เดวิด กรัสช์ (David Grusch) อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้นำโครงการวิเคราะห์ “ปรากฎการณ์แปลกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้” หรือ unexplained anomalous phenomena (UAP) ซึ่งขึ้นตรงกับกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ มาจนถึงปี 2023
เมื่อวานนี้ 26 กรกฎาคม เดวิด กรัสช์ ได้ขึ้นแถลงต่อคณะกรรมมาธิการควบคุมและตรวจสอบประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีการค้นพบสิ่งมีชีวิต “ที่ไม่ใช่มนุษย์” จริง
สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมิถุนายน กรัสช์ได้ให้สัมภาษณ์ออกอากาศกับทางรายการ Debrief และ NewsNation เขากล่าวว่ารัฐบาลซ่อนหลักฐานเกี่ยวกับยานของมนุษย์ต่างดาวจากการรับรู้ของสภาคองเกรส บทสัมภาษณ์ของกรัสช์ กลายเป็นการจุดกระแสความสนใจของมวลชน และเป็นที่มาของการที่คณะกรรมมาธิการฯ นำโดยพรรครีพับลิกันดำเนินการไต่สวนในครั้งนี้ ตั้งแต่นั้นมาผู้คนก็เริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้นถึงข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลมี UFO เก็บไว้จริงหรือไม่ และในการไต่สวนเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้ กรัสช์ก็ยังคงยืนยันคำกล่าวอ้างเดิม ภายใต้คำสาบาน
“ในระหว่างที่ผมยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการอยู่นั้น ผมได้รับแจ้งเกี่ยวกับโครงการเก็บกู้และถอดแบบวิศวกรรมของยานอวกาศ ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินต่อเนื่องมาแล้วหลายทศวรรษ แต่ผมไม่สามารถเข้าถึงได้”
การไต่สวนในเรื่องนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากทั่วโลก และก่อให้เกิดการคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าสหรัฐฯ กำลังปกปิดหลักฐานเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวและเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว
ย้อนไปเมื่อปี 2022 กรัสช์ก็เคยยื่นเรื่องร้องเรียนมาแล้วครั้งหนึ่ง ในวันนั้นเขาได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตรวจสอบการทำงานของกองทัพ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีเกี่ยวข้องกับโครงการศึกษามนุษย์ต่างดาวและ UFO แต่กรัสช์ก็ถูกกีดกันไม่ให้เข้าถึงโครงการลับนี้
ในการแถลงเมื่อวันพุธนี้ กรัสช์ยังเผยว่าเขาต้องเผชิญกับการตอบโต้ที่รุนแรงมาก อันเป็นผลมาจากการที่เขาออกมาแฉเรื่องโครงการลับของรัฐบาล
“พวกเขาทำร้ายผมทั้งในด้านอาชีพการงานและชีวิตส่วนตัว”
กรัสช์ยังยืนยันว่าว่า “มีผู้ที่ได้รับอันตรายและได้รับบาดเจ็บ” อันเป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว พอกรัสช์เล่าถึงตรงนี้ คณะกรรมการฯ จึงถามเขากลับไปว่า “แล้วกรัสช์เป็นห่วงชีวิตตัวเองหรือไม่ ?” เขาก็ตอบทันทีว่า “แน่นอน”
“แต่ผมก็หวังว่าสุดท้ายแล้วการกระทำของผมจะนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงบวกและเพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน”
ทิม เบอร์เช็ตต์ (Tim Burchett) สมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกันจากรัฐเทนเนสซี ซึ่งเป็นผู้นำร่วมในการสอบสวนเกี่ยวกับ UFO ก็ได้อ้างว่า เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง รัฐบาลสหรัฐฯ ได้พบเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวที่ “ท้าทายกฎฟิสิกส์ทั้งหมดของเรา” และ UFO ก็มีเทคโนโลยีเหล่านี้ที่ “เปลี่ยนมนุษย์เราให้กลายเป็นก้อนถ่าน”
ในขณะที่เบอร์เช็ตต์ได้เปิดเผยความลับอันน่าตื่นตระหนกที่เราไม่เคยได้รับรู้มาก่อนนั้น เบอร์เช็ตต์ก็สอดแทรกมุกตลกเข้ามาหักล้างอารมณ์ทันที
“เราไม่ได้พามนุษย์ต่างดาวตัวเขียว ๆ หรือยานบินทรงไส้กรอกมาโชว์ในการไต่สวนนี้ด้วยนะครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้พวกคุณครึ่งหนึ่งในนี้ผิดหวัง แต่จากนี้ไปเราก็จะได้พบกับข้อเท็จจริงกัน”
มุกของเบอร์เช็ตต์เรียกเสียงหัวเราะได้ แต่จากนั้นเขาก็กลับมาจริงจังมากขึ้น เมื่อเขากล่าวหาว่า รัฐบาลไม่ให้ความร่วมมือในการสืบสวนเรื่องนี้
“มันยากมากกว่าจะดำเนินมาได้ถึงวันนี้ ในคริสตจักรแบปติสต์กล่าวไว้ว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็มักจะเจอมารมาขวางทางอยู่เสมอ ในงานนี้ก็เจอมารเช่นกัน เป็นมารที่มาในรูปของสมาชิกหน่วยข่าวกรอง และเพตากอน”
กลับมาที่กรัสช์ เขาได้อ้างว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เก็บกู้ร่างของมนุษย์ต่างดาวมาเก็บรักษาไว้ พอเล่าถึงตรงนี้ เขาก็ถูกตั้งคำถามว่า “แล้วทางรัฐบาลเราเจอร่างของมนุษย์ต่างดาวที่ขับยานบินด้วยไหม”
“ตามที่ผมได้กล่าวต่อสาธารณชนไปแล้ว ตอนที่ให้สัมภาษณ์กับ NewsNation ตอนที่เก็บกู้ยานบินต่างดาว เราได้สิ่งมีชีวิตกลับมาด้วย” กรัสช์ตอบ
กรัสช์กล่าวว่า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ “ไม่ใช่มนุษย์ นี่คือคำตอบที่ผมได้รับจากผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง เขาผู้นี้ทำงานอยู่ในโครงการลับนี้และปัจจุบันก็ยังคงอยู่ในโครงการลับนี้”
กรัสช์เล่าต่อว่า รัฐบาลได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับ “สิ่งมีชีวิตต่างดาว” นี้มาตั้งแต่ยุค 30’s แล้ว แต่ก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อมูลที่กรัสช์เผยต่อการไต่สวนนี้ เมื่ออยู่ภายใต้คำสาบานแล้ว กรัสช์ดูจะเผยอะไรน้อยกว่าตอนที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ
ย้อนไปในวันนั้น กรัสช์ยังเคยเล่าว่า “มียานบินต่างดาวลำใหญ่มากขนาดเท่าสนามฟุตบอล” หรืออย่างตอนที่เขาให้สัมภาษณ์กับ ‘Le Parisien’ หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส กรัสช์ก็เล่าว่า “มียานอวกาศต่างดาวรูปทรงคล้ายระฆัง ที่รัฐบาลของอิตาลีในยุค เบนิโต มุสโสลินี เก็บกู้มาได้เมื่อปี 1933 ซึ่งก็อยู่ภายใต้ครอบครองของรัฐบาลสหรัฐฯ”
แต่ในระหว่างไต่สวนเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้ กรัสช์ดูจะไม่เต็มใจที่จะเผยรายละเอียดเหล่านี้ เขาอ้างว่ามีความกังวลเรื่องสวัสดิภาพของเขา แต่กรัสช์บอกกับคณะกรรมการฯ ว่าเขาพร้อมที่จะเล่ารายละเอียดเหล่านี้เป็นการส่วนตัว แต่ท่าทีการสงวนคำพูดคำจาในครั้งนี้ ก็ทำให้ผู้คนเริ่มตั้งข้อสงสัยในตัวเขา
แกร์เร็ต กราฟฟ์ (Garrett Graff) นักข่าวและนักประวัติศาสตร์ที่กำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับการตามล่าหา UFO เป็นคนหนึ่งที่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของ เดวิด กรัสช์ แล้วทวีตความเห็นของเขาว่า
“มันน่าสนใจสำหรับผมมาก ที่เห็นว่า เดฟ กรัสช์ พออยู่ภายใต้คำสาบานระหว่างการไต่สวนเรื่อง UFO แล้วเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องเดิมที่เขาเคยพูดไว้ตอนที่ให้สัมภาษณ์กับ NewsNation แต่ครั้งนี้เขากลับพูดด้วยความระมัดระวังและเลี่ยงประเด็นที่จะเอ่ยถึงเรื่องเหล่านั้น”
หลังเสร็จสิ้นการประชุมไต่สวนแล้ว ทิม เบอร์เช็ตต์ ได้เผยกับ The Guardian ว่า ข้อมูลที่ เดวิด กรัสช์ เผยมาเกี่ยวกับการเก็บกู้ร่างมนุษย์ต่างดาวนั้นฟังดูน่าเชื่อถือ
“ผมไม่อยากให้อะไร ๆ มันฟังดูง่ายเกินจริงไป ยานบินมันจะบินเองได้ยังไง มันก็ต้องมีใครขับอยู่สิ นี่มันเรื่องพื้นฐานธรรมดาเลย” เบอร์เช็ตต์กล่าว
นักข่าวถามเขาต่อว่าเขาได้รับรู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากการประชุมไต่สวนในครั้งนี้หรือไม่ เบอร์เช็ตต์ตอบว่า “ผมเชื่ออยู่แล้วว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง ผมรู้อยู่ก่อนที่จะมาแล้ว ผมไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมมากมายนักหรอก เพราะเรื่องในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมรู้อยู่แล้ว แต่ผมก็ดีใจนะที่เรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกบันทึกไว้”
หลังจากที่กรัสช์กล่าวอ้างในการไต่สวนว่า เพนตากอน หรือ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ นั้นกำลังปกปิดโครงการเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว ซู กอฟ (Sue Gough) โฆษกหญิงของกระทรวงกลาโหม ก็ออกมาแก้ต่างว่า “จากคำกล่าวอ้างของ เดวิด กรัสช์ นั้น ไม่มีข้อมูลใดที่สามารถตรวจสอบได้ ถึงโครงการใด ๆ ของเพนตากอนที่เกี่ยวกับการครอบครองวัตถุต่างดาว หรือ กระบวนการวิศวรรรมย้อนกลับต่อวัตถุต่างดาว ทั้งในอดีตและปัจจุบัน”
แต่ในการประชุมไต่สวนนี้ ก็ยังมีพยานคนอื่นขึ้นให้การด้วย อย่างเช่น เดวิด ฟราเวอร์ (David Fravor) อดีตผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ เขาเล่าว่าเคยเห็นวัตถุประหลาดบนท้องฟ้าขณะที่เขาปฏิบัติภารกิจเมื่อปี 2004 และอีกคนที่ขึ้นให้การก็คือ ไรอัน เกรฟส์ (Ryan Graves) นักบินประจำกองทัพเรือซึ่งปลดเกษียณแล้ว ได้อ้างว่าเขาเห็นยานบินต่างดาวอยู่บนท้องฟ้าบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก “ทุกวันต่อเนื่องกันอย่างน้อยสองปี”
ต่อมา เกรฟส์ได้ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงผลกำไรชื่อ “Americans for Safe Aerospace” และการที่เขามาร่วมปรากฎตัวในการพิจารณาไต่สวนในครั้งนี้ก็เพราะต้องการทำหน้าที่เป็น “ตัวแทนเพื่อแจ้งความกังวลของนักบินพาณิชย์และทหารผ่านศึกมากกว่า 30 คน ที่ต่างก็เจอประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันกับที่เขาเจอ”
นักข่าวได้ถามเกรฟส์ว่า จากที่เหล่านักบินเล่าถึงเรื่องประสบการณ์เจอ UFO กันมานั้น มีความคล้ายคลึงกันบ้างไหม เกรฟส์ตอบว่า UFO ที่เจอกันส่วนมากนั้นจะ “มีรูปทรงเป็นลูกบาศก์สีเทาเข้มหรือสีดำอยู่ภายในวัตถุทรงกลมโปร่งใสอีกที และส่วนปลายยอดสุดของวัตถุทรงลูกบาศก์นั้นจะแตะกับด้านในของวัตถุทรงกลม”
ตั้งแต่กรัสช์ออกมาแฉเรื่องโครงการลับของรัฐบาลสหรัฐฯ นั้น ก็เป็นกระแสสร้างความตื่นเต้นต่อผู้คนในวงกว้าง และสื่อก็ลงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้กันมากมาย ผู้เชี่ยวชาญจึงออกมาเตือนว่าอย่าอ่าน อย่าเชื่อ ข้อมูลเหล่านี้มากจนเกินไป บวกกับข้อเท็จจริงหนึ่งอย่างที่ว่า เดวิด กรัสช์ ผู้ที่ให้ข้อมูลนั้น ก็ไม่ได้เห็นมนุษย์ต่างดาว หรือ UFO ด้วยตนเอง คำกล่าวอ้างของเขาล้วนมาจาก “ข้อมูลที่ได้จากเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองระดับสูง”
ส่วนเรื่องที่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับ UFO นั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด แกร์เร็ต กราฟฟ์ เป็นผู้หนึ่งที่ออกมาเตือนให้ตั้งข้อสังเกต
“เรามีเหตุการณ์ที่คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ย้อนกลับไปในช่วงปี 70’s – 80’s ตอนนั้นก็มีการรวมตัวกันกล่าวหาว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เก็บซ่อนความลับอันน่าทึ่งไว้ ซึ่งเป็นความลับพิเศษสุดอย่างแท้จริง ที่มนุษยชาติควรจะได้รับรู้ แต่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแค่สัปดาห์เดียว แต่ต่อเนื่องหลายเดือน นานนับปี และยาวนานหลายสิบปี โดยที่จากนั้นก็ไม่มีข้อมูลใด ๆ รั่วไหลออกมา ไม่มีแม้แต่เอกสารหรือหลักฐานใด ๆ หลุดออกมาเลย”
“ผมอยากให้มองอีกมุมหนึ่งมากกว่า ถ้ารัฐบาลเราสามารถเก็บเรื่องอื่น ๆ ที่สำคัญจริง ๆ ไว้เป็นความลับได้ขนาดนี้ เรามีเหตุผลตั้งมากมายนะที่จะตั้งข้อสงสัยว่าทำไมรัฐบาลถึงทำเช่นนั้นได้”
ที่มา : theguardian