ตลอดวันวาเลนไทน์นี้ หลาย ๆ น่าจะได้กินช็อกโกแลตกันไปแล้วหลายชิ้น หลายแบรนด์ และบางคนอาจได้รับ ‘ช็อกโกแลตแบบสอดไส้’ ลูกกลม ๆ ที่ถูกห่อมาในห่อฟอยล์สีทองหรูหรา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ ‘Ferrero Rocher’ หนึ่งในขนมหวานที่ขายดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะในโอกาสพิเศษอย่างวันวาเลนไทน์
วันนี้ beartai BRIEF เปิดไทม์ไลน์ของ Ferrero Group อาณาจักรขนมหมื่นล้านเหรียญ สัญชาติอิตาเลียน!

แม้ว่า Ferrero Group จะถูกก่อตั้งโดยสองพี่น้อง Pietro และ Giovanni Ferrero อย่างเป็นทางการ ในปี 1946 แต่ความเป็นมาของแบรนด์นี้สามารถย้อนกลับไปได้เล็กน้อยก่อนช่วงก่อตั้งในปี 1923 ที่ผู้พี่อย่าง Pietro Ferrero ภายหลังปลดประจำการจากกองทัพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ได้กลับมาเปิดร้านขนมในเมือง Dogliani ประเทศอิตาลี

ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ร้านของ Pietro ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก จึงย้ายไปที่เมือง Alba ของอิตาลีเช่นกัน โดยเริ่มพัฒนาขนมราคาถูกตามคำแนะนำของน้องชาย เนื่องจาก Giovanni มองว่าวัตถุดิบที่ขาดแคลน และผู้คนไม่อาจจับจ่ายกับของที่สิ้นเปลืองอย่างช็อกโกแลตได้ ขนมที่หวานอร่อยและราคาถูกน่าจะขายได้มากว่า จึงเกิดเป็น ‘Giandujot’ ขนมที่ทำมาจากกากน้ำตาล น้ำมันเฮเซลนัท เนยมะพร้าว และใช้ผงโกโก้เพียงเล็กน้อยเท่า ทำให้มีรสชาติอร่อย รู้สึกใกล้เคียงกับช็อกโกแลต แต่มีราคาถูก ทำให้ผู้คนในยุคสงครามหาซื้อมาทานได้
และความสำเร็จนี่เองที่ทำให้สองพี่น้อง Ferrero สามารถตั้งตัวและก่อตั้ง Ferrero Group ขึ้นมาได้ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า Pietro ได้เสียชีวิตในปี 1949 จากอาการหัวใจวาย และไม่อาจได้เห็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ Ferrero Group ในเวลาต่อมา

Ferrero Group ดำเนินต่อไปได้ด้วยการบริหารงานโดย Giovanni Ferrero และลูกชายของ Pietro คือ Michele Ferrero ซึ่งทั้งคู่ได้ร่วมกันพัฒนา Giandujot ให้มีความเข้มข้นมากขึ้น สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวหลังสงคราม ทำให้พวกเขาสามารถเพิ่มปริมาณช็อกโกแลตลงในขนมได้ และกลายเป็น ‘Supercrema’ ซึ่งถ้าอธิบายง่าย ๆ ก็คือ Giandujot ชนิดที่ทาขนมปังได้นั่นเอง
ต่อมาในปี 1956 Michele ก็ได้พา Ferrero Group เข้าสู่ตลาดเยอรมนีและยุโรปตามความฝันของ Pietro ผู้เป็นพ่อ และเริ่มต้นการผลิตแบบโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ Ferrero Group เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 1957 Giovanni Ferrero วัย 52 ปี ก็เสียชีวิตลง เนื่องจากหัวใจวายเหมือนกับพี่ชาย และปล่อยให้ Michele ต้องดำเนินกิจการต่อไปเพียงลำพัง

ถ้าจะบอกว่าความสำเร็จของ Ferrero Group ส่วนใหญ่มาจากความสามารถของ Michele Ferrero คงไม่ผิด เพราะตลอดช่วงเวลาที่เขาบริหารงาน บริษัทขยายได้ตัวอย่างแข็งแกร่ง ทั้งการพัฒนาสูตร Supercrema ให้เข้มข้นขึ้น และวางจำหน่ายใหม่ในชื่อของ ‘Nutella’ รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลายเป็นที่นิยมในระดับโลกมากมาย เช่น Kinder, Tic Tac และ Kinder Surprise รวมถึงช็อกโกแลตสอดไส้ห่อฟอยล์สีทองที่พวกเราคุ้นเคยอย่าง Ferrero Rocher จนทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าว Ferrero Group สามารถทำรายได้มากกว่าพันล้านเหรียญ

ในปี 1997 Michele ขอลงจากตำแหน่งซีอีโอ และส่งต่ออำนาจให้ลูกชายทั้งสองคนบริหารงาน คือ Pietro และ Giovanni (ชื่อเดียวกับปู่ทั้งคู่) แต่เมื่อปี 2011 ก็เกิดอุบัติที่น่าเศร้าขึ้น และ Pietro ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน และในช่วงเวลาอีก 4 ปีถัดมา Michele ก็ได้เสียชีวิตลงจากโรคชรา ซึ่งความสูญเสียในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องระดับชาติของอิตาลี โดยรายงานข่าวระบุว่า มีผู้เข้าร่วมงานศพของ Michele มากกว่า 10,000 คนเลยทีเดียว
ปัจจุบัน Ferrero Group บริหารงานโดย Giovanni Ferrero ซึ่งถือเป็นทายาทรุ่นที่ 3 แล้ว และการที่เขาได้รับมอบมรดกเป็นธุรกิจขนมหวานระดับหมื่นล้านเหรียญนี้ ทำให้ชื่อของเขาอยู่ในอันดับที่ 1 ของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในอิตาลี และอันดับที่ 37 ของทำเนียบมหาเศรษฐีโลก ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes ด้วยความมั่งคั่ง 36,200 ล้านเหรียญ

ที่มา : Ferrero, Ferrero Rocher, Ferrero Hazelnut Company, Forbes

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส