สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยภารกิจ Group 6-3 ในการส่งดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) รุ่นใหม่ V2 Mini ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีกจำนวน 22 ดวง ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม เวลา 12:41 a.m. ET (11:41 น. ในประเทศไทย) ภารกิจนี้จะเป็นเที่ยวบินที่ 30 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจครั้งที่ 32 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023
ล่าสุดสเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโครที่ 4,127 ดวง ซึ่งเป็นดาวเทียม Starlink V2 Mini จำนวน 38 ดวง จากภารกิจ Group 6-1 และ 6-2 ดังนั้นเมื่อภารกิจนี้สำเร็จก็จะทำให้สเปซเอ็กซ์มี Starlink V2 Mini อยู่ในวงโคจรเพิ่มขึ้นเป็น 60 ดวง และมีดาวเทียมในวงโคจรทั้งหมด 4,149 ดวง
ภารกิจ Group 6-3 เป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V2 Mini ที่อยู่ในกลุ่มหรือเชลล์ 6 มีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ทั้งนี้ V2 Mini ได้ถูกลดขนาดลงจากรุ่น V2 เพื่อให้รองรับการขนส่งด้วยจรวด Falcon 9 เนื่องจากรุ่น V2 มีขนาดใหญ่จะต้องขนส่งด้วยยานสตาร์ชิปที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้
ดาวเทียม Starlink V2 Mini มีเสาอากาศอาเรย์ที่ทรงพลังมากขึ้นและใช้ความถี่ย่าน E-band สําหรับ backhaul (เชื่อมต่อระหว่างโหนด) ซึ่งจะทําให้ดาวเทียมแต่ละดวงสามารถให้ความจุมากกว่า Starlink v1.0 และ v1.5 ได้ถึง 4 เท่า
ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1076 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 5 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยผ่านภารกิจคือ CRS-26 ส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ, ปล่อยดาวเทียม OneWeb ชุดที่ 16, ภารกิจปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ Group 6-1 และปล่อยดาวเทียมสื่อสาร Intelsat 40e
หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1076 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน A Shortfall of Gravitas ที่จอดรออยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด
ที่มา : spacex.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส