วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของเทสลา (Tesla) หนึ่งในบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์เพื่อเป็นสินทรัพย์สำรองเผยว่าบริษัทจะกลับมารับบิตคอยในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อได้รับการยืนยันว่านักขุดบิตคอยน์ใช้พลังงานสะอาดอย่างเหมาะสมประมาณ 50% ด้วยแนวโน้มที่ดีในอนาคต
มัสก์เผยประเด็นนี้หลังถูกทวีตวิจารณ์ว่าเป็นบุคคลที่ทรงพลังและมีอิทธิพลมากคนหนึ่งในการควบคุมราคาบิตคอยน์ หรือคิดง่าย ๆ ว่าทำให้ราคาขึ้นแล้วขายทิ้งทำกำไร ซึ่งมัสก์ก็ตอบว่าสิ่งนี้ไม่เป็นความจริงเลย เพราะเทสลาขายบิตคอยน์ไปแค่ 10% เท่านั้นสามารถตรวจสอบได้
เดือนกุมภาพันธ์มัสก์ทวีตว่าเทสลาได้ซื้อบิตคอยน์มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ (44,943 ล้านบาท) เพื่อเป็นสินทรัพย์สำรองเมื่อเดือนมกราคมจนทำให้ราคาบิตคอยน์พุ่ง 17% อีกทั้งบิตคอยน์ได้การยอมรับจากบริษัทและธนาคาร จนราคาค่อย ๆ สูงขึ้นมาเรื่อย ๆ และทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนเมษายนที่ 64,829 เหรียญ (2 ล้านบาท)
วันที่ 12 พ.ค. มัสก์ได้ทวีตว่าจะไม่รับบิตคอยน์ในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาเนื่องจากการขุดและทำธุรกรรมของบิตคอยน์ส่งผลให้มีการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นและกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่องจนถึงระดับ 45,000 เหรียญ (1.4 ล้านบาท) ในวันที่ 17 พ.ค. (ต่อมา 19 พ.ค. จีนได้สั่งห้ามธนาคารและบริษัทชำระเงินให้บริการธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ส่งผลให้บิตคอยน์ดิ่งลงสู่ 34,000 เหรียญ หรือ 1 ล้านบาท)
แม้ว่าการร่วงของบิตคอยน์จะเริ่มต้นจากทวีตของมัสก์ แต่ก็ไม่สามารถโทษเขาได้เสียทีเดียวเพราะตำแหน่งทางการตลาดของเทสลาคือผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ดังนั้นการที่เขาสนับสนุนบิตคอยน์ให้ถลุงถ่านหินทำลายสิ่งแวดล้อมเท่ากับขัดต่อปณิธานของบริษัทที่ตั้งไว้ และไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะปั่นราคาแล้วขายบิตคอยน์แค่ 10% เพื่อเอากำไร ดังนั้นหากนักชุดบิตคอยน์อยากให้ตลาดและราคาบิตคอยน์กลับมารุ่งเรืองก็ควรหันมาช่วยแก้ไขตามข้อเสนอไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมแล้วจะได้รับการยอมรับที่ยั่งยืน
ที่มา : cnet
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส