เหตุไฟป่าที่เมาวี รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม และยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะไฟได้ทำลายพื้นที่ไปมากกว่า 8,700 ไร่ ไฟป่ายังสร้างความเสียหายต่อเมืองประวัติศาสตร์อย่างลาไฮนาอีกด้วย ยอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 114 ราย นับเป็นยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟป่าที่เกิดในสหรัฐฯ สูงที่สุดในรอบ 100 ปี และแน่นอนว่าเหตุไฟป่าครั้งนี้ไม่ได้ทำลายแค่ทรัพย์สินและชีวิตมนุษย์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก ที่หลายตัวต้องเสียชีวิต และอีกมากที่ต้องพลัดพรากจากเจ้าของ มีการประเมินว่าเฉพาะในเขตลาไฮนาและคูลา น่าจะมีสัตว์เลี้ยงประมาณ 3,000 ตัวสูญหายไป
แม้ว่าเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ลาไฮนาที่ยังคงมีไฟลุกท่วม แต่พวกเขาก็ได้ช่วยเหลือสัตว์หลายร้อยตัวที่ระเหเร่รอนอยู่ในทุ่งกว้าง เจ้าหน้าที่ได้จัดหาอาหารและน้ำมาให้กับรรดาสัตว์เหล่านี้ ทีมสัตว์แพทย์ได้ช่วยกันตรวจสภาพร่างกายของสัตว์ที่หนีมาจากไฟป่า และรักษาแผลที่ถูกไฟไหม้อย่างรุนแรง
สัตว์เลี้ยงที่บาดเจ็บเหล่านี้ได้รับการดูแลโดยองค์กร Maui Humane Society แต่ทว่าบนเกาะมีศูนย์พักพิงสัตว์แบบเปิดเพียงแค่แห่งเดียวซึ่งก็รับสัตว์เข้ามาเต็มแล้วด้วย ทางองค์กรจึงเรียกร้องทางศูนย์ให้กรุณารับอุปการะสัตว์และลดค่ารับเลี้ยงสัตว์เป็นกรณีพิเศษ ในช่วงเวลาฉุกเฉินเช่นนี้ โดยอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรณรงค์เพื่อการเคลียร์พื้นที่ศูนย์พักพิงแห่งชาติ
เคธี แชนนอน (Katie Shannon) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ Maui Humane Society กล่าวว่า ตอนนี้ศูนย์พักพิงต้องการใช้พื้นที่ที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อต้อนรับสัตว์ที่พลัดพรากจากเจ้าของในช่วงที่เกิดเหตุไฟป่านี้
“เรารู้กันดีว่ามีสัตว์ที่เคยอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุไฟป่าต่างต้องการความช่วยเหลือ เรากำลังให้ความสำคัญอย่างที่สุดในการช่วยชีวิตสัตว์เหล่านี้ให้ได้กลับมาอยู่กับเจ้าของอีกครั้ง”
ในการนี้ยังมีอีก 2 องค์กรไม่แสวงผลกำไร ‘Greater Good Charities’ และ ‘Lucky Dog Animal Rescue’ แล้วยังได้รับการสนับสนุนจาก สายการบิน เซาธ์เวสต์ แอร์ไลน์ ได้ช่วยกันพาหมา 33 ตัว และแมว 103 ตัว บินจากเกาะเมาวีไปยังพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ด้วยเที่ยวบินฉุกเฉิน
เครื่องบินเที่ยวพิเศษนี้ บินมายังเมาวีในวันที่ 17 สิงหาคม พร้อมกับข้าวของที่ได้รับบริจาคมากมายทั้ง เสื้อผ้า ผ้าห่ม ไฟฉาย ถุงเท้า ชุดสุขอนามัย และอาหารสัตว์ และบินออกจากเมาวีไปยังโอเรกอนในวันที่ 18 สิงหาคม หมาและแมวทั้ง 136 ตัว รวมกันอยู่ในเคบิน มีเจ้าหน้าที่และสัตวแพทย์อาสาสมัครจาก Greater Good Charities คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าน้อง ๆ สบายดีตลอดการเดินทาง
ลิซ เบเคอร์ (Liz Baker) ซีอีโอของ Greater Good Charities กล่าวว่าหมาและแมวเหล่านี้จะถูกจัดเตรียมความพร้อมให้ผู้ใจบุญมารับอุปการะเร็ว ๆ นี้ ผ่านทาง Oregon Humane Society
“Oregon Humane Society และศูนย์พักพิงอื่น ๆ จะได้รับสัตว์เหล่านี้ไป พวกน้อง ๆ จะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกน้อง ๆ จะได้ไปอยู่ในบ้านที่อบอุ่นอย่างรวดเร็ว”
และเที่ยวบินเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมนี้ จะไม่ใช่เที่ยวบินสุดท้ายในการช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงและผู้คนในเมาวี ตามที่เบเคอร์กล่าว
“ผู้คนในฮาวายน่าทึ่งมาก และฟื้นตัวกันได้เร็วมาก พวกเขารักสัตว์เลี้ยงของพวกเขามาก แต่พวกเขาก็ยังต้องการความช่วยเหลือในระยะยาวทั้งตัวเจ้าของเองและสัตว์เลี้ยง”
การได้เห็นเจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้เจอกัน ก็เป็นกำลังใจที่ดีให้กับทีมงาน ตัวอย่างเช่น พลเมืองดีรายหนึ่งพบหมาพันธุ์ผสมตัวหนึ่งชื่อ “โรมัน” ถูกพามาเข้าศูนย์พักพิงในสภาพหวาดกลัวและขาดน้ำ หนวดนี่ไหม้เกรียม มีแผลพุพองทั่วหลัง ผิวหนังที่อุ้งเท้าลอกเพราะความร้อนจากเปลวเพลิงบนพื้นดิน ทีมสัตว์แพทย์จึงช่วยกันรักษาเจ้าโรมัน และสแกนหาไมโครชิป ทำให้สถานสงเคราะห์สามารถติดต่อเจ้าของได้ และเขาก็รีบมารับมันในวันรุ่งขึ้น และเมื่อได้พูดคุยกับเจ้าของ จึงได้รับรู้เรื่องราวที่ชวนสะเทือนใจของเจ้าโรมัน
“ขณะไฟป่ากำลังลุกลามมายังบ้านของโรมันและเจ้าของซึ่งอยู่ในพื้นที่ลาไฮนา เจ้าของกำลังนั่งลูบโรมันอยู่เพื่อปลอบมัน แต่เมื่อไฟมาถึงตัว เจ้าของก็กระโดดลงทะเลเพื่อเอาชีวิตรอด แต่โรมันไม่กระโดดตามเพราะกลัวน้ำ มันวิ่งหนีหายไปเป็นเวลา 2 วัน ตอนนี้โรมันได้รับการรักษาตัวแล้ว เรารู้สึกขอบคุณเรื่องราวดี ๆ เช่นนี้ นี่คือส่วนหนึ่งของความหวังอันริบหรี่ท่ามกลางเหตุภัยพิบัติเช่นนี้”
แชนนอนคาดว่าเมื่อไฟป่าในลาไฮนาดับลง และทีมงานสามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ เมื่อนั้นจะพบสัตว์เลี้ยงบาดเจ็บและหลงจากเจ้าของจำนวนมาก
“เรารู้ว่ายังมีสัตว์รอดชีวิต มีรายงานว่า มีผู้พบเห็นแมวหลายตัวรวมกลุ่มกันอยู่ บางตัวก็มีปลอกคอ มีรายงานว่าพบหมาซ่อนตัวอยู่ในป่า บางตัวก็มีแผลไฟไหม้รุนแรง ดังนั้นเราจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้ เราจะทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่น องค์กรระดับชาติ เพื่อให้แน่ใจว่าเราดำเนินการไปตามระเบียบการที่สมควร”
การได้รับเงินบริจาคนับเป็นความช่วยเหลือต่อ Maui Humane Society อย่างมาก ‘เพราะงานนี้ยังมีหนทางอีกยาวไกลนัก’ แชนนอนกล่าว
ชาวบ้านที่ไม่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า ต่างก็ยินดีเปิดประตูต้อนรับผู้ที่สูญเสียบ้าน บางบ้านก็รับสัตว์เลี้ยงไปดูแลบ้านละ 5-6 ตัว บางบ้านก็รับคนไปดูแล 10-25 คน รวมอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
“นี่คือจิตวิญญาณของชาวอโลฮา ทุกคนเปิดบ้านเพื่อช่วยเหลือกัน เปิดรับทุกอย่างให้กับคนที่ตกทุกข์ได้ยาก จิตวิญญาณของอโลฮานั้นแข็งแกร่งและงดงาม ยังรวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ มีอาสาสมัครนับร้อยคนเข้ามาช่วยเหลือทุกวัน โดยเฉลี่ยแล้วพวกเขามาช่วยงานกันประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวัน พวกเขาช่วยเหลือเราทุกวิถีทางเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ มันทำให้พวกเราซาบซึ้งน้ำตาไหลกันเมื่อได้เห็นแรงกายแรงใจสนับสนุนจากผู้คนในท้องถิ่นเช่นนี้ และการสนับสนุนจากทั่วประเทศอย่างล้นหลาม”
แชนนอนกล่าวว่าเธอรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากสำหรับโอกาสที่สัตว์เลี้ยงไร้บ้าน 136 ตัวจากเกาะเมาวีจะได้รับ และหวังว่าจะได้บ้านใหม่บนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ
“เราทราบดีว่าขณะนี้ศูนย์พักพิงอื่น ๆ ในสหรัฐฯ ต่างก็เผชิญปัญหาจำนวนหมาแมวที่มากล้นพื้นที่กันอยู่แล้ว ดังนั้นในการที่ Greater Good Charities เข้ามาช่วยจัดการในเรื่องนี้ จึงนับว่าเป็นความพยายามในการช่วยชีวิตสัตว์เหล่านี้จริง ๆ เราซาบซึ้งจริง ๆ “
บรรดาหมาแมวจากศูนย์พักพิง Maui Humane Society บนเกาะเมาวีที่บินไปยังพอร์ตแลนด์ จะได้เข้าไปพักใน Oregon Humane Society และขั้นตอนจากนั้น บรรดาศูนย์อื่น ๆ ที่เป็นพันธมิตรในพื้นที่ Bay Area ของแคลิฟอร์เนียก็จะช่วยกันจัดหาบ้านถาวรให้กับหมาแมวเหล่านี้