รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์มีคำสั่งสอบสวนบริษัท Crypto AG ที่ตั้งอยู่ในเมือง Zug ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านการสื่อสารและรักษาความปลอดภัยข้อมูล เป็นผู้ผลิตเครื่องเข้ารหัสและอุปกรณ์เข้ารหัสที่มีมานาน ซึ่งมี CIA หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ และ BND หน่วยข่าวกรองเยอรมันเป็นเจ้าของอยู่ลับ ๆ ตั้งแต่ปี 1970 จนถึง 1993 ต่อมา CIA ได้เป็นเจ้าเพียงรายเดียวจนถึงประมาณปี 2018
บริษัทได้เพิ่มจุดอ่อนของการเข้ารหัสให้กับผลิตภัณฑ์ที่ขายออกไป ซึ่งช่วยให้ CIA และ BND สามารถดักฟังศัตรูและพันธมิตรได้ ในขณะเดียวกันก็มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์หลายล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเรื่องนี้ได้ถูกเผยแพร่โดย Washington Post และ ZDF สถานีโทรทัศน์สาธารณะของเยอรมัน ซึ่งตีแผ่ถึงประวัติภายในของหน่วยงานปฏิบัติการด้านข่าวกรอง
ได้มีการกล่าวถึง 5 หรือ 6 ประเทศที่ได้ประโยชน์ด้วย ซึ่งน่าจะอ้างอิงได้กับ Five Eyes ที่มีข้อตกลงในการแบ่งปันข่าวกรองอิเล็กทรอนิกส์ระหว่าง 5 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
ปฏิบัติการนี้มีรหัสชื่อว่า Thesaurus และจากนั้นในปี 1980 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Rubicon ดังนั้นแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จของ CIA ในหลายทศวรรษที่ผ่านมาเกิดจากการครอบงำบริษัท Crypto AG ให้ใส่ข้อบกพร่องในเครื่องมือสื่อสารเข้ารหัสแล้วขายออกไปอย่างแพร่หลาย คุ้น ๆ หรือยังว่าทำไมสหรัฐฯ จึงต้องกลัว Huawei จะเป็นช่องทางให้กับจีนสอดแนมข้อมูล
โชคดีที่สหภาพโซเวียตหรือจีนไม่ได้ซื้อเครื่องเข้ารหัส Crypto เพราะมีความสงสัยเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของบริษัท แต่เครื่องก็ยังถูกขายไปยังประเทศต่าง ๆ มากกว่า 100 ประเทศรวมถึงประเทศไทย
Carolina Bohren โฆษกหญิงของกระทรวงกลาโหมสวิตเซอร์แลนด์ ได้แถลงการณ์ทางอีเมลว่าได้มีการอภิปรายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยย้อนหลังไปถึงปี 1945 และเป็นเรื่องยากที่จะรื้อฟื้นขึ้นใหม่และตีความในบริบทของยุคปัจจุบัน และเสริมว่าการติดตามของสื่อมวลชนถึงการสืบสวนเกี่ยวกับบริษัท Crypto นั้น รัฐบาลสวิสแต่งตั้ง นาย Niklaus Oberholze อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาของรัฐบาลกลางเมื่อเดือนมกราคม ให้สอบสวนและชี้แจงข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ แล้วให้รายงานกลับไปยังกระทรวงกลาโหมในเดือนมิถุนายน
ตอนนี้สวิตเซอร์แลนด์ได้สั่งระงับการขายผลิตภัณฑ์ของ Crypto ในต่างประเทศแล้ว
เรามาย้อนดูที่จุดสูงสุดแห่งความสำเร็จของปฏิบัติการ Thesaurus และ Rubicon ที่ได้ทำให้สหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งจากการล่วงรู้ข้อมูลการข่าวที่สำคัญกันว่ามีอะไรบ้าง
เมื่อปี 1978 Anwar Sadat ประธานาธิบดีของอียิปต์และ Menachem Begin นายกฯ อิสราเอลได้เดินทางไปยัง Camp David ใน Washington, D.C. สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนของ Jimmy Carter อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อเจรจาข้อตกลงสันติภาพระหว่างอียิปต์กับอิสราเอล และมี Jimmy เป็นคนกลาง เหตุการณ์นี้สหรัฐฯ สามารถติดตามตรวจสอบการสื่อสารทั้งหมดของ Sadat กับรัฐบาลที่กรุงไคโรได้ ดังนั้นสหรัฐฯ จึงสามารถอ่านเกมและทำให้การเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลางสำเร็จจนสิ้นสุดสงครามอาหรับ – อิสราเอล
