ท่ามกลางกระแสรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ก็ยังมีคนให้ความสนใจกับรถยนต์ประเภทไฮบริด ด้วยความที่หลายคนยังไม่มั่นใจกับสถานีชาร์จ ว่าเพียงพอแค่ไหน รถยนต์ไฮบริดก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นเดียวกันแต่ทั้งนี้รถยนต์ประเภทไฮบริดมี 2 ทางเลือกคือ HEV ที่ใช้เครื่องยนต์เป็นกำลังขับเคลื่อนหลัก และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวช่วยในการประหยัดน้ำมัน ส่วน PHEV ใช้เทคโนโลยีที่ต่อยอดมาจาก HEV แต่สามารถชาร์จไฟแบบรถยนต์ไฟฟ้าและขับแบบใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ได้ ซึ่งมีความประหยัดมากกว่าแถมยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอีกด้วย
บทความนี้จึงขอมาแบไต๋รถยนต์ NEW MG HS PHEV รุ่นใหม่ที่ผสานกำลังระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า นอกเหนือจากความโดดเด่นด้วยหน้าตาที่หรูหรา สปอร์ตพรีเมียม ติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปมาให้มากถึง 26 ระบบ และฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน เราไปดูกันดีกว่ามีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
ล่าสุดได้ติดตั้งระบบนำทางเสมือนจริง หรือ AR NAVIGATION ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่แกะกล่องของเอ็มจีเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าที่ถ่ายทอดสภาวะแวดล้อมจริงในขณะเดินทางร่วมกับระบบนำทาง Navigation แบบ real time ช่วยให้การใช้งานระบบนำทางแม่นยำมากยิ่งขึ้นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ i-SMART ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่เลื่องชื่อของค่ายนี้
โชว์ล้ำไปอีกด้วยฟังก์ชันใหม่ล่าสุด คือ กุญแจดิจิทัล (Digital Key) ที่เจ้าของรถสามารถสั่งงานผ่านมือถือ ไม่ต้องใช้กุญแจในการสตาร์ตรถ และสามารถส่งกุญแจดิจิทัลให้กับผู้อื่นเพื่อใช้งานรถยนต์ได้ด้วยการรับ-ส่งโค้ดผ่านทางแอปพลิเคชัน i-SMART ได้ด้วย
เทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป
NEW MG HS PHEV อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System มากถึง 26 ระบบ แบ่ง ออกเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรกและช่วยรักษาเสถียรภาพ ในการขับขี่จำนวน 14 ระบบ มาพร้อมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือระบบช่วยควบคุมการขับขี่ที่ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทั้งด้านหน้าและด้านท้ายรถซึ่งเทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2 (Autonomous Level 2) รวมกันกว่า 12 ระบบ เช่น
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติIHC (Intelligent High-Beam Control)
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake) เป็นต้น
นอกจากระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มแล้ว ยังเสริมด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือน ระยะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง และระบบ ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์
ดีไซน์ภายนอก
ด้วยเส้นสายของตัวถัง แบบ British Shoulder Line ที่เน้นเรื่องความโค้งมนสมบูรณ์แบบของตัวรถ มาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ Digital Burning Grille กันชนหน้า กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ และท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต ไฟหน้าแบบ QUAD LED Projector ไฟท้ายแบบ Full LED สปอยเลอร์หลังพร้อมราวหลังคาล้วนทำให้ NEW MG HS PHEV สปอร์ต พรีเมียมมากขึ้นทุกมุมมอง
ดีไซน์ภายใน
ดีไซน์ภายในตกแต่งด้วยสี 2-Tone Monaco Blue ใช้วัสดุบุนุ่มแบบ Soft Touch ให้ความรู้สึกหรูหราและพรีเมียม เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat สามารถปรับไฟฟ้าเบาะนั่งคนขับได้ 6 ทิศทาง และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง หน้าจอแสดงผลด้านคนขับขนาด 12 นิ้วและหน้าจอกลางขนาด 10 นิ้ว ระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
ราคา
NEW MG HS PHEV มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันได้แก่ รุ่น PHEV D และ รุ่น PHEV X ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้ามีพละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 480 นิวตันเมตร ใช้ระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.5 วินาที แบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล ขนาด 16.6 kWh มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นที่ IP67 ที่สำคัญสามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้า 100% ได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวัน
สำหรับราคารุ่นเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่
- รุ่น PHEV D ราคา 1,299,000 บาท
- รุ่น PHEV X ราคา 1,379,000 บาท
พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Metal Ash Grey) และสีแดง (Scarlet Red)
สำหรับ NEW MG HS ยังมีอีกหนึ่งทางเลือก กับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ Normal, Eco, Sport และ Super Sport ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ช่วยให้การขับขี่สนุกได้ไม่แพ้รุ่น PHEV คุ้มค่าด้วยค่าตัวเริ่มต้น 939,000 บาท ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถเอสยูวีในราคาหลักแสน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส