คำติดตลกจากอนิเมะญี่ปุ่น ‘ไปเกิดใหม่ใน อิเซไก’ กับเนื้อเรื่องแนวไปเกิดใหม่ และใช้ชีวิตอยู่ในโลกแฟนตาซี หรือ โลกเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ พื้นที่สุดแฟนตาซีที่เราสามารถเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ได้ ณ ตอนนี้อาจจะฟังดูเป็นเรื่องเพ้อฝัน เช่น ภาพยนตร์ Ready Player One หรืออนิเมะ Sword Art Online แต่รู้หรือไม่ว่าเทคโนโลยี Metaverse แบบนี้กำลังเกิดขึ้นจริงบนโลกนี้แล้ว และก็มีบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ระดับ Facebook, Microsoft หรือแม้แต่ Tesla ก็กำลังให้ความสนใจกับการสร้างโลกแบบที่กล่าวถึงกันอยู่
Metaverse คำศัพท์คำนี้ หลายคนที่ชื่นชอบข่าวเทคโนโลยี หรือชื่นชอบอะไรที่มีความเป็น Sci-Fi อาจจะรู้จักกันบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย แล้วความหมายของมันจริง ๆ คืออะไร?
Metaverse คือ?
ผมขอหยิบความหมายของคำว่า Metaverse ที่อธิบายโดย NVIDIA มาเล่าต่อหน่อยละกัน
What is the metaverse? The metaverse is a shared virtual 3D world, or worlds, that are interactive, immersive, and collaborative.
อะไรคือ Metaverse? Metaverse คือพื้นที่โลกเสมือนแบบ 3 มิติ หรือสั้น ๆ ว่าโลกเสมือน สามารถโต้ตอบได้ และสามารถเข้าไปใช้งานร่วมกันกับคนอื่นได้
Metaverse มันก็คือโลกเสมือนที่เราสามารถเข้าไปใช้งานร่วมกับคนอื่นได้นั่นเอง ในที่นี้ให้ลองนึกถึง เกม VR – Virtual Reality ที่เล่นได้แบบหลายคน เราสามารถสวมบทบาทเป็นอีกบุคคลหนึ่งเพื่อกระทำอะไรบางอย่างได้ ซึ่งถ้าใครเคยดูหนัง Ready Player One มาแล้ว ก็คงจะเข้าใจคอนเซปต์ของมันอย่างแจ่มแจ้งแล้วล่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้ว VR Game มันก็คือต้นแบบแรกที่จะต่อยอดไปจนถึงจุดที่เรียกว่า Metaverse ได้นั่นล่ะ
หากคุณยังไม่เข้าใจ ให้ลองนึกถึงพื้นที่ออนไลน์อย่าง Facebook ที่คุณใช้งานร่วมกันกับผู้อื่น แต่ถูกถ่ายทอดในรูปแบบ 3D จับต้องได้มากกว่าตัวหนังสือ, ภาพ และวีดีโอ
Metaverse ปรากฏครั้งแรกอย่างชัดเจนในหนังสือนวนิยายวิทยาศาตร์ของ นีล สตีเฟนสัน (Neal Stephenson) ที่มีชื่อว่า Snow Crash ตีพิมพ์ในปี 1992 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเกมแบบ 3 มิติ ที่ผู้เล่นสามารถเข้าไปเล่นกับผู้เล่นคนอื่นได้ในฐานะอวาทาร์ (Avatars)
Facebook: ฉันนี่ล่ะ จะเป็นคนสร้าง Metaverse ที่สมบูรณ์แห่งแรก
Facebook เป็นบริษัทที่หลายคนน่าจะเห็นความพยายามในการผลักดันการสร้างโลก Metaverse อย่างมาก ตั้งแต่การเข้าซื้อบริษัทพัฒนาแว่น VR อย่าง Oculus ไปจนถึงการประกาศการพัฒนาแพลตฟอร์ม Facebook Horiozn และล่าสุดอย่างการเปิดตัว Horizon Workroom
ปัจจุบันมี Metaverse ที่มีผู้ใช้งานในระดับที่เยอะมาก และใช้งานกันอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้ใช้งานแว่น VR อย่าง VRChat ซึ่งในปัจจุบัน VRChat เป็นพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับ Metaverse ในอุดมอติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ คุณจะต้องมีอุปกรณ์ราคาที่สูงมาก ถึงจะเข้าถึงประสบการณ์อย่างมากที่สุดได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวแว่น VR เอง, ระบบ Full Body Tracking, Omnidirectional Treadmill ไปจนถึงของใหม่พึ่งมาอย่าง Haptic Suit และ Haptic Gloves (แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะซื้อของหมดนี่เพื่อเล่นแค่ VRChat)
แต่ Facebook นี่ล่ะ ที่กำลังจะทำให้ Metaverse ในอุดมคติเป็นจริง ด้วยการทำให้แว่น VR เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ใช้งานไม่ยุ่งยาก มีราคาถูก และ Plug n’ Play ได้เลย ด้วยการเปิดตัว Oculus Quest
Facebook ประสบความสำเร็จในขั้นนี้อย่างมาก เพราะในปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้งาน Oculus Quest บน Steam นั้น ขึ้นมาสูงเป็นอันดับหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อุปกรณ์ที่ Facebook อยากจะนำมาใช้จริง ๆ อาจจะยังไม่ใช่อุปกรณ์ตัวนี้ แต่จะต่อยอดไปจากตัวนี้อีกทีหนึ่ง ซึ่ง Facebook ก็กำลังพัฒนาอุปกรณ์ AR ตัวอื่นอยู่เหมือนกัน และกำลังทดสอบกันแบบลับ ๆ ในชื่อว่า Project ARIA
ทำไม Metaverse ถึงถูกพูดถึงเยอะในตอนนี้? และสุดท้ายแล้ว ทำไมฉันถึงอยากจะเข้าไปอยู่ใน โลก ‘เสมือน’ มากกว่าโลก ‘จริง’ ล่ะ?
อันนี้เป็นการวิเคราะห์ของผมเอง เพราะจริง ๆ แล้วการที่ Metaverse มาถูกพูดถึงเยอะในตอนนี้ก็เป็นเพราะว่า Facebook เองนั่นล่ะ เริ่มจากการประกาศเปิดตัว Facebook Horizon เมื่อปีก่อน, ความนิยมที่พุ่งทะยานของ Oculus Quest 2 และก็การแพร่ระบาดของ COVID-19….
กักตัว, ออกไปไหนไม่ได้, ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน, เปลี่ยนการใช้ชีวิตไปใช้แบบ New Normal หรืออะไรที่เคยออกไปทำข้างนอกได้แบบเดิม ก็ออกไปทำไม่ได้แล้ว
มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนเริ่มจะสนใจกับการหาทางออก ในการที่จะกลับไปมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของมนุษย์ให้ได้เหมือนเดิม ถึงแม้เราจะมี Zoom เราจะมี Skype แต่จุดหมายของการออกไปเจอหน้ากันจริง ๆ มันยังทำไม่ได้ ถึงจะมีการ Video Call กัน มันไม่ Interactive เหมือนการได้เจอกันจริง ๆ
แต่สิ่งที่ Metaverse ทำได้มันตอบโจทย์ข้อนี้มาก ๆ นั่นคือความ Interactive ที่มากกว่าการ Video Call ด้วยการเข้าไปทำกิจกรรมร่วมกันได้เหมือนอยู่ด้วยกันจริง ๆ เช่น ร้องเพลงคาราโอเกะด้วยกัน, ดูหนังด้วยกัน, ท่องโลกสุดไซไฟกับเพื่อน, สวมบทบามเป็นโจรสลัดอวกาศกับเพื่อน หรือแม้แต่การนำไปใช้ทำงาน เช่นการประชุมกันทั่วไป มันเลยเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างมากในยุคนี้
และสิ่งที่คิดว่ามันชวนให้น่าหลงไหลมากที่สุดของ Metaverse ที่ขับเคลื่อนด้วย Virtual Graphics นั้นก็คือ “Limitless Possibilities” หรือความเป็นไปได้อันที่ไม่มีสิ้นสุด เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจริงได้ในนี้ทั้งหมด คุณอยากเป็นใคร คุณอยากเป็นตัวละครอะไร หรือหน้าตาอย่างไร อะไรที่คุณคิดว่าในชีวิตนี้จะไม่ได้เห็นจริง ๆ ตรงหน้า อย่างเช่นการระเบิด Big Bang, ไดโนเสาร์, ขับยานอวกาศ จากโลกไปยังดาวอังคาร หรือแม้แต่การเป็นสไปเดอร์แมน มันเกิดขึ้นจริงได้ทั้งหมดใน Metaverse
ส่วนเหตุผลว่าทำไมบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ อยากจะสร้างให้มันสมบูรณ์ตามอุดมคติให้ได้นั้น… ผมขอถามกลับให้เป็นไอเดียของคำตอบแบบปลายเปิดนะครับว่า “ถ้าคุณสามารถเป็นพระเจ้าในการสร้างโลกขึ้นมาได้…. คุณจะอยากเป็นหรือเปล่าล่ะ?”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส