วันพุธที่ 7 เมษายน SpaceX ได้ทำภารกิจ v1.0 L23 ในการปล่อยดาวเทียมบรอดแบนด์ Starlink จำนวน 60 ดวงด้วยจรวด Falcon9 จาก SLC-40 สถานีกองทัพอากาศ Cape Canaveral ในรัฐฟลอริดาเวลา 12:34 p.m. EDT (23:34 น. ประเทศไทย) ไปสู่วงโคจรได้สำเร็จและทำให้ขณะนี้มีดาวเทียมรวมทั้งหมด 1,378 ดวง
ภารกิจนี้ได้ใช้บูสเตอร์อย่างคุ้มค่าด้วย B1058 ซึ่งผ่านเที่ยวบินมาแล้ว 6 ครั้ง ได้แก่ ภารกิจ Demo-2 ในการส่ง 2 นักบินอวกาศสหรัฐฯ ไปยังสถานีอวกาศนานาชาติเมื่อ 30 พ.ค., ภารกิจปล่อยดาวเทียมทางการทหารของเกาหลีใต้ ANASIS-II, ภารกิจปล่อยดาวเทียม Starlink v1.0 L12, ภารกิจ CRS-21 ปล่อยยานอวกาศ Dragon 2 ส่งเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ และภารกิจ Transporter-1 ขนส่งดาวเทียมมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเที่ยวบินเดียวถึง 143 ดวง และภารกิจปล่อยดาวเทียม Starlink v1.0 L20
หลังจากที่บูสเตอร์ B1058 ได้ขึ้นบินครั้งที่ 7 ก็ได้แยกออกจากจรวดท่อนที่ 2 แล้วก็จะบินกลับมาลงจอดได้สำเร็จ รวมทั้งได้นำ Fairing ส่วนที่ใช้สำหรับห่อหุ้มดาวเทียมเพื่อป้องกันผลกระทบจากแรงดันอากาศและความร้อนที่เสียดสีในชั้นบรรยากาศของโลกกลับมาใช้ใหม่เช่นกัน โดยครึ่งหนึ่งของ Fairing ได้ถูกใช้ในภารกิจ AMOS-17 ดาวเทียมสื่อสารของอิสราเอลและใช้กับดาวเทียม Starlink 2 ภารกิจ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของ Fairing ได้ผ่านการใช้งานกับดาวเทียม Starlink 1 ภารกิจ ซึ่งเป็นการนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างคุ้มค่า
Gwynne Shotwell ประธานของ SpaceX เปิดเผยว่าในอีกไม่กี่เดือนหลังจากภารกิจ v1.0 L28 ก็จะมีดาวเทียม Starlink ในวงโคจรมากกว่า 1,600 ดวง ซึ่งจะช่วยให้สามารถเปิดให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่ครอบคลุมได้ทั่วโลก
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส