เชื่อว่าหลาย ๆ คนเมื่อได้ยินชื่อของแบรนด์ Huawei ในตอนนี้ก็ต่างก็คุ้นเคยกันดีและเรียกได้ว่าเป็น 1 ในแบรนด์ที่หลาย ๆ คนต่างก็ให้ความสนใจและชื่นชมทั้งในด้านของ Smartphone, Tablet รวมไปถึงอุปกรณ์ Network และ Solution ต่าง ๆ มากมายที่หัวเว่ยทำขึ้นมาก็เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างยิ่ง งานนี้ทางเราก็ได้รับเกียรติเข้าไปสัมภาษณ์คุณหวัง อี้ฝาน หรือคุณแจ็ค ซึ่งเป็น Managing Director ประจำประเทศไทย ถึงทิศทางต่าง ๆ ที่ทางหัวเว่ยกำลังมุ่งไป และเป้าหมายของหัวเว่ยในอนาคตอันใกล้นี้
หัวเว่ยได้เริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดกับผลิตภัณฑ์ใด ?
จริง ๆ แล้วทางหัวเว่ยได้เริ่มมีการขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มานานแล้ว แต่ผู้คนเริ่มรู้จักในชื่อหัวเว่ยจริง ๆ คือในปี 2013 กับ Huawei Ascend P6 ที่เป็นมือถือบางที่สุดในโลก ณ ยุคนั้น ทำให้คนเริ่มรู้จักและหันมาสนใจแบรนด์เรามากยิ่งขึ้น ในส่วนของตลาดมือถือกันน้ำกันฝุ่นทางหัวเว่ยก็ได้ทำออกมานานแล้ว รวมไปถึงมือถือกล้องคู่ทางเราก็เป็นผู้นำทางด้านนี้ก่อน Apple ทำออกมาบน iPhone 7 เสียอีก ซึ่งในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ กับนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาให้คุณใช้กันอย่างแน่นอน
Market Share ของหัวเว่ยในปัจจุบันและเป้าหมายในปี 2018
ทางหัวเว่ยมุ่งหวังว่าตลาด Market Share ด้านมือถือจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดย ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 5% และหวังว่าจะเติบโตขึ้นแตะ 2 หลักในปี 2018 โดยมีแผนต่าง ๆ วางเอาไว้
เกี่ยวกับงาน Startup Thailand ที่จัดขึ้น ซึ่งทางหัวเว่ยเป็น 1 ในผู้สนับสนุนนั้นได้เล็งเห็นอะไรในกิจกรรมนี้บ้าง ?
ทางเราอยากเป็นคนสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ ให้กับเหล่า Startup โดยการมอบประสบการณ์ในการได้ไปพบกับเหล่าสตาร์ทอัปต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และที่สำคัญคือได้ไปเยี่ยมชมนวัตกรรมล่าสุดจากหัวเว่ย Head Quarter ที่เซินเจิ้น ประเทศจีนโดยตรง ซึ่งงานนี้เราไม่ได้หวังผลตอบแทนและทางเราก็ไม่ได้ต้องการจะให้เหล่าสตาร์ทอัปมาช่วยเสริมทางหัวเว่ย เราต้องการมอบอิสระให้กับพวกเขาในการคิด ริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น
และทางหัวเว่ยไม่ได้มองว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นกับองค์กรใหญ่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ Startup ก็มีส่วนช่วยในการผลักดันเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยเห็นได้จากเหล่า Startup ทั่วโลกที่สามารถเติบโตจนกลายเป็นบริษัทใหญ่ ๆ ได้ เพราะพวกเขามีความมุ่งมั่นและความใจจดใจจ่อในการค้นหานวัตกรรมที่เกิดจากความตั้งใจของเขานั่นเอง
ที่หัวเว่ยสามารถประสบความสำเร็จในไทยได้นั้นเกิดจากอะไรบ้าง ?
ตัวของหัวเว่ยเองก็บอกกับตัวเองเสมอว่า ตัวเองยังไม่ได้ประสบความสำเร็จ เพื่อกระตุ้นให้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย เพราะพวกเขามีความเชื่อว่า ใครก็ตามถ้าคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วเมื่อไหร่ ก็จะเริ่มเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ
และจริง ๆ แล้วทางหัวเว่ยไม่ได้สำเร็จเพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นการประสบความสำเร็จระดับ Global และทางเขามองว่า ตลาดประเทศไทยเป็นตลาดที่เปิดใจยอมรับผลิตภัณฑ์จากแบรนด์จีนทั้งคนและตลาดอุตสาหกรรม รวมไปถึงทางภาครัฐบาลก็ได้เปิดรับบริษัทข้ามชาติอย่างหัวเว่ยอีกด้วย และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ Partner หรือลูกค้า โดยหัวเว่ยเน้น Strategy แบบ
Win-Win Solution
ที่จะมอบประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย โดยหัวเว่ยจะให้กันสนับสนุน Partner ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลโดยการสร้างขีดการแข่งขันให้ และในส่วนของ After sale Service หรือบริการหลังการขายทางหัวเว่ยก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเขาจะไม่ทอดทิ้งลูกค้าโดยเด็ดขาด เพื่อให้ประสบการณ์ในการใช้งานอย่างยังยืน และเขายังมีความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับทีมงานของเขาในการร่วมกันมองไปข้างหน้า และยกระดับความร่วมมือจนสามารถประสบความสำเร็จได้ในวันนี้ และทางหัวเว่ยก็อยากเป็น Role Model ให้กับเหล่าธุรกิจข้ามชาติที่อยากเข้ามาลงหลักปักฐานในประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย