สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นักท่องเที่ยวจำนวน 5 คน ได้ซื้อตั๋วราคา 250,000 เหรียญสหรัญฯ (ราว 8.6 ล้านบาท) จากบริษัททัวร์ชื่อ “โอเชียนเกต” (OceanGate) เพื่อท่องเที่ยวเป็นเวลา 8 วัน ซึ่งรวมถึงการดำน้ำเที่ยวชมซากเรือไททานิกที่อยู่ลึกลงไปใต้ท้องทะเล 3,800 เมตร
โดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) หน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ ได้สูญเสียการติดต่อกับเรือดำน้ำนักท่องเที่ยว หลังจากที่เรือดำน้ำลำนี้ดำลงไปใต้น้ำได้ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ซึ่งขณะนี้ได้มีการระดมกำลังจากหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาล กองทัพเรือสหรัฐฯ และแคนาดา รวมถึงกลุ่มบริษัทน้ำลึกเชิงพาณิชย์ เพื่อออกปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยครั้งใหญ่ในมหาสมุทรแอตแลนติกกลาง
พลเรือตรีจอห์น เมาเกอร์ (John Mauger) ประจำหน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ว่า เรือดำน้ำนักท่องเที่ยวลำดังกล่าวบรรทุกลูกเรือทั้งสิ้น 5 คน และมีออกซิเจนเพียงพอสำหรับ 4 วัน
อย่างไรก็ตาม พลเรือตรีเมาเกอร์ ระบุว่า ขณะนี้ทีมกู้ภัยมีเวลาเหลืออยู่ประมาณ 70 ชั่วโมง จากเวลาเต็มทั้งหมดที่ 96 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยให้สำเร็จ โดยขณะนี้ได้มีการระดมเครื่องบิน 2 ลำ เรือดำน้ำ และทุ่นโซนาร์เข้าร่วมในปฏิบัติการค้นหา แต่เนื่องจากพื้นที่ที่กำลังค้นหานั้นอยู่ห่างไกล ทำให้ปฏิบัติการเป็นไปอย่างยากลำบาก
พลเรือตรีเมาเกอร์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า นักท่องเที่ยวจำนวน 5 คน มีใครบ้าง โดยเขาระบุแต่เพียงว่า ทีมปฏิบัติการจะทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อนำผู้ที่อยู่บนเรือกลับบ้านอย่างปลอดภัย ในขณะที่รายงานข่าวของบีบีซีระบุว่า 1 ใน 5 ของนักท่องเที่ยว คือ ฮามิช ฮาร์ดิง (Hamish Harding) มหาเศรษฐีนักธุรกิจและนักสำรวจชาวอังกฤษวัย 58 ปี เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาประกาศผ่านโซเชียลมีเดียก่อนหน้านี้ว่าจะเข้าร่วมทริปดำน้ำเที่ยวชมซากเรือไททานิก
สำหรับรายละเอียดของเรือดำน้ำนักท่องเที่ยวลำนี้ สำนักข่าวบีบีซีคาดว่าเป็นเรือดำน้ำรุ่นไททัน (Titan) ของโอเชียนเกต ซึ่งเป็นเรือดำน้ำ 1 ใน 3 ลำที่บริษัทเป็นเจ้าของ และเป็นเพียงลำเดียวที่มีความสามารถในการดำน้ำลึกลงไปถึงระดับที่ซากเรือไททานิกจมอยู่ลึกใต้ท้องทะเลได้ ซึ่งระยะเวลารวมที่ใช้ในการดำน้ำขึ้นและลงไปยังซากเรือดังกล่าวยู่ที่ 8 ชั่วโมง
ทางด้าน เดวิด โพก์ (David Pogue) ผู้สื่อข่าวของซีบีเอสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีว่า เขาเคยเดินทางไปกับเรือดำน้ำไททันเมื่อปีที่ผ่านมา โดยระบุว่า ลูกเรือที่อยู่ในเรือดำน้ำและเจ้าหน้าที่บนภาคพื้นดินนั้น จะไม่สามารถติดต่อกันได้เลย เนื่องจาก GPS และวิทยุสื่อสารไม่สามารถทำงานได้ใต้ท้องทะเล ทำให้วิธีการสื่อสารที่พวกเขาใช้กัน คือ การส่งข้อความไปยังเรือสนับสนุนที่อยู่เหนือเรือดำน้ำโดยตรง ซึ่งจะเป็นเพียงข้อความสั้น ๆ เท่านั้น และตอนนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า เรือสนับสนุนไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ อีกแล้วจากเรือดำน้ำด้านล่าง
โพก์ยังระบุอีกว่า ลูกเรือทุกคนถูกปิดตายอยู่ภายในเรือดำน้ำ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางที่จะหลบหนีได้เลย แม้ว่าจะสามารถขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยตัวเองได้ก็ตาม เนื่องจากประตูของเรือดำน้ำใช้สลักเกลียวที่อยู่ภายนอก และจำเป็นต้องมีคนเปิดให้ เมื่อขึ้นสู่ผิวน้ำ
ที่มา : BBC
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส