ข่าวการประกาศวางมือจากอาชีพนักแสดงของนักแสดงรุ่นใหญ่ ‘บรูซ วิลลิส’ (Bruce Willis) เนื่องจากตรวจพบอาการ ‘Aphasia’ (อะเฟเซีย) หรือ ‘โรคภาวะบกพร่องทางการสื่อความ’ กลายเป็นประเด็นน่าสนใจในเวลานี้
แต่เชื่อหรือไม่ว่า บรูซ วิลลิส ไม่ใช่ดารานักแสดงเพียงคนเดียวที่ต้องเผชิญกับโรคทางสมองนี้ เพราะมีดาราระดับฮอลลีวูดหลายคนที่ก็เคยเผขิญกับโรคนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างก็เช่น ‘เอมิเลีย คลาร์ก’ (Emilia Clarke) นักแสดงหญิงผู้แจ้งเกิดจากบทบาท ‘แดเนริส ทาร์แกเรียน’ (Daenerys Targaryen) ในซีรีส์โด่งดัง ‘เกม ออฟ โธรนส์’ (Game of Thrones) ก็เคยต้องประสบกับโรคนี้ และเธอเองเคยต้องเผชิญการเฉียดตาย จากอาการหลอดเลือดสมองที่ทำให้เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 2 ครั้ง
‘เอมิเลีย คลาร์ก’ (Emilia Clarke) นักแสดงวัย 32 ปี ได้เปิดเผยเรื่องราวอาการป่วยที่ไม่เคยบอกใคร ของเธอผ่านทางบทความที่เธอเขียนลงในเว็บไซต์ของนิตยสาร The New Yorker เมื่อปี 2019 ว่า เธอเคยเผชิญกับอาการโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่เกือบทำให้เธอเสียชีวิตมาแล้ว 2 ครั้ง และต้องเผชิญกับอาการ Aphasia ที่ทำให้สื่อสารลำบาก และมีปัญหาด้านความจำ ขนาดที่เธอจำชื่อตัวเองไม่ได้ แต่เธอก็ยังปกปิดไม่ให้เพื่อนร่วมงาน สื่อ และแฟนคลับของเธอได้รับทราบ มีเพียงทีมงานซีรีส์ไม่กี่คนที่ทราบเรื่องนี้
เธอเล่าว่า ในปี 2011 หลังจากที่เธอเพิ่งถ่ายทำซีรีส์ ‘Game of Thrones’ ซีซันแรกเสร็จไปไม่นาน ตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 24 ปี ในขณะที่เธอกำลังออกกำลังกายอยู่ในโรงยิม อยู่ดี ๆ เธอก็มีอาการมึนงงและปวดหัวอย่างฉับพลัน “เทรนเนอร์ของฉันให้ฉันทำท่าแพลงก์ ตอนนั้นฉันรู้สึกได้ทันทีว่า หัวของฉันเหมือนถูกหนังยางรัด” เธอจึงต้องข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยทันที
ในระหว่างนั้นเธอเล่าว่า เธอพยายามจะท่องบทพูดของแดเนริส ทาร์แกเรียนไปด้วยเพื่อจะสงบสติอารมณ์ “ฉันพยายามจะทำเป็นเฉย ๆ กับความเจ็บปวด แต่ก็ทำไม่ได้ ฉันบอกกับเทรนเนอร์ว่าขอพักสักครู่ ฉันค่อย ๆ เดินกึ่งคลานไปยังลอกเกอร์ พอถึงหน้าห้องน้ำ ฉันก็ทรุดตัวลงคุกเข่า อาการบีบรัดยิ่งแย่ลงไปอีก ฉันพอจะรู้สึกได้ว่าสมองของฉันกำลังเสียหาย”
เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินโดยด่วน แพทย์ตรวจพบว่า เธอมีอาการภาวะเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (Subarachnoid Hemorrhage) อันเกิดจากอาการเส้นเลือดในสมองแตก เนื่องจากภาวะหลอดเลือดโป่งพอง ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงอย่างเฉียบพลัน ซึ่งบางครั้งอาจเกิดขึ้นในระหว่างทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรง ซึ่งถือว่าเป็นอาการป่วยทางสมองที่รุนแรง นำไปสู่อาการ Aphasia ที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านการพูดและการสื่อสาร และหากมีอาการรุนแรง หรือไม่ไดรับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเสี่ยงต่ออาการเสียชีวิตได้
เธออธิบายว่า ตอนที่เธอถูกนำส่งไอซียู เธอจำได้เพียงแค่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ถามเธอว่าสบายดีไหม กับเสียงไซเรนจากรถพยาบาล แต่หลังจากนั้น เธอตกอยู่ในภาวะที่เธอจำกัดความว่าเธอกำลังเผชิญกับ “หมอกแห่งความหมดสติ”
“ฉันถูกวินิจฉัยว่าเป็นเพราะภาวะเลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองที่อันตรายถึงชีวิต ก่อนหน้านี้ ฉันเคยเป็นโรคหลอดเลือดโป่งพอง ตามที่ฉันพอรู้ หนึ่งในสามของผู้ป่วยมักเสียชีวิตทันทีหรือหลังจากนั้นไม่นาน สำหรับผู้ป่วยที่รอดชีวิต จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะมีเลือดออกและเสียชีวิตตามมา”
หลังจากเข้ารับการผ่าตัดที่ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง แม้ว่าการผ่าตัดจะเป็นไปได้ด้วยดี และการผ่าตัดไม่จำเป็นต้องถึงขั้นเปิดกะโหลกศีรษะ แต่การพักฟื้นหลังการผ่าตัดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเธอต้องใช้เวลา 4 วันในการพ้กฟื้นในไอซียู พร้อมกับอาการ “เจ็บปวดเหลือจะทน” ทุกคร้งที่ต้องตื่น
หลังจากนั้น เธอได้เข้ารับการพักฟื้นต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ครึ่ง เพื่อเฝ้าดูอาการต่อไป เธอกล่าวว่า หมอต้องใช้เวลาสองสัปดาห์ในการเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด แต่สิ่งที่เธอต้องเผชิญก็คือ เธอต้องประสบกับอาการ Aphasia เธอเริ่มมีปัญหาทางด้านการสื่อสาร เธอไม่สามารถพูดได้อย่างปกติ แม้แต่ชื่อของเธอเองก็ยังจำไม่ได้
พยาบาลค้นพบว่า เธอเริ่มมีอาการ Aphasia เมื่อพยาบาลถามชื่อเธอ แต่เธอกลับตอบไม่ได้ “ชื่อเต็มของฉันคือ ‘เอมิเลีย ไอโซเบล ยูฟีเมีย โรส คลาร์ก’ (Emilia Isobel Euphemia Rose Clarke) แต่ฉันกลับจำไม่ได้แล้ว ฉันพูดออกมาแต่คำพูดไร้สาระ และฉันก็รู้สึกตื่นตระหนก ฉันไม่เคยรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อน ความรู้สึกถึงหายนะที่กำลังใกล้เข้ามา ฉันมองเห็นอนาคตนะ แต่มันก็ไม่คุ้มที่จะมีชีวิตอยู่ ฉันเป็นนักแสดง จำเป็นต้องจำบท แตตอนนี้แม้แต่ชื่อก็ยังจำไม่ได้”
“ตอนนั้นฉันรู้สึกทุกข์ทรมานจากสภาพที่เรียกกันว่าความพิการทางสมอง ซึ่งเป็นผลจากอาการบาดเจ็บที่ฉันได้รับ ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ฉันต้องการอยากจะชักปลั๊ก และขอให้แพทย์ปล่อยฉันตายไปดีกว่า งานและความฝันทั้งหมดในชีวิตของฉัน ที่ล้วนเกี่ยวข้องกับภาษาและการสื่อสารจะเป็นยังไง ถ้าหากปราศจากสิ่งนั้นแล้ว ฉันก็เหมือนกับหลงทางนั่นแหละ”
หลังจากนั้น เธอต้องกลับเข้าไปรับการรักษาในห้องไอซียูอีกครั้งเพื่อรักษาอาการข้างเคียงนี้อย่างเร่งด่วน หลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ อาการ Aphasia ของเธอก็เริ่มจะหายไป และค่อย ๆ กลับมาพูดได้ตามปกติอีกครั้ง และในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมา เธอก็กลับไปถ่ายทำซีรีส์ Game of Thrones ต่อตามปกติ
ในระหว่างที่ถ่ายทำนั้น แม้เธอจะตรวจพบหลอดเลือดโป่งพองขึ้นอีกเล็กน้อย แม้หมอจะเผยว่า แม้เส้นเลือดที่โป่งพองนี้อาจจะไม่ถึงกับแตก แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้อยู่ เธอจึงยังคงถ่ายทำต่อไปโดยที่ไม่บอกอาการให้ใครรู้ และเธอไม่เคยแสดงความเจ็บปวดเหนื่อยล้าให้ทีมงานเห็นเลย เว้นเสียแต่ว่าเธอจำเป็นต้องใช้มอร์ฟีนบ้างในบางครั้งเพื่อจัดการกับอาการเจ็บปวดระหว่างการถ่ายทำและโปรโมตซีรีส์
เธอได้เล่าถึงช่วงเวลาระหว่างอยู่ในกองถ่ายว่า “มันเป็นอะไรที่เครียดมาก เราต้องอยู่กลางทะเลทราย ในเหมืองหินที่มีความร้อนถึงประมาณ 90 องศาฟาเรนไฮต์ (32-33 องศาเซลเซียส) ฉันกลัวอยู่ตลอดว่าฉันจะมีอาการเลือดออกในสมองอีก ฉันมัวแต่คิดมากกว่า นี่ฉันจะตายกลางกองถ่ายไหมเนี่ย ? เพราะมันคงทำให้วุ่นวายไปกันใหญ่ และด้วยอาการทางสมองไม่ว่าจะแบบไหน มันทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าจนอธิบายไม่ถูก แต่ฉันก็พยายามเก็บอาการเอาไว้”
“ถ้าจะให้ฉันพูดตามตรง ทุก ๆ วินาทีของฉันในทุกวัน ฉันกำลังคิดว่าฉันกำลังจะตาย ต่อให้ฉันโทรหาหมอ หมอก็จะบอกว่า “เฮ้พวก ไม่เป็นไรหรอกน่า” แต่ฉันก็ยังคงกังวล และความกังวลก็ทำให้ฉันตื่นตระหนก และความตื่นตระหนกก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นลมกลางทะเลทราย ทีมงานเลยต้องเอารถติดแอร์มาให้ฉัน ขอโทษโลกด้วยนะ”
ปี 2013 เธอได้เข้ารับการสแกนเพื่อเช็กสมองตามปกติ แต่ข่าวร้ายก็มาเยือน เมื่อแพทย์พบว่า มีเลือดโป่งพองขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ใหญ่กว่าเดิมสองเท่า จนทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน และยิ่งเจ็บปวดทรมานขึ้นไปอีก เพราะว่าทีมแพทย์ต้องผ่าตัดด้วยวิธีการเปิดกะโหลกศีรษะ
หลังผ่าตัด เธอได้มีโอกาสนอนพักฟื้นถึงหนึ่งเดือนเต็ม แม้เธอจะค่อนข้างรู้สึกกลัวว่าสมองและร่างกายจะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ แต่ก็เหมือนกับปาฏิหาริย์ เพราะเธอสามารถกลับมาเป็นปกติ และทำงานในวงการบันเทิงได้เหมือนกับคนที่ไม่เคยเจ็บป่วยเกี่ยวกับสมองมาก่อน และเธอก็ไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้กับสำนักข่าวใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ เธอยังได้ก่อตั้งมูลนิธิ ‘SameYou’ เพื่อหาเงินบริจาคให้กับผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บเกี่ยวกับสมองและโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย
“ตลอดหลายปีที่ฉันเล่นซีรีส์มา ฉันไม่เคยให้ความสำคัญกับสุขภาพของตัวเองมาก่อนเลย เหตุนี้แหละที่ทำให้ทุกคนต่างก็กังวล ฉันไม่อยากพึ่งพาคนอื่น ๆ มากเกินไป ฉันชอบที่จะคิดว่า อย่ามองฉันว่าเป็นคนอ่อนแอ อย่าคิดว่าฉันไม่สามารถทำงานที่ได้รับว่าจ้างให้ทำไม่ได้ โปรดอย่างคิดว่าฉันจะย่ำแย่ตลอดเวลา ฉันได้ตั๋วทองของวิลลี วองกา (Willy Wonka ตัวละครจากนิยายและภาพยนตร์ ‘Charlie and the Chocolate Factory’) มาแล้ว ฉันไม่ยอมคืนมันไปแน่ ๆ “
อ้างอิง | อ้างอิง | อ้างอิง | อ้างอิง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส