เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันมีแนวโน้มแพงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หลาย ๆ คนสนใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ถึงแม้ตอนนี้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าถูกลงและมีราคาที่จับต้องได้มากขึ้น หลายคนก็ยังกังวลกับสถานีอัดประจุไฟฟ้าว่าจะเพียงพอต่อผู้ใช้งานมากแค่ไหน เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีข้อจำกัดในเรื่องของระยะทาง หากเดินทางไกลก็ต้องชาร์จแบตระหว่างการเดินทาง อย่าง PEA VOLTA มีสถานีอัดประจุไฟฟ้ามากกว่า เปิดให้บริการ 73 แห่ง ในพื้นที่ 42 จังหวัด และภายในปี 2566 จะเปิดเพิ่มอีก 190 แห่ง รวมเป็น 263 แห่ง
สำหรับ PEA VOLTA สถานีอัดประจุไฟฟ้าส่วนใหญ่เราจะพบเจอได้ตามปั๊มน้ำมันบางจาก ถูกพัฒนาโดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เพื่อรองรับและส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเกิดภาวะโลกร้อน ทั้งนี้ได้มีการพัฒนา PEA VOLTA APPLICATION แพลตฟอร์มอำนวยความสะดวกในการใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ล่าสุดมีการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ PEA VOLTA AUTOCHARGE ที่จะช่วยลดขั้นตอนในการชาร์จที่แต่ก่อนต้องสั่งงานผ่านแอปฯ เราไปดูความแตกต่างของการอัปเดตฟีเจอร์นี้กันดีกว่า
การทำงานแบบเดิม
- เมื่อถึงสถานีเสียบชาร์จเข้ากับตัวรถ
- จากนั้นเปิด Application PEA VOLTA
- สแกน QR code หน้าตู้
- แล้วสั่งชาร์จผ่าน Application
- เริ่มการชาร์จ
- สั่งหยุดผ่าน Application
- ถอดหัวชาร์จ เป็นอันจบกระบวนการ
ฟีเจอร์ใหม่ PEA VOLTA AUTOCHARGE ทำให้ผู้ใช้สะดวกยิ่งกว่า
ก่อนจะใช้ฟีเจอร์ Autocharge ได้ ก็ต้องเตรียมตัวสองอย่างก่อน อย่างแรกคือ ต้องอัปเดตแอป PEA VOLTA ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อรับฟีเจอร์ใหม่ แต่ถ้ายังไม่มีแอปฯ ก็ไปติดตั้งและลงทะเบียนให้เรียบร้อย อย่างที่สองต้องเปิดโหมดการชาร์จอัตโนมัติก่อน โดยเปิดได้ที่เมนูข้อมูลผู้ใช้ ในหัวข้อการจัดการบัตรและการชาร์จอัตโนมัติ

วิธีผูกคือ ให้เราเสียบสายชาร์จก่อน หลังจากนั้นก็สแกน QR หน้าตู้แล้วกดเริ่มชาร์จ พอระบบเริ่มชาร์จ รถจะส่งเลขประจำตัวไปให้ตู้ จากนั้นก็จะส่งต่อไปบันทึกในระบบคลาวด์ ตรงนี้จะต้องรอประมาณ 10 – 20 วินาที แล้วจะมีข้อความเด้งขึ้นมาให้เรากรอกทะเบียนรถ เมื่อเสร็จแล้วให้กดหยุดชาร์จ แล้วจะมีข้อความแจ้งขึ้นมาอีกทีว่าบันทึกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว จากนั้นระบบคลาวด์ของ PEA VOLTA ก็จะบันทึกไว้ว่า รถคันนี้ผูกกับบัญชีนี้ รอบต่อไปเวลาเสียบชาร์จ ระบบจะจำได้ ฟีเจอร์ Autocharge ก็จะทำงาน ชาร์จแบตให้ทันที โดยที่ไม่ต้องมากดยืนยันที่มือถือเลย
หลังจากลงทะเบียนใน PEA VOLTA Application แล้ว เมื่อผู้ใช้งานต้องการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพียงแค่เสียบหัวชาร์จให้เข้ากับรถยนต์ไฟฟ้า ระบบ Autocharge ก็จะเริ่มทำงาน โดยนำข้อมูลของรถยนต์ไฟฟ้า ส่งไปยัง PEA VOLTA Platform เพื่อระบุว่ารถยนต์ไฟฟ้าคันดังกล่าวเชื่อมต่อกับบัญชีของผู้ใช้งาน ID หมายเลขใด และดำเนินการชำระค่าชาร์จไฟฟ้าได้อย่างอัตโนมัติ ถูกต้องและปลอดภัย ถือว่าลดขั้นตอนไปได้เยอะเลยทีเดียว

ข้อดีคือสร้างความสะดวกสบายแก่การใช้งาน สร้างความปลอดภัยเรื่องการสูญหายของโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังรองรับผ่านระบบ PEA VOLTA ทั่วประเทศไทยเจ้าแรกในไทย ข้อสังเกตของสถานีชาร์จ PEA VOLTA ตอนนี้ยังรองรับแค่หัวชาร์จชนิด CCS แต่ก็เป็นหัวชาร์จที่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้เกือบทุกรุ่นเลย

แต่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีแผนจะเพิ่มอีก 190 สถานี รวมเป็น 263 สถานี เพื่อรองรับจำนวนรถ EV ที่เยอะขึ้นในปี 2566 พร้อมพัฒนา PEA VOLTA Platform ให้รองรับ Feature ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่การเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า อาทิการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าข้ามโครงข่าย (EV Roaming) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าของผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ได้ผ่าน PEA VOLTA Application การให้บริการวางแผนการเดินทาง (EV Trip Planner) ซึ่งเป็นการวางแผนการชาร์จไฟฟ้าในกรณีที่ผู้ใช้งานเดินทางไกล การวิเคราะห์สุขภาพรถยนต์ไฟฟ้า (EV Health) เช่น สภาพของแบตเตอรี่ และเพิ่มรูปแบบการเติมเงินและการชำระเงินค่าใช้บริการ ผ่าน Mobile Banking หรือ Social Banking อื่น ๆ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส