซักตัว เนื่องจากโลกนี้มีผล Apple และคลื่นลูกใหม่ Google เป็นก้างขวางคออยู่ … ช่วงที่สมัย PC Windows ยังรุ่งๆ ไมโครซอฟท์ทำ Windows Mobile for PocketPC ออกมาโค่น Palm OS ในยุคตลาดยังไม่เบ่งบานขนาดนี้ .. แท็บแล็ตก็ทำนะจ้ะทำก่อนตั้งแต่ Windows XP for Tablet PC Edition แต่แล้วยุคสมัยแท็บแล็ตในตอนนั้นก็ยังไม่มาเพราะดันไปวางภาพไว้ว่าให้หมอใช้! คนธรรมดาในวันนั้นเขาไม่เก็ตว่าจะเขียนลงจอไปทำไม?
ความจริงที่เรารู้คือ..
Apple ไม่ได้คิดแท็บแล็ตได้ก่อน และ Google ก็ไม่ได้คิดสูตร One for All (ระบบปฏิบัติการเพื่อทุก ๆ ยี่ห้อ) ได้ก่อนเช่นกัน แต่ยักษ์ใหญ่เหล่านี้ขยี้ไมโครซอฟท์ได้ด้วย “ความเป๊ะเว่อร์” และ “แผนธุรกิจที่เหนือเมฆ” .. Apple ยึดหลัก “ตัวกูของกู” ระบบปฏิบัติการกูจะมีขึ้นก็เพื่อเครื่องของกูเท่านั้น .. ส่วน Google ก็ตีกินได้จากการ “แจกระบบปฏิบัติการฟรี” ให้ผู้ผลิตมือถือที่ไม่อยากตกขบวนสมาร์ตโฟนแล้วไปสอดใส่ “บริการที่มาพร้อมโฆษณา” จนได้จำนวน Android ในโลกที่มีมากกว่า iOS สามเท่า … และยากมากถึงมากที่สุดที่ WindowsPhone จะวิ่งตามทันได้
ปี 2015 ของไมโครซอฟท์จึงเป็น “เดิมพันครั้งสุดท้าย” ของการออกผลิตภัณฑ์ Windows 10 ที่จะทำงานบนทุกหน้าจอได้ คอมพิวเตอร์, อัลตร้าบุ๊ค, แท็บแล็ต, สมาร์ตโฟน และที่สำคัญไมโครซอฟท์ปั้น Windows 10 เป็น “บริการ” ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการที่จะขายลิขสิทธิ์เก็บกินแบบครั้งในอดีต ทันทีที่ประกาศตัวก็พูดโปรโมชั่นช็อคโลกคือ “ต่อไปนี้แจกฟรี” โดยให้ผู้ใช้ Windows 7 และ 8 (รวมถึง WindowsPhone8) อัปเกรดฟรีภายใน 1 ปีแรกที่วางจำหน่าย (ขู่ให้รีบอัปครับ ไม่มีอะไรมาก) และไมโครซอฟท์จะหันไปทำรายได้จาก “ฮาร์ดแวร์” อย่าง Surface ของตัวเองมากขึ้น ซึ่งปูทางมาดีมากแล้วจากปีก่อน .. ถ้าสอบผ่าน หลุดพ้นจากภาวะแป่กสนิทได้ เชื่อแน่ว่าแบรนด์ Microsoft ก็จะทำตลาดในแนวเดียวกับศาสนา Apple ที่รุ่งเรืองจากการขายของเป็นชิ้น ๆ ดีกว่าการขายซอฟต์แวร์ให้ถูกก็อปและดำเนินธุรกิจมาจนถึงภาวะใกล้สูญพันธุ์เช่นนี้ …
ผมเอาใจช่วย ระบบปฏิบัติการแรกที่ทำให้เราใช้คอมพิวเตอร์เป็น!
หนุ่ยรู้โลกรู้ #112…บิลเกตส์บอกอาชีพไหนจะสูญพันธุ์ ฉะนั้นแล้ว Windows จะสูญพันธุ์ไหม?