แฟรนไชส์ ‘Fast and Furious’ กำลังเดินทางมาถึง 2 ภาคสุดท้าย นั่นคือภาคที่ 10 และ 11 โดยภาคที่ 10 นั้นใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘Fast X’ และกำลังกลับมาทำเนินงานสร้างต่อได้อีกครั้งหลังจากผู้กำกับ จัสติน ลิน (Justin Lin) ถอนดัวอย่างกะทันหัน และได้ หลุยส์ เลเทอร์เรียร์ (Louis Leterrier) จาก ‘The Incredible Hulk’ (2008) มานั่งตำแหน่งผู้กำกับแทน
ล่าสุดจากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ได้มีรายงานว่าทุนสร้างของ ‘Fast X’ นั้น เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 300 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 10,400 ล้านบาท โดยที่ยังไม่รวมค่าโปรโมตภาพยนตร์
นั่นแสดงให้เห็นว่าภาพยนตร์แต่ละภาคในแฟรนไชส์นี้ ใช้ทุนสร้างเพิ่มสูงขึ้นทุกที ตั้งแต่ ‘Fast Five’ (2011) ที่ใช้ทุนสร้าง 125 ล้านเหรียญ, จนกระทั่ง ‘The Fate of the Furious’ (2017) เป็นต้นไปที่ใช้ทุนสร้างสูงกว่า 200 ล้านเหรียญทั้งสิ้น จากเดิมที่ ‘The Fast and the Furious’ ซึ่งเป็นภาคแรกของแฟรนไชส์เมื่อปี 2001 ที่ใช้ทุนสร้างเพียง 38 ล้านเหรียญ
ด้วยความที่แนวทางของแฟรนไชส์ได้ถูกปรับให้สูงขึ้นจนคล้ายกับภาพยนตร์แอ็กชันซูเปอร์ฮีโรไปแล้ว ทำให้สามารถเรียกความสนใจจากแฟน ๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ‘Furious 7’ และ ‘The Fate of the Furious’ ที่ทำรายได้ทั่วโลกได้มากกว่าหลัก 1,000 ล้านเหรียญ ส่วน ‘F9: The Fast Saga’ นั้น ทำไปรายได้ทั่วโลกไป 726 ล้านเหรียญ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19
การที่ทุนสร้างของ ‘Fast X’ สูงถึงหลัก 300 ล้านเหียญนั้น อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแฟรนไชส์กำลังมาถึงจุดสูงสุดด้านการเงิน กอปรกับปัญหาเบื้องหลังงานสร้างที่เกิดขึ้ันมากมาย ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าผู้สร้างจะมีกำลังผลักดันแฟรนไชส์นี้ไปได้อีกมากเท่าไร
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส