สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) จะปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) รุ่นใหม่ V2 Mini ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกอย่างเป็นทางการครั้งแรกจำนวน 21 ดวง ในภารกิจ Group 6-1 ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 1:38 p.m. ET (วันอังคาร เวลา 01:38 น. ในประเทศไทย)
ภารกิจ Group 6-1 จะเป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในกลุ่มหรือเชลล์ 6 มีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ตามเป้าหมายที่จะปล่อยดาวเทียม Starlink V2 ด้วยการอนุญาตของ กสทช. สหรัฐฯ ที่จำนวน 7,500 ดวง จากที่ได้ยื่นขออนุญาตเอาไว้ในจำนวน 29,988 ดวงเมื่อปี 2020
ดาวเทียม Starlink V2 จะมีเสาอากาศขนาดใหญ่กว่ารุ่นที่ 1 เพื่อสามารถใช้สื่อสารกับโทรศัพท์บนโลกได้โดยตรง แต่เนื่องจาก Starlink V2 มีขนาดใหญ่ไม่สามารถขนส่งด้วยจรวด Falcon 9 ได้ ซึ่งจำเป็นต้องขนส่งด้วย Starship ที่กำลังพัฒนาและใกล้จะบินทดสอบไปสู่อวกาศในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นสเปซเอ็กซ์จึงได้ลดทอนขนาดดาวเทียม Starlink V2 ลงมาเป็นขนาดที่เล็กลงจึงเรียกว่า Starlink V2 Mini
ดาวเทียม Starlink V2 Mini มีเสาอากาศอาเรย์ที่ทรงพลังมากขึ้นและใช้ความถี่ย่าน E-band สําหรับ backhaul (เชื่อมต่อระหว่างโหนด) ซึ่งจะทําให้ดาวเทียมแต่ละดวงสามารถให้ความจุมากกว่า Starlink v1.0 และ v1.5 ได้ถึง 4 เท่า
นอกจากนี้ ดาวเทียม Starlink V2 Mini จะใช้ Argon Hall thrusters คือเครื่องขับดันดาวเทียมรุ่นแรกที่ใช้อาร์กอนเป็นเชื้อเพลิง มีแรงขับ 2.4 เท่าและแรงกระตุ้นเฉพาะ 1.5 เท่าของ Thruster รุ่นก่อนหน้านี้ที่ใช้คริปทอน
ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1076 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 3 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยได้ผ่านภารกิจ CRS-26 ส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ และปล่อยดาวเทียม OneWeb ชุดที่ 16 จำนวน 40 ดวง
หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณนาที 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1076 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน A Shortfall of Gravitas ที่จอดรออยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด
ที่มา : spacex.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส