beartai ขอชวนทุกคนไปเลือกซื้อ iPhone กัน เพราะในตอนนี้ก็มีตัวเลือกให้เลือกซื้อมากมายเลย แล้วเราจะซื้อ iPhone รุ่นไหนดี ในช่วงปลายปี 2023 นี้ beartai มีคำตอบ !
คือต้องบอกว่าทุกปีที่มี iPhone ออกใหม่จะมีคนถามมาเยอะครับ ว่าจะเปลี่ยนดีไหม ซื้อรุ่นไหนดี รุ่นนี้คุ้มไหม และอื่น ๆ บทความนี้เราจะมาสรุปกันว่า iPhone ที่วางขายอยู่ตอนนี้ควรเลือกซื้ออย่างไรดี !
ต้องสรุปก่อนว่าในปัจจุบันที่หน้าเว็บไซต์ของ Apple นั้นจะวางขาย iPhone อยู่เพียงแค่ 8 รุ่น คือ iPhone SE (3rd generation), iPhone 13, iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max เท่านั้น ในขณะที่เครือข่ายผู้ให้บริการ หลัก ๆ จะยังคงมี iPhone 11, iPhone 12 และ iPhone 14 Pro, iPhone 14 Pro Max ให้ได้เลือกกันอยู่บ้าง และในบทความนี้ เราขอเลือกจากรุ่นที่ยังวางจำหน่ายมือ 1 ประกันเต็มจากศูนย์เท่านั้น และจะแบ่งตัวเลือกที่น่าสนใจจาก กรณีการใช้งานที่ต้องการ (Use Case) เพื่อให้เข้าใจและเป็นตัวช่วยเลือกได้โดยง่าย
อยากได้ iPhone แบบไหนดีนะ ?
- อยากได้ iPhone ที่คุ้มเงินที่สุด : iPhone 13
- อยากได้ iPhone ที่ถ่ายรูปสวยที่สุด แต่ไม่ซูม : iPhone 15 Pro
- อยากได้ iPhone ที่ใช้งานได้นานที่สุด : iPhone 15, iPhone 15 Plus
- อยากได้ iPhone ที่เล่นเกมได้ดีที่สุด : iPhone 15 Pro
- อยากได้ iPhone ที่ทำได้ทุกอย่าง ถ่ายรูปดี ซูมดี เล่นเกมไม่หงุดหงิด : IPhone 15 Pro Max
- อยากได้ iPhone รุ่นที่แล้ว ช้อนซื้อรุ่นไหนดี ? : iPhone 14 Pro
อยากได้ iPhone ที่คุ้มเงินที่สุด : iPhone 13
ปัจจุบัน iPhone ก็วางขายในหลายเรตราคามาก ๆ ซึ่งก็มีทั้งรุ่นท็อปสุด ๆ ลงไปจนถึงรุ่นที่เปิดตัวมานานแสนนานแล้ว และรุ่นเก่าแต่ละรุ่นก็จะลดราคาในระดับที่แตกต่างกันไป ซึ่ง iPhone 13 ถือเป็นรุ่นที่ตรงกับ ‘Sweet Spot’ หรือจุดตัดกันระหว่างราคา และสเปกภายใน แถมใช้ 5G ได้ด้วย ด้วยชิปเซตที่ใช้ A15 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่อยู่ในระดับเดียวกันกับ iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ในเรตราคาที่ประหยัดกว่า โดยมีจุดแตกต่างที่การ์ดจอมีหน่วยประมวลผลน้อยกว่า iPhone 14 1 คอร์, กล้องถ่ายภาพหลักที่แตกต่างแค่ระยะโฟกัส (f-stop), แบตเตอรี่ที่น้อยกว่าเล็กน้อย Photonic Engine และ Crash Detection เท่านั้น
นอกจากนั้น iPhone 13 ยังได้รับฟีเจอร์ที่เข้ามาเพิ่มเติมใน iOS 17 อย่างเกือบครบถ้วน (ยกเว้น StandBy Mode) อย่างเช่นการตั้งค่าระยะชัดตื้นและชัดลึกของภาพถ่ายในโหมดถ่ายบุคคล หรือเลือกจุดที่เราอยากโฟกัสทั้งก่อน และหลังถ่ายได้ง่าย ๆ iPhone 13 ก็สามารถถ่ายได้เช่นกัน และด้วยราคาเต็มในปัจจุบันที่เริ่มต้น 24,900 บาท ที่ยังสามารถติดโปรโมชันกับเครือข่าย หรือสั่งซื้อพร้อมใช้โค้ดส่วนลดใน Shopee, Lazada เพิ่มเติม จนเหลือเริ่มต้นที่หลัก 20,000 ต้น ๆ ไปจนถึงต่ำกว่า 20,000 แล้ว ทำให้ iPhone 13 เป็นตัวเลือกที่คุ้มที่สุดสำหรับคนที่อยากได้ iPhone ที่ราคาดีและยังใช้งานได้ยาวนาน
อยากได้ iPhone ที่ถ่ายรูปสวยที่สุด แต่ไม่ซูม : iPhone 15 Pro
iPhone 15 Pro มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ถ้าใครยังใช้ iPhone รุ่นต่ำกว่า iPhone 12 ลงไป จะเรียกได้ว่า ‘เปลี่ยนเกือบหมด’ เลยก็ว่าได้ โดย iPhone 15 Pro จะให้ทั้งชิปเซตใหม่อย่าง Apple A17 Pro, กล้องถ่ายภาพที่แม้จะสเปกเท่ากับ iPhone 14 Pro แต่ก็สามารถใช้ประโยชน์จากชิปเซตใหม่ในการประมวลผลได้ รวมถึงยังมีพอร์ต USB-C 3 ที่ความเร็วสูงมากที่ 10 GB/s ที่สามารถใช้ต่อกับอุปกรณ์อื่นได้ง่ายและรวดเร็ว (ถ้าสายรองรับ) และยังต่อตรงเข้ากับ External Drive เพื่อถ่ายวิดีโอลงไปในนั้นได้เลยด้วย
โดยนอกจากจะสามารถถ่ายรูปสวยแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ยาวนานอีกด้วย กล่าวคือ ด้วยความที่ iPhone 15 Pro ยังเป็นรุ่นที่ใหม่มาก ทำให้เมื่อเราซื้อมาใช้ ก็จะยังใช้งานได้ยาวนานแน่นอน โดย iPhone 15 Pro มีราคาเริ่มต้นที่ 41,900 บาท ซึ่งเป็นราคาในระดับเดียวกับ iPhone 14 Pro ตอนเปิดตัว แถมยังสามารถติดโปรโมชันเครือข่ายเพื่อให้ราคาดีขึ้นได้อีก ถือว่าเป็นระดับราคาที่โอเคสำหรับผู้ที่ต้องการการถ่ายภาพที่ดีที่สุด สวยงามที่สุด แต่ไม่เน้นซูมมากนัก
อยากได้ iPhone ที่ใช้งานได้นานที่สุด : iPhone 15, iPhone 15 Plus
ถ้าเกิดว่าอายุการใช้งาน คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณแล้วล่ะก็ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus อาจจะเป็นคำตอบของคุณก็ได้ครับ ด้วยความที่ปัจจุบัน iPhone เกือบทุกเครื่องจะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์ iOS รุ่นละประมาณ 4-5 เวอร์ชัน และ iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ก็จะได้ซอฟต์แวร์เริ่มต้นที่ iOS 17 นั่นหมายความว่า iPhone 15, iPhone 15 Plus อาจจะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์ถึงเวอร์ชัน iOS 22 เลยก็ว่าได้ !
นอกจากนั้น ด้วยความที่ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ได้ใช้พอร์ตใต้ตัวเครื่องเป็น USB-C เรียบร้อยแล้ว (แม้จะเป็นเวอร์ชัน 2.0) ทำให้ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ได้ใช้พอร์ตที่เรียกได้ว่าเป็น ‘Universal’ หรือใช้งานได้โดยทั่วไป ตามหาได้ทั่วไป และอาจจะไม่ติดมาตรฐาน ‘MFi’ (Made for iPhone) แล้ว แปลว่าเราสามารถหาสายที่สามารถเสียบชาร์จ iPhone ของเราได้แบบทั่วไป โดยไม่ต้องห่วงเรื่องระยะเวลาแล้วนั่นเอง โดย iPhone 15 วางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น 32,900 บาท และ iPhone 15 Plus วางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น 37,900 บาท ในความจุ 128GB ทั้งคู่
อยากได้ iPhone ที่เล่นเกมได้ดีที่สุด : iPhone 15 Pro
ถ้าเกิดว่าเกมเมอร์คนไหน ที่สนใจใน iPhone ที่สามารถเล่นเกมได้ลื่นไหล ไม่กระตุก ไม่งอแง โดยไม่ได้สนใจด้านการถ่ายภาพเท่าไหร่นัก iPhone 15 Pro ที่มาพร้อมกับชิป Apple A17 Pro ก็มีชิปเซตที่เรียกได้ว่าแรงที่สุดในฝั่งของ iPhone ณ ขณะนี้แล้วก็ว่าได้ ซึ่งชิป Apple A17 Pro เขามี CPU ที่ 6 คอร์ และ GPU ที่ 6 คอร์เช่นเดียวกัน โดยในงาน Apple Event เปิดตัว iPhone ที่ผ่านมา ทาง Apple บอกว่า เป็นการอัปเกรด GPU ครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยทำมา เลยทีเดียว จนถึงกับมีการโชว์เกม Resident Evil, Assassin’s Creed ภาคใหม่, Death Stranding บน iPhone 15 Pro กันเลยทีเดียว ซึ่งแม้ว่าจะต้องรอดูตัวเกมจริงว่าสามารถเล่นได้มากน้อยแค่ไหน แต่เป็นการยืนยันส่วนหนึ่งได้เลยว่า iPhone รุ่นใหม่นี้ จะเล่นเกมได้ดีกว่าที่เคย (แม้อาจจะต้องทดสอบเรื่องความร้อนอยู่บ้าง)
นอกจากนั้น ด้วยความเป็น iPhone จะทำให้มีอุปกรณ์เสริมสำหรับต่อเข้าสมาร์ตโฟน อย่างเช่นพัดลมระบายความร้อน หรือจอยสติกต่อสมาร์ตโฟน ซึ่งในสมาร์ตโฟนฝั่ง Android จะสามารถเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-C ที่ในตอนนี้ iPhone 15 Pro ใช้อยู่ ทำให้ตอนนี้ iPhone 15 Pro รองรับอุปกรณ์เสริมที่หลากหลายมากขึ้น และหาง่ายขึ้นไปด้วย โดย iPhone 15 Pro วางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น 41,900 บาทในความจุ 128GB
อยากได้ iPhone ที่ทำได้ทุกอย่าง ถ่ายรูปดี ซูมดี เล่นเกมไม่หงุดหงิด : IPhone 15 Pro Max
แน่นอนว่าถ้าใครอยากใส่สุด เพื่อถ่ายรูปให้ดี, ใช้ซูมบ่อย ๆ (เช่นซูมคอนเสิร์ต), เล่นเกมลื่น ๆ ดี ๆ, ทำงานได้อย่างสบายใจ และไม่กลัวกระตุกใด ๆ แถมยังแบตเตอรี่ใช้ได้นานที่สุด (ถ้าดูจากเว็บไซต์ของ Apple เอง) แปลว่าคุณอาจจะเป็น ‘Power User’ หรือผู้ที่ใช้งานเครื่องเพื่อทำทุกอย่าง ก็อยากแนะนำให้เลือกรุ่นที่สูงสุดที่วางขายในตอนนี้อย่าง iPhone 15 Pro Max นั่นเอง จุดเด่นของรุ่นนี้ที่นอกจากจะมี USB-C 3 ที่สามารถใช้โอนถ่ายข้อมูล, ชิปเซต A17 Pro และฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เท่ากันกับ iPhone 15 Pro แล้ว ยังมีเลนส์กล้อง ‘Tetraprism’ ซึ่งทำให้ iPhone 15 Pro Max เป็น iPhone ที่สามารถซูมได้ดีที่สุดที่เคยมีมา ที่ 5 เท่า Optical Zoom และ 25 เท่าเมื่อรวม Digital Zoom เข้าไปแล้ว
โดย iPhone 15 Pro Max เป็น iPhone ที่ให้เต็มทั้งในด้านสเปก และราคา โดย iPhone 15 Pro Max จะมีราคาเริ่มต้นที่ 48,900 บาท ซึ่งแม้จะเป็นราคาที่แพงขึ้น แต่เป็นสเปกในความจุที่เท่ากับใน iPhone 14 Pro Max ตอนเปิดตัวในความจุที่เท่ากัน ซึ่งใครที่สนใจจะใส่สุด iPhone 15 Pro Max คือคำตอบครับ
อยากได้ iPhone รุ่นที่แล้ว ช้อนซื้อรุ่นไหนดี ? : iPhone 14 Pro
ถ้าในตอนนี้ เราอยากได้ iPhone รุ่นที่ได้ความสามารถระดับ iPhone Pro แต่ไม่อยากจ่ายราคาแพง การช้อนซื้อ iPhone รุ่นเก่าก็เป็นทางเลือกที่ดี เช่นกัน ซึ่ง iPhone รุ่น Pro ที่เราอยากแนะนำให้ซื้อมากที่สุดในยุค iPhone 15 รุ่งเรืองนี้ ก็คือ iPhone 14 Pro ครับ ด้วยความสามารถในตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นกล้อง สเปก และอื่น ๆ ที่ไม่เป็นสองรองใครในปีนั้น หรือเท่ากันกับ iPhone 14 Pro Max เป๊ะ ๆ แหละว่าง่าย ๆ ยกเว้นขนาดหน้าจอกับแบตเตอรี่ เลยทำให้ iPhone 14 Pro เป็นตัวเลือกที่นอกจากจะเหมาะสมกับราคาแล้ว ยังเป็นรุ่นที่สามารถซื้อแล้วยังใช้งานได้อีกนานด้วยนั่นเอง
ข้อสังเกตเล็กน้อยจะอยู่ที่ เมื่อเวลาผ่านไป iPhone 14 Pro จะหายากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสต็อกของร้านค้า หรือผู้ให้บริการเครือข่ายหมดลง แถม Apple Store ก็เลิกขาย iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max แล้วด้วย ดังนั้นใครที่สนใจ iPhone 14 Pro อยู่ต้องรีบแล้ว ก่อนเครื่องจะหมดจากร้านไปนะ โดย iPhone 14 Pro ตอนนี้วางจำหน่ายเครื่องเปล่าที่ราคา 35,900 บาท (AIS), 34,900 บาท (True), 40,200 บาท (dtac) ซึ่งสามารถติดโปรโมชันเครือข่ายเพื่อให้ราคาถูกลงได้อีก
และทั้งหมดทั้ง 6 รุ่นนี้คือตัวเลือก ในการเลือกซื้อ iPhone ในรอบปลายปี 2023 นี้ ที่เราได้นำมาแนะนำให้ทุกคนได้ตอบคำถามทั้ง ‘ซื้อ iPhone รุ่นไหนดี’ หรือ ‘ซื้อ iPhone 15 รุ่นไหนดี’ ได้ไม่มากก็น้อย และสามารถนำไปแนะนำคนอื่น ๆ ได้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ใด ๆ ก็ตาม ถ้าอยากแน่ใจก่อนซื้อ สามารถดูรีวิว iPhone รุ่นนั้น ๆ ก่อนได้เช่นเดียวกัน !
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส