ข่าวคราวความปั่นป่วนเกี่ยวกับอนาคตของ OpenAI และ แซม อัลต์แมน (Sam Altman) ในฐานะผู้ก่อตั้งคนสำคัญที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการ AI และเทคโนโลยีทั้งหมด

แต่ในความโกลาหลที่เกิดขึ้น หนึ่งในคำที่ผุดขึ้นมาผ่านคำพูดของอัลต์แมนและบรรดาทีมงานของ OpenAI ก็คือ AGI ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดของบริษัท ผ่านคำพูดของอัลต์แมน และ เกร็ก บร็อกแมน (Greg Brockman) ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท

แล้ว AGI คืออะไร?

AGI ย่อมาจาก Artificial General Intelligence ถ้าแปลตรงตัวก็จะหมายถึงปัญญาประดิษฐ์ที่ทำงานทั่ว ไปได้ทัดเทียมหรือเหนือกว่ามนุษย์

ในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดนิยามของ AGI ร่วมกัน จึงไม่มีการบัญญัตินิยามกลางที่จะสามารถหยิบไปใช้แล้วให้ความหมายเหมือนกัน แต่มีจุดร่วมอยูที่ความฝันที่ AI จะมีสติปัญญาเหมือนกับมนุษย์คนหนึ่งเป็นอย่างน้อย

นาทีนี้คงไม่มีใครที่วงการเทคโนโลยีจับจ้องไปมากกว่าอัลต์แมน และ OpenAI อีกแล้ว

เรย์ เคิร์ซเวล (Ray Kurzweil) ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของ Google ขีดเส้นแบ่งความเป็น AGI อยู่ที่การผ่านบนทดสอบของ อลัน ทัวริง (Alan Turing) หรือที่เรียกว่าบททดสอบทัวริง (Turing Test) ซึ่งใช้แยกระหว่างมนุษย์และ AI

ขณะที่ OpenAI ให้ความหมายของ AGI ไว้ว่าเป็น AI ที่มีสติปัญญาและทำงานได้เหนือกว่ามนุษย์ในทุกด้าน

บริษัทในฐานะที่จุดประกายการแข่งขันเพื่อพัฒนา AI อย่างก้าวกระโดดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ด้วย ChatGPT แชตบอต AI เชิงสังเคราะห์ (GenAI) ที่เขย่าวงการ AI ได้ด้วยการตอบคำถามราวกับมนุษย์ และยังพัฒนาตัวเองได้เรื่อย ๆ ยอมรับว่า AI ของบริษัทที่ล้ำที่สุดอย่าง GPT-4 ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น

ปัจจุบันถึงไหนแล้ว

แม้จนถึงตอนนี้ AI จะพัฒนาไปไวกว่าที่ใครจะคาดเดา แต่ผู้เชี่ยวชาญยังไม่คิดว่าโลกเราไปถึงจุดที่มี AGI หลายคนยิ่งไม่รู้ใหญ่ว่าแบบไหนจึงจะเรียกว่า AGI

เพราะว่า AI ในปัจจุบันยังเกิดอาการหลอน (hallucinate) กันอยู่ นั่นก็คือยังมีส่วนของข้อมูลที่ยังไม่มีความแม่นยำ

คิดง่าย ๆ ก็ลองไปป้อนชื่อของท่านลงใน Bard (AI ของ Google) และ ChatGPT แล้วลองดูว่าคำตอบที่ได้มีความจริงอยู่มากน้อยแค่ไหน บางคนอาจพบว่าตัวเองเป็นนักบินอวกาศ หรือเจ้าของรางวัลออสการ์โดยไม่รู้ตัว

ทีมวิทยาศาสตร์จาก Google DeepMind กำหนดระดับของ AGI ไว้ที่ 5 ระดับ คือตั้งแต่ 0 – 4 โดยวัดจากความสามารถและสติปัญญาได้เทียบกับมนุษย์ผู้ใหญ่

DeepMind ชี้ว่าโมเดล AI ที่ก้าวล้ำที่สุดในปัจจุบันอย่าง Llama 2 ของ Meta หรือ Bard ของ Google และ ChatGPT อยู่ในระดับ 1 เท่านั้น หรือก็คือทำงานได้เท่ากับหรือดีกว่ามนุษย์ที่ไม่มีทักษะเพียงเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี เร็ว ๆ นี้ก็มีข่าวว่าผู้นำวงการ AI อย่าง OpenAI สามารถสร้าง AI ที่ปลดล็อกขีดจำกัดของเทคโนโลยีในปัจจุบันเพื่อสร้าง AI ที่เข้าใกล้ AGI ได้มากกว่าที่เคยมีมา โดยเรียกมันว่า Q* (คิวสตาร์) แต่ข้อมูลของมันยังมีเพียงน้อยนิด

หน้าตาของ AGI

มาร์ติน ฟอร์ด (Martin Ford) ผู้เขียนหนังสือ Rise of the Robots ชึ้ว่าตัวอย่างของ AGI มีให้เห็นได้มากมายในปัจจุบัน แต่อยู่ในภาพยนตร์หรือวรรณกรรมไซไฟเท่านั้น

C3PO หุ่นแอนดรอยด์ในจักรวาลสตาร์วอร์สที่พูดได้มากกว่า 6 ล้านภาษา! (ที่มา: Disney)

อย่าง C3PO (และหุ่นอื่น ๆ) หุ่นแอนดรอยด์สีทองในสตาร์วอร์ส ไปจนถึง Agent Smith (หรือ สายลับ สมิธ ในเวอร์ชันภาษาไทย) ในจักรวาล The Matrix และ HAL คอมพิวเตอร์ของยานหลักใน 2001: A Space Odyssey ก็ถือเป็น AGI ทั้งสิ้น

จอห์น แม็กคาร์ธี (John McCarthy) ผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่ง AI ชี้ว่าการสร้าง AI ถึงระดับที่เสมือนมนุษย์ (Human-like AI) นั่นก็คือต้องทำให้ AI มีสามัญสำนึกในการคิดและทำกิจกรรมต่าง ๆ รู้สิ่งรอบตัว

ในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถนำความรู้เฉพาะทางมาแก้ปัญหาที่มีความเฉพาะเจาะจงได้ด้วย

การจะทำแบบนั้นได้ต้องทำความเข้าใจวิธีการทำงานของสติปัญญามนุษย์เพื่อที่จะเลียนแบบให้ได้ ซึ่งต้องอาศัยความก้าวหน้าในจิตวิทยาและประสาทสรีรวิทยา (neurophysiology) ซึ่งเป็นแขนงความรู้ที่ว่าด้วยระบบประสาทกับการทำงานของร่างกาย และต้องเข้าใจวิธีที่สติปัญญาแก้ปัญหา

แล้วจะมาถึงเมื่อไหร่

หลายคนมีความหวังว่าการสร้าง AGI น่าจะเป็นจริงไม่นานเกินรอ

ปี 2029 สอดคล้องกับปีที่ผมพยากรณ์ว่า AI จะผ่านการทดสอบทัวริง เท่ากับว่าบรรลุการมีสติปัญญาเท่ามนุษย์แล้ว

เรย์ เคิร์ซเวล ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของ Google

แม็กคาร์ธีเชื่อว่าแม้จะคาดเดาได้ยากว่า AI ที่เหมือนมนุษย์ (Human-like AI) จะปรากฎขึ้นมาตอนไหน แต่ก็ไม่เกินศตวรรษที่ 21 นี้แน่นอน (นี่แปลว่าเรายังมีเวลาอีกราว 70 ปีให้พิสูจน์คำพูดนี้กัน!) ขณะที่ เคิร์ซเวลชี้ว่าเราน่าจะได้เห็น AGI ภายในปี 2029 (ไม่เกิน 6 ปีนับจากวันนี้)

ทางด้าน มาซาโยชิ ซน (Masayoshi Son) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Softbank เชื่อว่า AGI จะปรากฎตัวในอีกภายใน 10 ปี

ยิ่งไปกว่านั้น ซนกล่าวไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า Artificial Super Intelligence (ASI) ที่จะมีสติปัญญามากกว่ามนุษย์ถึง 10,000 เท่า จะปรากฎตัวในอีกไม่เกิน 20 ปีแน่นอน

สุดท้ายแล้วซนจะแค่เพ้อฝัน หรือมันจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริง ๆ คงต้องรอกันจนถึงปี 2043

อนาคตที่ยากจะคาดเดา

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ AI คิดและทำงานได้เหมือนมนุษย์

ฉันจะทำลายมวลมนุษยชาติ

หุ่นยนต์โซเฟีย กล่าวในงาน SXSW เมื่อปี 2016

หลายคนเชื่อว่า AI จะเป็นภัยกับมนุษย์ เหมือนอย่าง Skynet ใน Terminator ที่ปล่อยนิวเคลียร์ทำลายมนุษยชาติ หรือเผ่า Reaper ในซีรีส์เกม Mass Effect ที่หวังฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาในจักรวาล

อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกที่มีส่วนร่วมก่อตั้ง OpenAI มองว่า AI เป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดของมวลมนุษยชาติ เพราะจะเป็นสิ่งแรกที่มีสติปัญญาที่ฉลาดกว่ามนุษย์ และควรจะต้องควบคุมให้อยู่ในร่องในรอย

แต่คนจำนวนมากอย่างอัลต์แมนก็เชื่อว่า AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในสังคมมนุษย์ที่ต้องมาอยู่ร่วมกันในที่สุด

ไม่ว่า AGI จะเกิดขึ้นในอีก 3 ปี หรือ 70 ปีนับจากนี้ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า AI จะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล

ที่มา Reuters (1), Reuters (2), Science Direct, Medium

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส