บทความที่แล้วผมได้พาไปทำความรู้จักแผนสำรองก่อนเกิดปัญหาและ DR Siteกันไปแล้ว ที่หลายท่านคงนึกภาพตามออกว่าก่อนที่จะเกิดปัญหาเราต้องรับมืออย่างไรบ้าง แต่ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจและเกี่ยวกับความมั่นคงของข้อมูลด้วยนั่นคือ Internet Data Center หรือ IDC ครับ

มาตรฐานของ Data Center

การสร้างศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตหรือ Data Center นั้นไม่ใช่สร้างกันดื้อๆ ไม่มีแนวทางอะไรนะครับ แต่มีมาตรฐานที่เรียกว่า ANSI/TIA-942 กำหนดระดับคุณภาพของ Data Center ออกเป็น 4 ระดับ หรือที่เรียกในวงการว่า Tier ซึ่งแค่ Tier 1 มาตรฐานขั้นต่ำสุดสำหรับการเป็น IDC ก็กำหนดว่าระบบต้องทำงานได้อย่างน้อย 99.671% หรือในหนึ่งปีระบบล่มได้ไม่เกิน 28.83 ชั่วโมงแล้ว ส่วน Tier 4 ที่เป็นมาตรฐานสูงสุดกำหนดให้ระบบต้องทำงานได้ 99.995% หรือปีหนึ่งล่มได้ไม่เกิน 26.28 นาที และต้องมีระบบสำรองพร้อมทำงานเสมอ

CAT_server

โดยมาตรฐานทั้ง 4 มีรายละเอียดคร่าวๆ ดังนี้

  • Tier 1 ระบบต้องทำงานได้อย่างน้อย 99.671% หรือในหนึ่งปีระบบล่มได้ไม่เกิน 28.8 ชั่วโมง แต่ไม่มีระบบทำงานสำรอง
  • Tier 2 ระบบต้องทำงานได้อย่างน้อย 99.741% หรือในหนึ่งปีระบบล่มได้ไม่เกิน 22 ชั่วโมง ต้องมีระบบทำงานสำรองด้วย
  • Tier 3 ระบบต้องทำงานได้อย่างน้อย 99.982% หรือในหนึ่งปีระบบล่มได้ไม่เกิน 1.6 ชั่วโมง ต้องมีระบบทำงานสำรอง มีไฟฟ้าสำรอง และช่องทางเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำรอง
  • Tier 4 ระบบต้องทำงานได้อย่างน้อย 99.995% หรือในหนึ่งปีระบบล่มได้ไม่เกิน 24 นาที ต้องมีระบบทำงานสำรอง มีไฟฟ้าสำรอง ช่องทางเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำรอง และทุกอย่างที่เกี่ยวกับระบบใน IDC ก็ต้องมีตัวสำรอง เช่นระบบแอร์ ระบบดับเพลิง ฯลฯ

CAT_level3

การออกแบบเฉพาะของ Data Center

การสร้างศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์จะมี 2 แนวทางหลักๆ ในปัจจุบันคือสร้างในอาคารเดิมที่มีอยู่แล้ว และปรับปรุงขึ้นเป็น Data Center หรือสร้างเป็นอาคารใหม่ที่ออกแบบเป็น Data Center โดยเฉพาะครับ ซึ่งอาคารที่ออกแบบมาเฉพาะก็จะมีข้อได้เปรียบในการออกแบบที่สามารถสร้างตามลักษณะเฉพาะของอาคาร Data Center ได้หลายอย่าง เช่นสร้างให้พื้นรับน้ำหนักได้มากกว่าอาคารปกติ หรือสร้างให้เครื่องปั่นไฟอยู่แยกกันคนละอาคารเพื่อลดความสั่นสะเทือนเวลาเครื่องทำงาน ซึ่งการออกแบบเฉพาะที่ใช้ใน IDC นั้นมีหลายอย่าง เราจะขอเล่าให้ฟังกันดังนี้

Play video

เรื่องวุ่นวายของการทำความเย็นแต่ต้องประหยัดพลังงาน

Data Center นั้นต้องใช้พลังงานเยอะมากนะครับ ซึ่งการใช้ไฟ 2 ส่วนหลักๆ คือสำหรับจ่ายให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงาน พวกเครื่องเซิร์ฟเวอร์ทั้งหลายที่วางเป็นร้อยๆ พันๆ ตู้นั้นแหละ อีกส่วนหนึ่งก็คือไฟฟ้าสำหรับระบบทำความเย็น ก็ที่เรารู้ๆ กันว่าพวกคอมพิวเตอร์นั้นมันไม่ถูกกับความร้อน แต่ตัวเองดันสร้างความร้อนมามากมาย และเมืองไทยเป็นเมืองที่ร้อนมว้าก อาคารของ Data Center จึงต้องป้องกันความร้อนจากภายนอกได้ดีพอสมควร อาจจะด้วยฉนวนกันความร้อน หรือเทคนิคอย่าง Solar Slab

การทำงานของ Precision Air Conditioning

การทำงานของ Precision Air Conditioning

Data Center หลายแห่ง ก็มีการยกพื้นขึ้นเพื่อเดินระบบปรับอากาศไว้ใต้พื้น โดยจะเป็นระบบ Precision Air-Conditioner หรือการทำความเย็นที่ให้ลมเย็นจากพื้นสู่เพดาน คือลมเย็นจะพุ่งออกมาจากพื้นหน้า Server ที่กำลังทำงาน ดูดลมเย็นเข้าไประบายความร้อนในเครื่องจนกลายเป็นลมร้อนดูดออกทางเพดานของห้องครับ ซึ่งระบบที่ดีก็สามารถควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศแบบนี้เป็นรายแถว แถวไหนยังไม่มีเครื่องก็ปิดไปก่อน เพื่อประหยัดไฟได้ด้วย

PrecisionAir2

และตัวพื้นของห้องเซิร์ฟเวอร์นี้ นอกจากจะยกพื้นเพื่อให้มีระบบทำความเย็นซ่อนอยู่ใต้พื้นแล้ว ยังทำให้พื้นรองรับน้ำหนักได้มากขึ้นด้วย เป็นการกระจายน้ำหนักจากจุดเดียวออกไปยังพื้นอาคารหลายๆ จุด หรือที่เรียกว่า Share Load เพื่อรองรับน้ำหนักเซิร์ฟเวอร์ UPS หรืออุปกรณ์อื่นๆ โดยอย่างน้อยพื้นของห้องเซิร์ฟเวอร์ใน IDC ก็ควรรองรับน้ำหนักได้ 800 กิโลกรัม/ตารางเมตร

การรักษาความปลอดภัยและเสถียรภาพของอาคาร

ในอาคารสมัยใหม่ก็ต้องมีระบบดับเพลิงอยู่แล้วจริงไหมครับ แต่สำหรับอาคารศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากอยู่ระบบดับเพลิงก็ต้องดีกว่าการใช้น้ำธรรมดามาดับไฟครับ

สารดับเพลิงที่ใช้กันหลักๆ ใน Data Center จะมี 2 ตัวคือ Pyrogen ที่เป็นสารไม่นำไฟฟ้า ไม่ทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอยู่ในรูปของแข็งจึงไม่ต้องเก็บไว้ในถังแรงดัน และอีกตัวหนึ่งคือ Novec 1230 ที่พัฒนาขึ้นโดย 3M สารนี้ไม่ทำอันตรายกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน และมีอายุในชั้นบรรยากาศสั้น ไม่กี่วันก็สลายตัวหายไปหมด จึงไม่ทำลายชั้นบรรยากาศ ซึ่งระบบดับเพลิงของ IDC จะได้รับการตรวจเช็คตลอดเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดจากอัคคีภัย

CAT_sec

จุดสำคัญอย่างหนึ่งของ Data Center คือต้องมีการรักษาความปลอดภัยผู้ผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวดด้วย เพราะเซิร์ฟเวอร์และข้อมูลที่อยู่ภายในนั้นมีมูลค่ามาก คงไม่มีใครที่อยากให้ข้อมูลหลุดหรือถูกทำลายไป มาตรการพื้นฐานของ Data Center คือทุกคนที่ผ่านเข้าออกจะต้องสแกนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลงบันทึกเวลาทั้งหมดเอาไว้ ส่วนแขกก็ต้องติดต่อขออนุญาตก่อนที่จะมาถึง แล้วเมื่อมาถึงก็ต้องแลกบัตร พร้อมถ่ายรูปคู่กับบัตรประชาชนเก็บไว้ในฐานข้อมูลอีกด้วย ทั้งหมดนี้เพื่อรับประกันความปลอดภัย และความมั่นคงของข้อมูลและระบบงานทั้งหมดที่อยู่ภายในอาคารครับ

CAT_gen

และสุดท้ายคือเครื่องปั่นไฟที่มีความสำคัญมาก ถึงแม้ว่าในระบบของ Data Center จะมี UPS ช่วยควบคุมกระแสไฟและจ่ายไฟชดเชยยามเกิดปัญหา แต่ในกรณีที่ไฟดับเป็นเวลานานก็ยังต้องมีเครื่องปั่นไฟที่เติมน้ำมันพร้อมใช้งานได้เสมอ ซึ่ง Data Center ส่วนใหญ่จะมีมากกว่า 1 เครื่องเพื่อทำงานแทนกันได้ยามเกิดปัญหา

Data Center ของ CAT

Play video

ศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ตของกสท โทรคมนาคมมี 3 แห่งหลักในประเทศไทยนะครับ เริ่มตั้งแต่ตึก CAT ที่บางรัก ที่เราจะคุ้นเคยกันมากที่สุด มีพื้นที่ให้บริการ 1,000 ตารางเมตร ได้มาตรฐานระดับ Tier 4 คือมีระบบสำรองทั้งหมด พร้อมเครื่องปั่นไฟที่พร้อมทำงานตลอด

แห่งที่ 2 อยู่ในจังหวัดนนทบุรีครับ มีพื้นที่ให้บริการวางเซิร์ฟเวอร์ 500 ตารางเมตร ได้มาตรฐานระดับ Tier 3 แต่ยังมีระบบสำรองไฟพร้อมเครื่องปั่นไฟที่เตรียมพร้อมตลอด และแห่งสุดท้ายน้องเล็กนั้นอยู่ที่ศรีราชา มีพื้นที่ให้บริการ 300 ตารางเมตร แต่ก็พร้อมขยายได้ในอนาคต ได้มาตรฐานระดับ Tier 4 เหมือนพี่ใหญ่

ขอบคุณทาง CAT สำหรับข้อมูลดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟังให้แฟนๆ เว็บแบไต๋ทุกคนครับ ก็ติดตามความเคลื่อนไหวหรือสอบถามบริการได้จากหน้าเว็บของ CAT IDC ครับ