เรา ๆ ในฐานะคนไทยต่างก็รู้กันดีว่าเอกลักษณ์ของอาหารไทยคือความ ‘เผ็ดร้อน’ บวกกับรสชาติที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศพื้นบ้านนานาชนิดอันเป็นเสน่ห์ที่ชาวต่างชาติต่างหลงใหล เป็นเหตุให้มีร้านอาหารไทยเปิดบริการไปทั่วโลก แต่ใครจะไปคาดคิดล่ะครับ ว่าจะมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นได้ เมื่อหญิงอเมริกันรายหนึ่ง ฟ้องร้องร้านอาหารไทย ‘Coup de Thai’ ที่เปิดบริการอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ด้วยข้อหาที่ว่า อาหารจานหนึ่งในเมนูรสเผ็ดจัดของร้านนั้น “เผ็ดร้อนเกินระดับที่มนุษย์จะบริโภคได้” และทำให้เธอมีปัญหาทางด้านสุขภาพต่อเนื่องมากว่า 2 ปีแล้ว นับจากวันที่เธอกินอาหารจานนี้ไป

Dragon Balls หรือ ลาบทอด เมนูต้นเหตุ

หญิงรายนี้นามว่า ฮาร์จัสลีน วาเลีย (Harjasleen Walia) เธอยื่นคำร้องต่อศาลสูงของซานตาคลาราเคาน์ตี เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ฟ้องร้องร้านอาหารไทย ‘Coup de Thai’ ในแซนโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย รวมถึงพนักงานของร้านด้วย ในข้อหาประมาทเลินเล่อและทำให้เธอทุกข์ใจ จากการที่เธอได้รับประทานอาหารที่ชื่อว่า ‘Dragon Balls’ หรือ ลาบทอด รายละเอียดดังกล่าวระบุไว้ในเอกสารยื่นฟ้องจำนวน 14 หน้า วาเลียอ้างว่าหลังจากเธอกินลาบทอดเข้าไปแล้วก็เกิดอาการ “แสบร้อนไปทั้งปาก เพดานปาก ลิ้น และคอ ภายในจมูกก็เหมือนโดนไฟลุกไหม้” อาการดังกล่าวส่งผลให้เธออยู่ในภาวะทุพพลภาพถาวร

อ้างอิงตามเมนูออนไลน์ของร้าน Coup de Thai ก็มีคำอธิบายถึง ‘ลาบทอด’ ไว้ว่า เป็นเนื้อไก่สับละเอียดคลุกเคล้ากับต้นหอม ใบมะกรูด ผักชี พริก และข้าวคั่ว ปั้นเป็นลูกกลม ขายในราคาจานละ 11 เหรียญ ซึ่งทางร้านยังมีคำเตือนลูกค้าถึงความเผ็ดร้อนด้วยสัญลักษณ์พริกแดง อันเป็นสัญลักษณ์สากล แม้ว่าวาเลียจะเห็นสัญลักษณ์เตือนดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังคงสนใจและสั่งเมนูนี้มาลองทาน ทั้งที่เธอก็รู้ตัวเองดีว่า “ทนต่อความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศไม่ค่อยไหว” เธอจึงกำชับกับพนักงานว่าช่วยลดความเผ็ดร้อนของเมนูจานนี้ให้เธอด้วย

มีการประเมินว่า พริกขี้หนูไทยนั้น มีระดับความเผ็ดอยู่ที่ 50,000 – 250,000 หน่วย

ร้านอาหาร Coup de Thai

นอกจากที่วาเลียฟ้องร้านอาหาร ‘Coup de Thai’ แล้ว เธอยังฟ้องพนักงานกว่า 20 คนในร้าน ซึ่งรวมไปถึงพนักงานคนที่เสิร์ฟอาหารให้เธอ เชฟ บาร์เทนเดอร์ พนักงานจัดซื้อ รวมไปถึงพนักงานคนอื่น ๆ ที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดเตรียม ‘ลาบทอด’ จานที่เธอได้กินไปนั้น

เธอประเมินความรุนแรงของกรณีที่เธอได้ทาน ‘อาหารที่ไม่เหมาะต่อการบริโภคของมนุษย์’ ว่า ‘มีอันตรายถึงชีวิต’ และพนักงานของร้าน ‘Coup de Thai’ ต่างก็ไม่มีมาตรการเตรียมพร้อมรับมือกับปฏิกิริยาต่ออาหารที่เธอประสบ

ทนายความของวาเลียระบุในคำร้องว่า โจทก์ได้เรียกร้องค่าเสียหายทั่วไป รวมถึงค่าชดเชยในการรักษาพยาบาล การสูญเสียรายได้ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทางกฎหมาย

ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น ร้าน ‘Coup de Thai’ ก็โปรโมตภาพลักษณ์ของร้านว่าเหมาะสำหรับผู้แสวงหาอาหารจานเผ็ดร้อน ทางร้านสัญญากับลูกค้าว่า พวกเขาจะได้รับประสบการณ์ที่เปรียบได้กับการ “ปฏิวัติประสาทสัมผัสของคุณอย่างแท้จริง” บนเว็บไซต์ของร้านยังมีสโลแกนเชิญชวนเขียนไว้ว่า

“เมนูอาหารไทยแท้ดั้งเดิมจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีดอกไม้ไฟพุ่งออกมาจากปาก”

และ ‘ลาบทอด’ รสจัดจ้านจานที่เป็นกรณีฟ้องร้องนี้ ก็เป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมของทางร้าน บน ‘Yelp’ เว็บไซต์รีวิวร้านอาหารชื่อดัง ก็มีลูกค้าจำนวนมากยกย่องว่าลาบทอดคือจานเด็ดไม่ควรพลาด บางคนถึงกับสรรเสริญว่าการได้กินลาบทอดของ ‘Coup de Thai’ นี่เปรียบได้กับการขึ้นสวรรค์

กัปตันของร้าน ‘Coup de Thai’บอกกับนักข่าวว่า “ในลาบทอดนั้นเราจะไม่ใส่เครื่องเทศรสเผ็ดมากเกินไปนัก” และยืนยันว่าไม่เคยมีลูกค้ารายใดร้องเรียนกับทางร้านว่าทานแล้วป่วยถึงกับต้องเข้ารับการรักษามาก่อนเลย

อัปเดต : เวลาประมาณ 11:00 น. ของวันนี้ 22 กรกฎาคม 2566 แนนซี่ หรือ นันทพร สว่างแจ้ง ศิลปินหญิง ในนามคู่ดูโอพี่น้อง “ราฟฟี่-แนนซี่” ค่ายอาร์เอสโปรโมชัน เคยมีผลงานอัลบั้มวางแผงเมื่อปี พ.ศ. 2541 – 2544

แนนซี่ได้โพสต์เล่าเรื่องราวเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ผ่านทางอินสตาแกรมของเธอ เนื้อหาโดยสรุปกล่าวว่า

‘ร้าน ‘Coup de Thai’ ที่ตกเป็นข่าวนี้เป็นร้านของ ราฟฟี่ หรือ ธนัชชา สว่างแจ้ง พี่ชายที่เคยออกอัลบั้มร่วมกับเธอนั่นเอง แนนซี่เล่าว่า ลูกค้าที่ฟ้องร้องนั้นได้มาสั่ง ‘ลาบทอด’ ทานที่ร้านจริง และขอร้องให้ปรุงลาบทอดให้เธอโดยลดความเผ็ดลงเป็นพิเศษ ซึ่งพนักงานรับออเดอร์ก็ยืนยันกลับไปว่า เมนูนี้ไม่สามารถลดความเผ็ดลงได้ แต่ลูกค้ารายดังกล่าวก็ยังยืนยันว่าจะทาน และเธอกับสามีก็ทานลาบทอดจนหมดทั้ง 7 ลูก ซึ่งประเมินสถานการณ์ได้ว่า ถ้าลาบทอดมีความเผ็ดร้อนรุนแรงตามที่เธอบรรยายอาการมาจริง ก็ไม่นานจะทาานได้จนหมดทั้ง 7 ลูก และเธอยังจ่ายเงินค่าอาหารและออกจากร้านไปด้วยอาการปรกติ

จนวันรุ่งขึ้น ลูกค้าคนดังกล่าวจึงโทรกลับมาต่อว่าทางร้าน ว่าหลังจากทานลาบทอดไปนั้น ทำให้เส้นเสียงอักเสบมีอาการแสบร้อน ซึ่งทางร้านก็ยินดีรับผิดชอบ โดยขอเอกสารยืนยันอาการจากทางแพทย์ แล้วจะให้ประกันของทางร้านดำเนินการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ แต่ลูกค้ารายดังกล่าวก็ไม่ได้มีเอกสารมาแสดงให้กับทางร้าน แล้วก็หายไปเป็นเวลา 2 ปี จึงกลับมาฟ้องจนเป็นข่าวล่าสุดนี้

ส่วนตัวแนนซี่นั้น เธอเคยทานลาบทอดที่ร้านนี้แล้วหลายครั้ง ก็ยืนยันว่าความเผ็ดยังอยู่ในระดับห่างไกลจากอาหารไทยทั่วไปมากนัก

คดีนี้มีกำหนดนัดพิจารณาในชั้นศาลเดือนธันวาคมนี้ คอยติดตามความคืบหน้ากันต่อไป

ที่มา : nypost