สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา หากมีข่าวเกี่ยวกับ Intel เมื่อไร ชื่อของ Project Athena นั้นก็จะโผล่มาอยู่เสมอ หลาย ๆ คนที่ไม่ได้ติดตามข่าวของ Intel บ่อยนักก็อาจจะไม่รู้จักว่ามันคืออะไร หรือบางคนที่เอาแต่คิดว่าเมื่อไร Intel จะออก CPU สำหรับ PC Desktop มาก็คงจะไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อ Project Athena เลยก็ว่าได้ และด้วยเนื่องในโอกาสเหมาะ ที่ภายในงาน CES 2020 ทาง Intel ได้ออกมาพูดถึง Project Athena ถึงทิศทาง และเป้าหมายของมันในอนาคต วันนี้ผมก็จะมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ Project Athena กันครับ
ทำความรู้จักกับ Project Athena
Project Athena เป็นชื่อเรียกโครงการ PC Laptop ของ Intel ที่มันคือ Laptop ในยุคหน้า (The Next Generation Laptop) โดยในโลกนี้มี Laptop อยู่มากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Notebook, Ultrabook, Macbook, Gaming Notebook, Netbook และน้องใหม่ล่าสุดอย่าง Chromebook โดยเจ้า Project Athena จะเข้ามาเปลี่ยนให้ Laptop เหล่านี้กลายเป็นอะไรที่เหนือกว่า Laptop ในยุคปัจจุบันครับ
โดย Feature หลัก ๆ ของ Project Athena ก็คือ เบาและบาง สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัว มีอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนาน และตัว Laptop เองนั้นจะต้องพร้อมการใช้งานอยู่ตลอดทุกเมื่อ ด้วยระบบ Lucid Sleep แถมยังรองรับการ Login แบบ Biometric ด้วยการใช้ลายนิ้วมือ หรือ การจดจำใบหน้า อีกทั้งยังมีการนำเอา AI เข้ามาใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับความสามารถในการอ่านข้อมูลที่รวดเร็วด้วย NVMe SSD และรองรับ Wifi 6 ที่เร็วยิ่งกว่า Internet Router ที่บ้านของใครบางคน รองรับ Thunderbolt 3/4 และมีสเปกเครื่องที่แรงเอาเรื่องเลยทีเดียว
มันฟังดูคล้าย ๆ กับ Ultrabook ที่มีขายอยู่ทั่ว ๆ ไป แต่อย่างที่ผมบอกไปครับว่า Project Athena นั้นมันได้เข้ามาปฏิวัติวงการ PC Laptop ทั้งหมดเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น Acer Swift ที่เป็นซีรีส์ Ultrabook ของ Acer เองก็ได้มี Acer Swift 3 รุ่นใหม่ออกมาที่เข้าโครงการ Project Athena มาพร้อมกับราคาที่ถูก (20,000 บาท) แต่ความสามารถเทียบเท่า Macbook กันเลยทีเดียว
โดยในตอนนี้ก็มี PC Laptop อยู่ประมาณ 25 รุ่นที่เข้าโครงการ Project Athena บางรุ่นก็วางจำหน่ายไปเรียบร้อยแล้ว และมีแผนที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องครับ ยกตัวอย่างก็เช่น Acer Swift 3, Dell XPS 13, HP Elite Dragonfly ต่างที่ก็ได้รับคำชมจากสื่อชั้นนำทั่วโลก โดยล่าสุดตอนนี้เราก็จะได้เห็น Chromebook มาเข้าร่วมโครงการกันแล้ว อย่างเช่น Samsung’s Galaxy Chromebook ที่กำลังจะวางขายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2020 นี้
มาตรฐานของ Project Athena
Intel ได้ออกมาบอกถึงมาตรฐานของ Project Athena เอาไว้ทั้งหมด 3 ข้อ ได้แก่ Focus, Always Ready, Adaptive โดยผมจะนำเอาแต่ละข้อมาเจาะลึกให้ท่านผู้อ่านกันครับ
1. Focus
สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกของ Laptop ที่จะเข้าร่วมโครงการ Project Athena ก็คือความพร้อมในการใช้งานตลอดเวลากับระบบ Modern Connected Standby / Lucid Sleep ที่จะทำให้เราเข้าใช้งาน Laptop ของเราได้รวดเร็วมากกว่าเดิมหลังจากเปิดฝาหน้าจอขึ้นมา ราวกับกดปุ่มล็อคหน้าจอของ Smartphone ให้กลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมกับระบบ Biometric Logic ที่จะให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ลายนิ้วมือ หรือ การจดจำใบหน้าไม่ว่าจะเป็นที่มึดแค่ไหนก็สามารถใช้งานได้ บอกลาการใส่ Password แบบเดิม ๆ ไปได้เลย
นอกจากนี้เองเรื่องประสิทธิภาพก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะงานนี้ Project Athena ได้มีการกำหนดสเปกขั้นต่ำของ Laptop ที่จะเข้าร่วมโครงการไว้ โดยต้องมี CPU อย่าง Core i5 หรือ Core i7 เท่านั้น สำหรับ Chromebook นั้นจะต้องเป็น Gen 10th CPU และมี DRAM มากกว่า 8GB Dual Channel Mode สำหรับการอัปเกรดในอนาคต มาพร้อมกับ SSD ขนาด 256GB ขึ้นไปแบบ NVMe พร้อมกับรองรับ Intel Optane Memory ที่จะมาช่วยเก็บ Cache ข้อมูล ทำให้การทำงานนั้นรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
2. Always Ready
แบตเตอรี่ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของ Laptop เลยก็ว่าได้ครับ สำหรับผมมันคือตัววัดเลยว่าจะอยู่หรือจะไป ก็อยู่ที่เจ้าแบตเตอรี่นี่ล่ะ เพราะส่วนตัวแล้ว การใช้งานของผมนั้นจะเน้นไปทีการทำงานเอกสารนอกบ้านเป็นหลัก และเชื่อว่าหลาย ๆ คนเองก็เช่นกัน ที่ไม่อยากจะไปหาจุดชาร์จแบตเพิ่ม และหวังว่าจะสามารถใช้งานมันได้ทั้งวัน โดยที่ไม่ต้องชาร์จแบตเพิ่มเลย โดยสเปกขั้นต่ำของ Project Athena นั้น คือต้องมีอายุการใช้งานมากกว่า 9 ชั่วโมงเป็นต้นไป กับการใช้งานแบบเต็มที่ อีกทั้งยังต้องรองรับ Fast Charge หรือการชาจไวอีกด้วย สำหรับผมแค่นี้ก็นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ
และแน่นอนว่า Port การเชื่อมต่อเองก็สำคัญไม่แพ้กันเลย Thunderbolt 3 และ USB 3.0 จะต้องกลายเป็นมาตรฐานใหม่ สำหรับ Chromebook นั้นก็ต้องรองรับ USB Type C กับ Display รวมไปถึง Wifi 6 ที่มีความเร็วระดับ Gigabyte หรือเรียกได้ว่าเร็วกว่า Router ของที่บ้านบางคนเสียอีก และแน่นอนว่าต้องรองรับ 4G และ 5G ในอนาคตครับ
3. Adpative
หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ตัวว่า ทุกวันนี้ AI มีบทบาทกับการใช้ชีวิตของเรามาก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ประเภทไหนต่างก็พยายามนำเอา AI เข้ามามีส่วนในการใช้งานกันทั้งนั้น สำหรับ Project Athena เองก็ไม่พลาด ด้วยระบบคำสั่งเสียงสุดล้ำ และการรองรับ Windows Machine Learning และ OpenVino AI สำหรับนักพัฒนา แน่นอนว่าสำหรับผู้ใช้เองก็ไม่น้อยหน้า เพราะความสามารถของ CPU Gen 10th ผสมกับ AI นั้นเรียกได้ว่าสุดยอดไม่แพ้กัน ตามที่ผมเคยนำเสนอไปแล้วครับ คลิก
สุดท้ายก็คือรูปลักษณ์การออกแบบที่ดี มีขนาดที่เบาและบาง หน้าจอต้องมีขนาด 12 ถึง 15 นิ้วขึ้นไป และต้องมีความละเอียดภาพขั้นต่ำที่ Full HD 1080p พร้อมกับรองรับการสัมผัสอย่างเต็มรูปแบบ จะต้องมีขอบหน้าจอที่เล็กทั้ง 3 ด้าน และ Keyboard ที่ตอบสนองได้ดีเยี่ยมและมาพร้อมกับไฟ Backlit มาพร้อมกับ Touchpad ที่ดีเยี่ยม และรองรับปากกาอีกด้วย
จากมาตรฐานทั้ง 3 อย่าง หลาย ๆ คนคงจะนึกภาพกันออกแล้ว ว่า Laptop ของ Project Athena มันจะสุดยอดขนาดไหน จากการใช้งานจริงที่เคยผ่านมือตัวผมเองมาบ้าง ก็ต้องบอกเลยว่ามันสุดยอดมาก ๆ และมันได้เปลี่ยนประสบการณ์การใช้งาน Notebook ธรรมดา ๆ เครื่องนึงไปเลยทีเดียว
แน่นอนว่าอย่างที่ผมได้บอกไปว่าตอนนี้ก็มี Laptop ของ Project Athena นั้นได้วางจำหน่ายไปบ้างแล้ว และกำลังจะมีตามกันมาอีกในปี 2020 นี้ สำหรับใครที่สนใจก็อย่าลืมไปลองกันมาล่ะครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส