2-3 วันมานี้ มีคนรู้จักส่งข้อความและโทรมาถามบีเรื่องฟีเจอร์ story ใน Instagram และ Facebook เยอะมาก เดิมทีบีเป็นคนที่ชอบเล่นฟีเจอร์ story ใน Instagram ส่วนตัวอยู่แล้ว พอสัปดาห์ที่แล้วมีฟีเจอร์นี้ใน Facebook บีก็เลยลองเล่นดู ทำให้หลายๆ คนถึงกับต้องมาถามว่ามันคืออะไร
ก่อนหน้านี้ฟีเจอร์ Story มีอยู่ใน instagram ก่อนแล้วหลายเดือน ซึ่งตอนนี้หลายๆ คนคงทราบกันดีว่า Instagram และ Facebook เจ้าของเค้าคือคนเดียวกันแล้วนะจ๊ะ ดังนั้นฟีเจอร์ใน Facebook กับ Instagram ต่อไปคงไม่แตกต่างกันมากนัก อะไรที่มีใน Instagram ก็สามารถผุดได้ใน Facebook ได้ไม่ยาก
สำหรับฟีเจอร์ story นี้ มีกระแสดราม่าออกมาเรื่อยๆ ว่าช่างละม้ายคล้ายคลึงกับ Snapchat ซึ่งเป็นแอปที่ใช้ส่งข้อความ วิดีโอ รูปภาพ แบบไม่ถาวร คือ ข้อความจะถูกลบตัวเองอัตโนมัติในเวลาแป้ปเดียว ซึ่งฮิตในหมู่วัยรุ่นฝรั่งกันมาก (หลายคนแอบกระซิบว่า เอาไว้ส่อง boob ของสาวๆ หล่ะ แต่จริงๆ ก็ฮิตในการส่งโมเม้นแปลกๆ หรืออัพเดทเรื่องราวชีวิตให้กับเพื่อนๆ ค่ะ) เจ้าแอป snapchat ที่ฮิตในหมู่วัยรุ่นตะวันตก ก็เลยคอนเฟิร์มกันได้เลยว่า Instagram และ Facebook ก็อปฟีเจอร์นี้ชัวร์!! แต่จะก็อป ไม่ก็อป ก็อย่าไปสนใจเลย เพราะพี่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็อาจออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่า เปล่านะ ไม่ได้ก็อปได้
มาดูความสนุกของฟีเจอร์นี้กันดีกว่า เพราะคนที่ไม่เคยเล่นเลย อาจจะงงๆ ว่ามันคืออะไร เล่นยังไง
วิธีการเล่นง่ายมากเลยค่ะ ถ้าเข้ามาที่หน้าแรกของ Instagram และ Facebook ในตอนนี้ จะเห็นฟีเจอร์นี้อยู่บนสุดเลย วิธีการเล่นก็คือ กดรูปกล้องที่อยู่บนซ้ายสุดค่ะโดยหน้าตาฟีเจอร์ story ของ Instagram และ Facebook จะแตกต่างกันนิดหน่อย
มาดูของ Instagram ก่อนเลยดีกว่า
โดย Instagram จะมี Live เป็นอันแรก ซึ่ง Live อันนี้ก็จะคล้ายคลึงกับ Facebook เช่นกัน แต่จะไม่สามารถโพสวิดีโอลงได้แบบ Facebook ไลฟ์จบก็จบกัน แต่สามารถบันทึกเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนเราได้ค่ะ
Instagram มีความสามารถถ่ายวิดีโอ 3 รูปแบบคือ
- Normal เราสามารถกดจึ้ก! เดียว สำหรับถ่ายรูป หรือกดค้างไว้สำหรับบันทึกวิดีโอค่ะ
- Boomerrang ถ้าใครเคยเล่นแอปนี้ คงคุ้นเคยกันดี คือภาพที่จะขยับย้อนกลับไปมาเหมือน บูมเมอแรงนั่นเอง
“ก็เพราะว่าตัว ฉันเป็นอย่างบูมเมอแรง ขว้างไปยิ่ง แรง ยิ่งกลับมาเร็ว ฉันเป็นอย่างบูมเมอแรง ขว้างไปทุกแห่ง ก็มาที่เดิม” เพลงพี่เบิร์ดก็มา บอกอายุมาก - Hands-free อันนี้ก็คือเรากดครั้งเดียว มันจะถ่ายเองอัติโนมัติ ซึ่งต่างกับ Normal ที่เราต้องเอานิ้วจิ้มค้างไว้ตลอดค่ะ
หลังจากเราได้รูปและวิดีโอแล้ว เราสามารถเลือกสติ้กเกอร์ต่างๆ มาตกแต่งได้ และเพิ่มตัวอักษร หรือวาดรูปต่างๆ ลงไปได้เลย
จากนั้นก็กด ปุ่ม Your story เพื่อแชร์ story ได้เลยค่ะ หรือเราจะ save เก็บในสมาร์ทโฟนเราด้วยก็ได้ (ถ้า save ตั้งแต่ตอนนี้ ภาพและวิดีโอจะชัดกว่าตอน save ตอนหลังค่ะ) ในขณะเดียวกัน เราก็สามารถส่ง story ของเรา ไปให้ใครก็ได้เช่นกัน โดยกดปุ่มลูกศรนั้นค่ะ
มาที่ฝั่ง Facebook กันบ้าง
เริ่มต้นที่กล้องซ้ายมือด้านบนค่ะ ส่วนไอเจ้าปุ่ม Direct ตรงนี้ มีไว้สำหรับดูข้อความที่เพื่อนๆ แสดงความเห็นต่อ story ของเรา ซึ่งตัวนี้จะต่างกับ Instagram ตรงที่ ถ้ามีคนแสดงความคิดเห็นใน story ของเราใน Instagram ข้อความจะไปรวมกันในที่เดียว คือ ใน Messages แต่ Facebook จะแยกมาให้พิเศษค่ะ
Story ของ Facebook จะมีลูกเล่นเยอะกว่า Instagram ตรงที่ มีลูกเล่นที่ตกแต่งหน้าตาเราได้หลากหลายมากเลยค่ะ ตัวการ์ตูนต่างๆ ปรับกรอบรูป โทนสี ฟิลเตอร์ได้หมด
แต่จะต่างกับ Instagram ตรงที่ไม่มี Boomerrang และ Hands-free ค่ะ ดังนั้นตอนถ่ายวิดีโอ ก็ต้องจิ้มนิ้วค้างกันไป แต่บีเชื่อว่าอีกไม่นานคงมี Hands-free ตามมาแน่นอน
และถ้าใครมีรูปภาพหรือวิดีโออยู่แล้ว ก็สามารถนำมาลงใน story ได้เลย โดย Facebook ปุ่มเลือกรูปจากคลังภาพ จะอยู่มุมขวาล่าง ส่วน Instagram จะต้องสไลด์ขึ้นข้างบน 1 ทีค่ะ
ดูจากวิธีการเล่นแล้วก็ง่ายๆ เล่นได้ตามสไตล์เรา ใครใคร่เล่นใน Instagram ก็เล่น ใครใคร่ใน Facebook ก็เลือกเอาได้เลย หรือจะ Save จาก Instagram มาลงใน Facebook ก็ยังได้
อ๋อ เกือบลืมอีกเรื่องไปเลย เพราะมีพี่คนนึงโทรมาถามบีในเรื่องของ story นี้ บีเลยเพิ่มเติมข้อมูลอีกอย่างให้พี่เค้าฟังว่า
“ ฟีเจอร์ story ทั้งใน Instagram และ Facebook สามารถดูได้ว่าใครดู story ของเราบ้าง”
พี่คนที่โทรมาหาบีถึงกับตกใจ! และถามว่า ขึ้นว่าดูกี่ครั้งมั้ย ?
บีเลยตอบว่า “ไม่สามารถดูได้นะคะ ว่าเค้าดู story เรากี่ครั้ง”
นั่นแสดงว่า หนุ่มๆ ที่แอบไปส่องสาวๆ คงกลัวกันล่ะสิ ถ้าเผลอกดดูหลายๆ ครั้ง เดี๋ยวสาวๆ จะคิดว่าเป็นพวกโรคจิตเอา แต่ไม่ต้องห่วงเนอะ แค่ขึ้นว่าใครดูบ้าง แต่ไม่ขึ้นว่าดูกี่ครั้งค่ะ
ทั้งหมดก็เป็นข้อมูลคร่าวๆ ของฟีเจอร์ story ใน instagram และ Facebook ค่ะ ก็ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ และถ้ามองในแง่ดี ก็ถือเป็นการพัฒนาให้ Instagram และ Facebook มีสีสันมากขึ้นด้วย และบีมั่นใจว่าต่อไปทั้งใน Instagram และ Facebook ต้องมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมาบ่อยแน่ๆ