อิหร่านก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของ Crypto ด้วย ก็ทำให้ CIA และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (National Security Agency : NSA) สามารถสอดแนมเจ้าหน้าที่อิหร่านในช่วงวิกฤตการณ์ตัวประกันเมื่อปี 1979 ที่กรุงเตหะราน
ปี 1986 เกิดเหตุวางระเบิดดิสโก้ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นสถานบันเทิงที่ทหารสหรัฐฯ เข้าไปเที่ยวกันเพื่อหวังฆ่าทหารสหรัฐฯ จึงทำให้ทหารสหรัฐฯ Kenneth T. Ford ตายทันทีหนึ่งนาย มีพลเรือนตายอีกสองคน และ James E. Goins ทหารสรัฐฯ ที่ได้รับบาดเจ็บแล้วตายหลังจากนั้นอีกสองเดือน ต่อมามีการพิจารณาคดีที่สหรัฐฯ ในปี 2001 พบว่าการวางระเบิดได้วางแผนโดยหน่วยข่าวกรองลิเบียและสถานทูตลิเบีย ซึ่งเหตุการณ์นี้หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ก็สามารถดักฟังเจ้าหน้าที่ลิเบียแสดงความยินดีต่อกันที่ทำภารกิจสำเร็จ
นอกจากนี้ตามประวัติของ CIA ระบุว่าสหรัฐฯ ได้ดักฟังการสื่อสารเกี่ยวกับแผนการทางทหารของอาร์เจนติน่าที่จะมีไปยังอังกฤษในช่วงสงคราม Falklands โดยใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์เข้ารหัส Crypto ของอาร์เจนตินา
Washington Post เปิดเผยว่า CIA และ BND ได้ตกลงซื้อบริษัท Crypto ในปี 1970 แต่ด้วยความหวาดกลัวการเปิดเผยต่อมา BND จึงขายหุ้นบริษัทให้กับสหรัฐฯ ในปีช่วงต้น ๆ ของทศวรรษ 1990 จากนั้น CIA ก็ยังคงใช้ประโยชน์จากบริษัท Crypto จนถึงปี 2018 แล้วก็ขายทรัพย์สินของบริษัทให้กับสองบริษัทเอกชน
หนึ่งในนั้นคือบริษัท CyOne Security ที่ดำเนินกิจการโดยอดีตพนักงานระดับสูงของ Crypto ซึ่งได้ออกมาแถลงว่าไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับประวัติของ Crypto ได้ และกล่าวอีกว่า “CyOne Security AG ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคม 2018 ซึ่งบริษัทจะดำเนินงานเฉพาะในตลาดสวิสโดยมุ่งเน้นที่โซลูชันรักษาความปลอดภัยที่ล้ำสมัยสำหรับลูกค้าจากภาครัฐของสวิส” และย้ำอีกว่า “นับตั้งแต่เริ่มต้นดำเนินการทางธุรกิจ CyOne Security มีชาวสวิส 4 คนเป็นเจ้าของ 100% โดยไม่ได้เป็นตัวแทนของใคร และเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์จากบริษัทเดิม Crypto AG และ CyOne Security ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริการข่าวกรองให้กับประเทศใด ๆ ในต่างประเทศ” นอกจากนี้บริษัท CyOne Security ไม่ได้ตอบคำถามว่าบริษัทเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์จาก Crypto ได้อย่างไร
ธุรกิจการขายไปต่างประเทศของ Crypto ถูกขายให้กับผู้ประกอบการชาวสวีเดนชื่อ Andreas Linde ซึ่งไม่ได้แสดงความคิดเห็น แต่ได้แสดงอาการตกใจในทันทีเมื่อได้รับแจ้งโดยนักข่าวเกี่ยวกับประวัติของ Crypto เมื่อเดือนที่แล้ว และเขากล่าวว่า “ถ้าสิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นความจริง ดังนั้นฉันรู้สึกถูกหลอกลวงอย่างแน่นอนและครอบครัวของฉันก็รู้สึกถูกหลอกลวง และฉันรู้สึกว่าจะมีพนักงานจำนวนมากที่จะรู้สึกว่าถูกหลอกลวงเช่นเดียวกับลูกค้า” และนักข่าวได้เล่าว่าเขามีอาการสั่นอย่างเห็นได้ชัด
ต่อมา Linde ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังอีกว่าบริษัทของเขากำลังตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเพื่อหาช่องโหว่ที่ถูกปิดซ่อนไว้ โดยกล่าวว๋า “เราต้องทำการตัดทุกสิ่งที่เชื่อมโยงกับ Crypto โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
บริษัท Crypto ได้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 20 ยุคแห่งความขัดแย้งที่ยิ่งใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทคิอ Boris Hagelin ซึ่งเกิดในรัสเซีย แต่ได้หนีไปสวีเดนในช่วงการปฏิวัติรัสเซีย จากนั้นได้หนีไปที่สหรัฐฯ เมื่อเหล่าทหารนาซีได้บุกนอร์เวย์ในปี 1940 และได้ขายเครื่องเข้ารหัสแบบเคลื่อนย้ายได้ให้กับกองทัพสหรัฐฯ
เมื่ออยู่ในสหรัฐฯ Hagelin ได้เป็นเพื่อนกับ William Friedman ผู้ที่ถือว่าเป็นบิดาแห่งวิทยาการเข้ารหัสลับของอเมริกา ต่อมาหลังสงคราม Hagelin ได้ย้ายบริษัทไปยังสวิตเซอร์แลนด์โดยยังคงความสนิทสนมกับ Friedman ในปี 1951 Hagelin และ Friedman ได้ทำข้อตกลงลับกันที่ Cosmos Club ใน Washington เพื่อจำกัดการขายผลิตภัณฑ์เข้ารหัสที่มีความซับซ้อนไปยังประเทศที่ได้รับอนุมัติจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ในปี 1960 เป็นยุคที่เทคโนโลยีการเข้ารหัสได้พัฒนาจากเครื่องจักรกลมาเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (NSA) ได้จัดทำอัลกอริทึมที่ใช้กับอุปกรณ์ของ Crypto เพื่อให้สามารถถอดรหัสได้อย่างรวดเร็ว บริษัทเริ่มผลิตเครื่องสื่อสารรุ่นที่สองเป็นรุ่นที่ปลอดภัยขายให้กับรัฐบาลที่เป็นมิตรและระบบที่สอดแนมได้ให้กับทุกคน ก่อนที่บริษัทจะถูกถือครองอย่างทันทีโดย CIA และ BND
การรักษาความปลอดภัยของระบบ Crypto ได้เริ่มถูกสงสัยหลังจากที่ Ronald Reagan ได้ยืนยันต่อสาธารณะเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ลิเบียได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการวางระเบิดดิสโก้ La Belle เพื่อยับยั้งสหรัฐฯ ในปี 1986 ต่อมาหน่วยสืบราชการลับของอิหร่านเริ่มมีความสงสัยและได้สอบปากคำนาย Hans Buehler พนักงานขายของบริษัท Crypto แต่ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ จนกระทั่งประมาณหกปีต่อมา หน่วยสืบราชการลับของอิหร่านได้จับกุม Buehler ในขณะที่เขากำลังจะบินออกจากกรุงเตหะราน ต่อมาอิหร่านยอมปล่อยตัวเขาหลังจากบริษัทตกลงจ่ายเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยกองทุนที่จัดทำโดย BND
พนักงานของ Crypto ส่วนใหญ่ไม่ทราบความลับของบริษัท แต่ในปี 1977 มีวิศวกรคนหนึ่งพบพิรุธในอัลกอริทึมจนถูกบริษัทไล่ออก หลังจากนั้นเขาได้เดินทางไปดามัสกัสและแก้ไขช่องโหว่ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ดำเนินการโดยรัฐบาลซีเรีย
ในปี 1995 การเชื่อมโยงระหว่างหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ และบริษัท Crypto ได้ถูกรายงานขึ้นครั้งแรก ทำให้หลายประเทศหยุดซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัท แต่อิหร่านก็ยังคงซื้อเครื่องมือของ Crypto อยู่หลายปีโดยไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท ซึ่ง Linde เจ้าของบริษัท Crypto International คนใหม่กล่าวว่า อิหร่านมองว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเพียงแค่ข่าวลือ
ข้อสงสัยในการเชื่อมโยงระหว่าง CIA และบริษัท Crypto เกี่ยวกับการสอดแนมความลับจากการสื่อสาร ช่างเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับความกังวลจากการสอดแนมผ่านอุปกรณ์ในเครือข่ายมือ 5G ที่กำลังจะวางระบบขึ้น ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่าข่าวนี้จะส่งผลดีหรือผลเสียต่อโครงการต่าง ๆ อย่างไร
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส