เว็บไซต์ Variety ได้รายงานว่า ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ ยังคงครองอันดับที่ 1 บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยเก็บเพิ่มไปอีก 31.6 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท
นั่นส่งผลทำให้รายได้รวมในสหรัฐฯ มาอยู่ที่ 342 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 11,700 ล้านบาท ตามหลัง ‘The Batman’ ที่ทำรายได้ไว้ 369.3 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 12,700 ล้านบาท
สำหรับรายได้ทั่วโลกนั้นทำไปอีก 461 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 15,800 ล้านบาท ส่งผลทำให้รายได้รวมทั่วโลกของ ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ นั้นอยู่ที่ 803.2 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 27,600 ล้านบาท ทำให้ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในปี 2022 ณ ขณะนี้ แซงหน้า ‘The Batman’ ที่ทำไป 768.5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 26,400 ล้านบาท
‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ เป็นเรื่องราวถัดจาก ‘Spider-Man: No Way Home’ ที่นำพาจักรวาล MCU (Marvel Cinematic Universe) เข้าสู่เส้นเรื่องของ Multiverse อย่างเต็มตัว ที่ Doctor Strange (รับบทโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์) ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูและตัวเขาเองจากอีกเวอร์ชันหนึ่งที่เต็มไปด้วยความพลิกผันและหลุดโลก
นี่เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้กำกับ แซม ไรมี (Sam Raimi) ได้ใส่ลายเซ็นอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาลงไปอย่างเต็มที่ หลังจากที่แฟน ๆ เคยจดจำเขาได้จากผลงานสุดเฮี้ยนอย่าง ‘The Evil Dead’ (1981) ไปจนถึงไตรภาคแรกของ ‘Spider-Man’ ที่นำแสดงโดย โทบีย์ แมไกวร์ (Tobey Maguire)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส