ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เราคงเคยได้ยินประโยคนี้บ่อย แต่ยุคนี้อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่เป็น ความไม่แน่นอนคือที่สุดของความแน่นอนแล้ว เพราะนอกจากภัยพิบัติไฟไหม้ น้ำท่วมที่ไม่ว่ายุคไหนก็เจอแล้ว ยังมีปัญหาด้านการเมือง การชุมนุมประท้วง และปัญหาใหม่ๆ อีกมากมายที่ทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้ง่ายๆ วันนี้ผมจึงอยากจะเล่าให้ฟังว่าบริษัทต่างๆ เขาเตรียมแผนรับมือกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องระบบไอทีครับ
BCM ไบเบิ้ลเมื่อเกิดปัญหา
บริษัทที่คำนึงถึงความเสี่ยงด้านธุรกิจจะมีการทำแผนที่เรียกว่า BCM หรือ Business Continuity Management เพื่อรับมือกับความเสี่ยงทุกด้านที่จะเกิดขึ้น ทั้งปัญหาจากคน พนักงานป่วย ลาออก เหตุจลาจล โรคระบาด ภัยพิบัติ ฯลฯ ซึ่งเคสคลาสสิกที่ยกตัวอย่างกันเสมอๆ เมื่อนึกถึง BCM คือกรณีของบริษัท Morgan Stanley ที่เช่าสำนักงานขนาดใหญ่อยู่ในตึก World Trade Center เมื่อเกิดเหตุการณ์ 9/11 บริษัทก็สูญเสียสำนักงานที่เช่าอยู่ 24 ชั้นใน 2 ตึกนี้ไปทั้งหมด พร้อมกับพนักงานอีก 13 คน แต่วันรุ่งขึ้น Morgan Stanley ก็พร้อมทำธุรกิจต่อ ผู้บริหารเข้าทำงานที่ Backup Site พร้อม Trade ในตลาดหุ้นทันที ซึ่งถึงแม้ว่ารัฐบาลจะชะลอการเปิดตลาดหุ้นออกไป แต่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของบริษัทที่มีการเตรียมการไว้เสมอเมื่อเกิดปัญหาใหญ่
BCM นั้นมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น Business Continuity Plan (BCP) หรือ Disaster Recovery Plan (DRP) รวมถึงการสร้าง Disaster Recovery Site (DR Site) ซึ่งวันนี้จะขอเน้นที่เรื่องของ DR Site ครับ
Disaster Recovery Site สถานที่ทำงานยามเกิดปัญหา
เมื่อเกิดปัญหาจนไม่สามารถเข้าสำนักงานได้ สิ่งที่ต้องคิดคือเราสามารถนำงานนั้นมาทำนอกสถานที่ได้หรือไม่ หรือมีการเตรียมการตั้งสำนักงานสำรองและระบบคอมพิวเตอร์ชุดที่ 2 ไว้ทำงานแทนชุดแรกที่ไม่สามารถเข้าถึงได้หรือไม่ นี่จึงเป็นที่มาของการตั้ง DR Site ครับ
การพิจารณาเลือก DR Site นั้นใช้องค์ประกอบหลายปัจจัยนะครับ หลักๆ ก็คือสถานที่ตั้งที่แนะนำว่าควรอยู่ห่างที่สถานที่หลัก 20 กิโลเมตรขึ้นไป เพื่อปัญหาจากที่ทำงานหลักจะได้ไม่ลามมาถึง DR site ด้วย เช่นถ้าน้ำท่วมกรุงเทพ แต่เรามี DR Site ที่ปริมณฑลก็ยังทำงานต่อได้ แต่สถานที่ตั้งก็ไม่ห่างจนเดินทางไม่สะดวกนะครับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับประเด็นที่ตั้งเช่น ต้องปลอดภัยจากภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วม แผ่นดินไหว คลื่นพายุซัดฝั่ง รวมถึงไม่ห่างจากสาธารณูปโภคต่างๆ และสถานที่สำคัญต่างๆ เช่นสถานีดับเพลิง สถานีตำรวจด้วย
แต่จะมีแค่สถานที่ มีห้องสำหรับนั่งทำงานแล้วก็คงไม่พอ ก็ต้องมีการเตรียมระบบโอนย้ายข้อมูลกันด้วย ซึ่งในจุดนี้เราจะแบ่งระดับของ DR Site คร่าวๆ ดังนี้ครับ
- Hot Site DR Site ที่มีความพร้อมสูงสุด ระบบคอมพิวเตอร์ถูกติดตั้งเรียบร้อยและทำงานร่วมกับระบบหลัก โดยจะเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตและ Lease line เพื่อแบ็กอัพข้อมูลจากระบบหลักตลอด เมื่อเวลาเกิดปัญหาก็พร้อมย้ายมาทำงานได้เลย แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด
- Warm site DR Site ที่มีความพร้อมรองลงมา มีการเตรียมสถานที่ เตรียมเซิร์ฟเวอร์ไว้แล้ว แต่เวลาใช้งานจริงจะต้องมีการเซ็ตอัประบบเพิ่มเติมเพื่อดึงข้อมูลมาทำงานต่อ ก็เหมาะสำหรับธุรกิจที่ไม่ได้ต้องการความเสถียรระดับสูงสุด แต่ยังต้องการระบบสำรองที่พร้อมใช้งานได้ในเวลาไม่นาน
- Cold site คือ DR Site ที่มีการเตรียมสถานที่ เตรียมสาธารณูปโภคไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ ยังไม่มีเซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมใช้งาน ก็ต้องมีการขนย้ายมาติดตั้งอีกที ซึ่งรูปแบบนี้จะเป็นการเตรียมพร้อมที่ประหยัดที่สุด แต่ก็มีระยะเวลาที่ระบบใช้งานไม่ได้นานที่สุดเช่นกัน
ซึ่งการออกแบบ DR Site จะมีอีก 2 ตัวเลขที่ต้องคำนึงคือ
- Recovery Point Objective (RPO) ช่วงระยะเวลาที่สำรองข้อมูล หรือพูดอีกอย่างว่าคุณยอมรับข้อมูลให้สูญหายได้มากขนาดไหน เช่น RPO 2 ชั่วโมง หมายความว่าเราจะสามารถดึงข้อมูลกลับมาถึงแค่ก่อนจะเกิดเหตุ 2 ชั่วโมง ซึ่งยิ่งตัวเลขนี้ยิ่งต่ำก็ยิ่งดี แต่ก็ต้องวางแผนและใช้งบประมาณมากขึ้นตามไปด้วย
- Recovery Time Objective (RTO) ช่วงระยะเวลาที่ระบบหยุดทำงาน หรือคุณยอมรับให้ระบบหยุดได้นานแค่ไหน เช่น RTO 30 นาที คือยอมรับให้ระบบดาวน์ได้ครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะกู้ให้กลับมาทำงานได้ ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งต่ำก็ยิ่งดี แต่ก็ต้องลงทุนสูงเช่นกัน
แล้วจะเริ่มทำแผนสำรองทางธุรกิจได้อย่างไร
การทำ BCM รวมถึง DR Site นั้นจะต้องเข้าใจเรื่องธุรกิจและเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก สำหรับองค์กรที่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้อาจเริ่มต้นจากการหาที่ปรึกษาที่สามารถแนะนำการสร้างระบบและมี DR Site พร้อม Data Center ให้บริการ ซึ่ง CAT Telecom ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่สามารถให้คำปรึกษาและให้บริการ DR Site ได้ ด้วย Data Center ใจกลางกรุงเทพ รวมถึงปริมณฑลอย่างนนทบุรีและศรีราชาให้เลือกใช้ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเพื่อทำงานตามแผนฉุกเฉินที่วางไว้ได้ นอกจากนี้ CAT ยังมี Iris Cloud บริการคอมพิวเตอร์กลุ่มเมฆที่รองรับงานต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่นอีกด้วย
และในบทความตอนต่อไปเราจะพาไปรู้จัก Data Center ที่หลายคนเรียกติดปากว่า IDC (Internet Data Center) กันว่าเป็นอย่างไร ต้องออกแบบอย่างไร และมีมาตรฐานอะไรบ้าง ซึ่งก็ต้องขอบคุณ CAT Telecom สำหรับข้อมูลต่างๆ ในบทความนี้ครับ