พี่มาร์กโดนปรับ!

เรื่องราวสุดฉาวของบริษัทพี่มาร์กยังมีให้ติดตามกันเรื่อย ๆ ล่าสุดหมาด ๆ นี้ทาง คณะกรรมาธิการการค้าแห่งชาติของสหรัฐหรือ FTC สั่งปรับเงิน Facebook เเพงเวอร์กว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 1.5 เเสนล้านบาท!!!

เเม้จำนวนเงินค่าปรับนี้จะเป็นจำนวนเงินที่แพงที่สุดเท่าที่บริษัทเทคฯ เคยถูกปรับ เเต่ก็ยังน้อยไปเมื่อเทียบกับเงินจำนวนมหาศาลที่ Facebook ทำรายได้ คือถ้าลองคำนวณดูเงินจำนวนนี้มีตัวเลขเท่ากับรายได้ที่ Facebook ได้รับในระยะเวลา 49 วันจึงถือว่าขนหน้าเเข้งไม่ร่วง

หลายคนสงสัยว่าแล้ว Facebook ไปก่อวีรกรรมอะไรอีก?

วีรกรรมที่คุ้นหูที่สุดคงจะเป็นเรื่องข้อมูลผู้ใช้ Facebook กว่า 87 ล้านรายรั่วไหลไปยังสำนักวิจัย Cambridge Analytica เพื่อสนับสนุนเเคมเปญหาเสียงของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2016 รวมถึงการเลือกตั้งอื่น ๆ ส่งผลให้ Cambridge Analytica ถูกยุบในปี 2018 รวมไปถึงการใช้ระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) โดยที่ยังไม่ได้ขอผู้ใช้ รวมถึงเอาเบอร์โทรของผู้ใช้ไปใช้ประโยชน์ด้านโฆษณา

นอกจากสั่งปรับ FTC ยังมีคำสั่งให้:

  1. Facebook เเต่งตั้งคณะกรรมการอิสระ หลายคนสงสัยว่าตั้งเพื่ออะไร? คำตอบง่าย ๆ ก็คือมาช่วยควบคุมดูแลการตัดสินใจของ CEO
  2. Facebook ดูเเลเเอป Third-Party ต่าง ๆ ไม่ให้ไปเที่ยวบันทึกเบอร์โทรผู้ใช้ มาหาผลประโยชน์
  3. เเจ้งผู้ใช้งานทุกครั้งเมื่อระบบตรวจจับใบหน้า (Facial Recognition) ทำงาน
  4. ติดตั้งระบบป้องข้อมูลเเละความเป็นส่วนตัว
  5. ต้อง Encypt หรือ แปลง passwordให้เป็นรหัสลับ จะได้ไม่มีใครอ่านออก
  6. แบนบริการขอ password อีเมลของผู้ใช้งาน Facebook

ยังมีวีรกรรมอื่น ๆ อีกนะ!

เรื่องราวของ Facebook ไม่ได้มีเเค่นี้ ลองมาดูกันว่ามีวีรกรรมอะไรแสบ ๆ :

  • ปลายปีก่อน Facebook เกิดรวน ทำให้ทราบว่า ผู้พัฒนาที่ Facebook จ้างมา สามารถเข้าถึงรูปของผู้ใช้เกือบ 7 ล้านคน เเม้จะไม่มีการโพสต์จริง ๆ ก็ตาม
  • Facebook ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ให้แอปพลิเคชันดัง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Spotify and the Royal Bank of Canada ซึ่งบริษัทเหล่านี้สามารถเข้ามาอ่านข้อความส่วนตัวของเราได้
  • Microsoft เห็นเพื่อน ๆ ของเราบน Facebook โดยพละการ
  • และเมื่อไม่นานมานี้ ประมาณเดือนที่เเล้วที่ Facebook ล่ม ก็มีคนมือไว เเคปหน้าจอ Facebook ที่ปล่อยไก่ เเสดงการอ่านข้อมูลจากภาพผู้ใช้ด้วยระบบ AI ไม่ว่าคุณจะถ่ายตรงไหน มีอะไรในรูป Facebook รู้หมด! ทำเอาชาวโซเชียลหัวร้อนไปตาม ๆ กัน (แต่ความจริงแล้วระบบนี้สร้างขึ้นเพื่อช่วยคนพิการ โดยเฉพาะคนพิการทางสายตาให้ระบบสามารถอ่านรูปภาพเป็นเสียงได้ว่ารูปนั้นคืออะไรนะ)

อ่านกันหรือยัง?

ก่อนซื้อประกัน คนขายก็บอกให้อ่านก่อน Facebook ก็เช่นกัน หากคุณต้องการเป็นส่วนหนึ่งในสารระบบเขา คุณก็ต้องทำตามกฎ ข้อตกลง หรือที่สำนวนภาษาอังกฤษเรียกว่า Your house, your rule เเปลว่าเมื่อไปอยู่บ้านใคร ก็ต้องทำตามกฎของเจ้าของบ้าน เเต่เราก็ต้องศึกษาด้วย ดีกว่าเอาเเต่ปัดตกลงเขาไปหมด เเล้วอย่าหาว่าพี่มาร์กไม่เตือน!

3 การตั้งค่าที่ควรรู้

จริงอยู่ที่คุณไม่สามารถอ่านกฎกติกาของ Facebook ได้ทุกข้อเพราะมันเยอะและยาวมาก จนเราขี้เกียจอ่าน แต่ไม่เป็นไร เราขอสรุป 3 ข้อสำคัญ ๆ ที่คุณควรรู้

  1. การตั้งค่าการจดจำใบหน้า (Facial Recognition Settings) คุณอาจรู้สึกว่ามันไฮเทคเเละสะดวกสบายที่ไม่ต้องเเท็กภาพด้วยตัวคุณเอง เพราะ Facebook มีระบบจดจำใบหน้าด้วย AI เจ้า AI นี่ฉลาดสุด ๆ สามารถจำลักษณะโครงหน้า เเละเตือนคุณหากมีรูปคนโผล่มาไม่ว่าจากเฟซคุณหรือเฟซเพื่อน  นอกจากนั้น ยังรู้ด้วยว่าใครเเอบเอารูปคุณไปเเอบอ้างบ้าง เเต่ก็อย่าลืมว่าการให้ Facebook จดจำใบหน้า เท่ากับว่าเป็นการอนุญาตให้เขาเข้าถึงข้อมูลความเป็นส่วนตัวด้วย ซึ่งไม่มีใครการันตีได้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ต่อหรือไม่ อย่างไร ดังนั้น ลองเข้าไปตรวจสอบฟังก์ชันนี้ก่อนโดยไปที่เมนูการตั้งค่า>บัญชีส่วนตัว>การจดจำใบหน้า
  2. การเปิดใช้งานตำเเหน่งที่ตั้ง (Location Setting) ใครที่เปิดฟังก์ชันนี้ ลองสังเกตง่าย ๆ คือเวลามีเพื่อนอยู่ในละเเวกใกล้เคียง มันก็จะเตือนคุณ เวลาใครจะมาหาคุณ หรือเกิดอะไรฉุกเฉิน จะได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชันนี้ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลให้กับ บริษัทต่าง ๆ ซึ่งบริการนี้มีชื่อว่า Facebook Business หากคุณตั้งค่า Location บนมือถือของคุณเป็นสาธารณะ นั่นหมายความว่า บริษัท หน่วยงานวิจัย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ในบางกรณี) สามารถรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ที่เรามักเห็นโฆษณาคอนโดใกล้ ๆ ยิงมาหาเรา เนื่องจากบริษัทคอนโดใช้บริการ Facebook Business เเละ scope กลุ่มเป้าหมายเฉพาะคนในพื้นที่ ซึ่งมีรัศมีเป็นวงกลม 
  3. การผสานรวมธุรกิจ ชื่อเมนูนี้ฟังดูเเปลก ๆ ไม่คุ้นหู เเต่เเท้จริงเเล้ว เพียงเเค่คุณเข้าไปที่ เมนูตั้งค่า ก็เจอเเล้ว คำถามคือ มันมีไว้ทำอะไรกัน? เจ้าเมนูนี้ทำหน้าที่เหมือนตัวเชื่อมระหว่างคุณกับบริษัทผู้พัฒนาเเอปพลิเคชัน โดยเเอปเหล่านั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลที่คุณอนุญาตผ่าน Facebook ไว้ เช่น ชื่อ ชื่อผู้ใช้ (ID) วันเดือนปีเกิด รายชื่อเพื่อน ช่วงอายุ รวมไปถึงเพศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นข้อมูลชั้นดีในการทำการตลาดของบริษัท กลับไปพัฒนาเเอปให้ดีขึ้น เเต่ถ้าคุณต้องการความเป็นส่วนตัว คุณสามารถเข้าไป ‘ปิดตา’ แอปเหล่านี้ โดยเข้าไปที่ เมนูการตั้งค่า> การผสานรวมธุรกิจ> เลือกที่เเอป> ลบออก

 

เเม้ Facebook ในช่วงเวลานี้อาจจะดูเป็นตัวร้ายที่สร้างวีรกรรมไว้มากมาย เเต่หากลองคิดกลับกันว่าถ้าไม่มี Facebook เราจะทำอย่างไร? ซึ่งถ้าลองพิจารณาดูดี ๆ Facebook ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น ไม่งั้นจะมีคนใช้กว่า 2 พันล้านกว่าบัญชีได้อย่างไร

นี่คือโลกธุรกิจ เรามี Facebook ไว้อำนวยความสะดวกสบายเราในหลาย ๆ ด้าน แต่ขณะเดียวกัน ทางบริษัทก็ต้องได้รับผลตอบเเทนบ้าง ถือเป็นเรื่องธรรมดา

Facebook อาจล้วงลับข้อมูลของคุณเยอะไป ผู้คนก็เลยไปโทษ Facebook เเต่อย่าล่มว่าคุณเองก็มีส่วนโดยตรงในการ ‘กำหนด’ ความเป็นส่วน เพราะฉะนั้น อย่าลืมไปดูการตั้งค่าในบัญชีคุณด้วยล่ะ

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส