9 เมษายน 1990 เป็นวันเกิดของ คริสเตน สจ๊วต (Kristen Stewart) ที่ปีนี้เธอมีอายุครบ 32 ปี ก่อนที่สจ๊วตจะโด่งดังจากหนังชุดแวมไพร์ ‘Twilight’ และพิสูจน์ฝีมือด้วยการได้เข้าชิงออสการ์นักแสดงนำหญิงเป็นครั้งแรกจาก ‘Spencer’ สจ๊วตแจ้งเกิดในวงการหนังด้วยวัยเพียง 12 ปีจากผลงานเขย่าขวัญชื่อดังของเดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) เรื่อง ‘Panic Room’
บทหนังเรื่อง ‘Panic Room’ ถูกเขียนขึ้นโดย เดวิด โคปป์ (David Koepp) ในปี 2000 เล่าเรื่องราวห้องนิรภัยลับที่ซ่อนอยู่ในบ้านหลังหนึ่งของแม่และลูกสาวที่เพิ่งย้ายเข้ามาไม่นาน ทั้งสองต้องหาทางหลบซ่อนตัวเพื่อเอาชีวิตรอดจากโจร 3 คนที่บุกเข้ามาเพื่อปล้นเงิน 3 ล้านในห้องนิรภัย โคปป์ขายบทหนังให้กับ Sony Pictures ไปในราคา 4 ล้านเหรียญ
ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) เป็นผู้กำกับคนแรกที่วางไว้ ก่อนจะผลัดมือมาเป็นเดวิด ฟินเชอร์ ที่สนใจบทหนังเรื่องนี้มาก เขาบอกว่า ‘Panic Room’ คล้ายกับ ‘Rear Window’ ในเวอร์ชันที่ทันสมัยกว่าแบบ ‘Home Alone’ เขายังชอบที่หนังเล่าเรื่องในพื้นที่จำกัดที่เดียวและเกิดขึ้นภายในคืนเดียว นอกจากนั้นยังเป็นหนังที่ทำให้คนดูรู้สึกถูก “ขัง” เช่นเดียวกับตัวละคร
บทเม็ก แม่หม้ายลูกติดซึ่งเป็นบทนำของเรื่องถูกวางไว้ให้กับ นิโคล คิดแมน (Nicole Kidman) ขณะที่บทซาราห์ ลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานวางไว้ให้กับ เฮย์เดน แพนิตเทียร์ (Hayden Panettiere) ส่วนบทโจรทั้งสามคนนั้น ฟอร์เรสต์ วิเทเกอร์ (Forest Whitaker), จาเรด เลโต (Jared Leto) และดไวต์ โยแกม (Dwight Yoakam) ถูกวางตัวไว้ตั้งแต่ต้น เดือนธันวาคม ปี 2000 ก่อนเปิดกล้องถ่ายทำไม่นาน แพนิตเทียร์ขอถอนตัวและได้สจ๊วตมารับบทแทน หนังเริ่มต้นถ่ายทำไปจนถึงเดือนมกราคม ปี 2001 คิดแมนเกิดบาดเจ็บที่หัวเข่าระหว่างถ่ายทำ ส่วนหนึ่งมาจากการถ่ายหนัง ‘Moulin Rogue!’ และไม่สามารถหายได้ในระยะเวลาอันสั้นจนคิดแมนต้องขอถอนตัวทั้งที่ถ่ายทำไปแล้วส่วนหนึ่ง
ฟินเชอร์เดินหน้าถ่ายทำต่อไปเฉพาะในฉากที่ไม่มีบทเม็ก กระทั่งฟินเชอร์รู้สึกถอดใจและพร้อมที่จะพับโปรเจกต์เนื่องจากยังถ่ายทำไปไม่มากนัก แต่สตูดิโอต้องการให้เดินหน้าต่อ เพราะถ้าพับโปรเจกต์จะได้ค่าประกัน 3 ล้านเหรียญ แต่ถ้าพับโปรเจกต์แล้วอยากเริ่มใหม่ สตูดิโอต้องจ่ายเพิ่มถึง 10 ล้านเหรียญ ดังนั้นการหานักแสดงแทนคิดแมนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
นักแสดงหญิงแถวหน้าอย่าง แซนดรา บูลล็อก, แองเจลินา โจลี และโรบิน ไรต์ ต่างเคยถูกทาบทามให้มารับบทนำแทนคิดแมน กระทั่งมาถึงโจดี ฟอสเตอร์ (Jodie Foster) ที่เดิมทีติดการกำกับหนังเรื่อง ‘Flora Plum’ ที่รัสเซลล์ โครว์ เกิดบาดเจ็บและถอนตัวจากโปรเจกต์ ทำให้โปรเจกต์ถูกพับไป ฟอสเตอร์จึงมีเวลามารับบทเม็ก โดยเธอต้องถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการเทศกาลหนังเมืองคานส์ในปี 2001 ฟอสเตอร์มีเวลาเตรียมตัวเพียง 1 สัปดาห์ก่อนเริ่มถ่ายทำ ทั้งนี้มีรายงานว่าเธอได้รับค่าตัวไปสูงถึง 12 ล้านเหรียญ
หลังจากที่ฟอสเตอร์เข้ามาแทนที่และถ่ายทำไป 5 เดือน เธอก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ แต่ฟินเชอร์ตัดสินใจถ่ายทำต่อแบบค่อยเป็นค่อยไป และให้ฟอสเตอร์สวมเสื้อสเวตเตอร์หนา ๆ เพื่ออำพรางหน้าท้อง ขณะที่ฉากแอ็กชันก็ใช้สแตนด์อิน มีการถ่ายทำเพิ่มและถ่ายทำซ้ำแทบจะตลอดทั้งเรื่อง รวมทั้งการแสดงของสจ๊วตที่ถ่ายซ้ำเพื่อให้มั่นใจว่าเข้ากับการแสดงของฟอสเตอร์
ผลจากการเปลี่ยนนักแสดงนำ ถ่ายซ้ำ และฟอสเตอร์ตั้งครรภ์ ทำให้ ‘Panic Room’ เสร็จไม่ทันกำหนดฉายเดิมคือกุมภาพันธ์ 2002 อีกทั้งผู้บริหารยังไม่ชอบฉากเปิดที่ฟอสเตอร์พยายามปกปิดท้องด้วยเสื้อโค้ตและกระเป๋า สตูดิโอจึงสั่งให้ฟอสเตอร์กลับมาถ่ายใหม่ในเดือนมีนาคม 2002 (หลังจากที่เธอคลอดบุตรในเดือนกันยายน 2001) เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการถ่ายทำฉากอื่น ๆ อีกหลายฉากจนหนังเสร็จสิ้นในเดือนพฤศจิกายน 2002
เมื่อ Columbia Pictures นำไปฉายในรอบทดลอง ผลปรากฎว่าได้รับคำวิจารณ์ที่แย่มาก โดยเฉพาะกับฉากจบที่มีหน่วยสวาทบุกเขาไปจับโจร ฟินเชอร์จึงสั่งถ่ายตอนจบใหม่อีกรอบโดยต้องใช้ทุนเพิ่ม 3 ล้านเหรียญในการสร้างฉากใหม่ ทำให้ทุนสร้างทั้งหมดสูงถึง 48 ล้านเหรียญ
โชคดีที่ชื่อของผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ กำลังขึ้นหม้อในตอนนั้น จากผลงานที่ปังต่อเนื่องอย่าง Seven, The Game และ Fight Club เมื่อหนังออกฉายจึงได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งรายได้ที่กวาดเงินไป 197 ล้านเหรียญ และได้รับคำวิจารณ์ที่ดีเป็นส่วนใหญ่ ทั้งการกำกับของฟินเชอร์และการแสดงของฟอสเตอร์ รวมไปถึงการแจ้งเกิดนักแสดงสาวน้อยชื่อ คริสเตน สจ๊วต โดยเธอได้เข้าชิงรางวัล Young Artist Awards ในปีนั้นด้วย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส