ทีมงาน beartai BUZZ ได้มีโอกาสร่วมวงงานแถลงข่าวเปิดตัวหนัง ‘Jurassic World Dominion’ โดยคู่พระนางของเรื่องอย่าง คริส แพร็ตต์ (Chris Pratt) และ ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด (Bryce Dallas Howard) ได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวความประทับใจระหว่างการถ่ายทำ รวมถึงความรู้สึกที่ได้ปิดฉากไตรภาคนี้ร่วมกับ 3 นักแสดงยุคแรกของแฟรนไชส์อย่าง แซม นีล (Sam Neill) ลอรา เดิร์น (Laura Dern) และ เจฟฟ์ โกลด์บลุม (Jeff Goldblum)
รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมาใน ‘Jurassic World Dominion’
แพร็ตต์: ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ มันเป็นการเดินทางที่น่าเหลือเชื่อ 9 ปี กับหนัง 3 เรื่อง หนังเรื่องนี้เป็นตอนจบที่ยิ่งใหญ่และงดงามของทั้ง ‘Jurassic Park’ และ ‘Jurassic World’ มันน่าตื่นเต้นมาก ๆ บทก็ยอดเยี่ยม โคลิน เทรวอร์โรว์ ก็กลับมากำกับอีกครั้ง ซึ่งหนังอยู่ในมือของคนที่ใช่แล้ว และการที่เราได้ร่วมจอกับนักแสดงในตำนานทั้ง 3 คน ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ดัลลัส ฮาวเวิร์ด: ฉันก็รู้สึกแบบคริสเหมือนกัน ฉันคิดว่าตอนที่พวกเราถ่ายทำหนังเรื่องนี้ในช่วงกุมภาพันธ์และปิดกองในช่วงมีนาคม มันค่อนข้างไวมากสำหรับการถ่ายทำ มีช่วงเวลาหนึ่งที่เราไม่รู้ว่าจะสามารถสร้างหนังเรื่องนี้ได้หรือไม่? แต่ในที่สุดเราก็กลับมา และเราเป็นเรื่องแรก ๆ ที่กลับมาถ่ายช่วงการระบาดของโควิด-19 แม้ว่าจะมีเรื่องให้กังวลมากมาย แต่สิ่งที่บดบังมันคือความตื่นเต้นและรู้สึกขอบคุณ ที่เราทุกคนได้กลับมาทำงานอีกครั้ง จริง ๆ หนังถูกวางไว้ว่าจะฉายตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เราตัดสินใจเลื่อนมาปีนี้ เพราะตอนที่หนังเข้าฉายจะเป็นเดือนมิถุนายน ช่วงที่โรงหนังต่าง ๆ เปิดกันแล้ว และพวกเราก็ฉีดวัคซีนกัน 3 เข็มหรือเข็ม 4 แล้ว แถมเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้กลับมาสนุกสนานกับหนัง หลังจากต้องเจอกับสถานการณ์โควิด-19 เกือบ 2 ปี เพราะฉะนั้นการเปิดตัวหนังในตอนนี้เป็นความรู้สึกที่น่าทึ่งมากจริงๆ
การต้องมารับบทเป็น ‘พ่อ–แม่’ ต้องเตรียมตัวกันอย่างไรบ้าง
แพร็ตต์: ผมคิดว่าการพัฒนาตัวละครเหล่านี้มันกลายเป็นอะไรที่ธรรมชาติอย่างมาก เรื่องที่สำคัญมากสำหรับพวกเราทั้งคู่ก็คือ พวกเราจะพยายามเป็นโอเวนและแคลร์ ในแบบที่ควรจะเป็น พยายามจะไม่ย่ำอยู่กับอะไรเดิม ๆ ตัวละครทั้ง 2 จะไม่เคมีแบบหนังเรื่องแรกเลย ภาคนี้มันเลยกลายเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จะต่างกับความสัมพันธ์ของตัวละครที่ แซม นีล และ ลอร่า เดิร์น แสดงในภาคนี้ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่หรูหราซาบซึ้งและสวยงาม ส่วนตัวละครของเราเป็นพ่อแม่ เรามีเหตุผลมากกว่าแค่ความหลงใหล เรารักซึ่งกันและกัน เราทุ่มเทเพื่อความเป็นหนึ่งเดียว และทั้งหมดก็เพื่อพัฒนาเด็กน้อยคนหนึ่งให้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ดังนั้นมันจึงเหมือนการเดิมผันผ่านเรื่องราวต่าง ๆ
ดัลลัส ฮาวเวิร์ด: เหมือนกับที่คริสบอก เราไม่อยากตอกย้ำอะไรซ้ำ ๆ คริสกับฉันคุยกันเรื่องลูกตลอดเวลา แล้วก่อนหน้านี้พวกเราก็คุยกันว่า เราทั้งคู่จะเป็นพ่อแม่ที่ดีได้ไหม? เหมือนกับว่าการเลี้ยงลูกเป็นสิ่งที่เราทั้งคู่ต่างหลงใหลมาก ซึ่งสำหรับโอเวนและแคลร์ รวมถึงฉันและคริสด้วย การทำงานเป็นทีมจำเป็นอย่างมากสำหรับการเป็นพ่อแม่ ในตอนนี้พวกเขาได้เป็นพ่อแม่คนแล้ว ฉันรักคำนั้นมาก ๆ อย่างแคลร์เมื่อก่อนเธอจะมีความเห็นแก่ตัว และเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก แต่พอเป็นแม่คนเธอก็เปลี่ยนไป ประสบการณ์มันเหมือนกระจกสะท้อนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้โอเวนและแคลร์ก็เข้าใจตรงกันแล้ว
แม้ภาคนี้จะเป็นบทสรุปของไตรภาค แต่คุณคิดว่าตัวละครเหล่านี้อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อ
ดัลลัส ฮาวเวิร์ด: สำหรับฉันเมื่อมองดูสคริปต์และพยายามวิเคราะห์ว่าแคลร์จะเป็นคนแบบไหน สำหรับเธอในตอนต้นของหนัง เธอมีทุกอย่างที่เธอต้องการ เธอมีคนรักและเธอมีลูกสาว แต่โลกกลับตาลปัตร เธอรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบกับสิ่งนั้น ถึงแม้ว่าปัญหามันจะใหญ่กว่าเธอมาก ๆ แต่เธอก็ไม่สามารถถอยจากสิ่งนั้นได้ จนสุดท้ายต้องเข้าไปอยู่ในป่า ฉันคิดว่ามันขัดแย้งกับความต้องการจริง ๆ ของเธอ แต่มันคือความจริงที่ว่าเธอต้องการจะเห็นครอบครัวปลอดภัยนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ ฉันหวังว่าเราจะได้เห็นครอบครัวของเธอเติบโตขึ้นมาด้วยกัน นั่นแหละคืออนาคตของพวกเขา
แพร็ตต์: พระเจ้า ผมไม่รู้เลย ผมหมายถึงว่ามันยากที่จะคาดเดา คุณรู้ไหม มันซับซ้อนจริง ๆ นะ มีหลายคนเคยพูดว่าอยากเห็นหนัง ‘Jurassic World’ ไปแจมกับ ‘Fast & Furious’ แต่ผมอยากให้เรื่องนี้ไปแจมกับ ‘Pitch Perfect’ มากกว่า มันคงเป็นอะไรที่ตลกน่าดู เอาจริงผมไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะเป็นยังไง แต่ถ้าวันหนึ่งมีสคริปต์ที่ดีเกิดขึ้นมาผมก็พร้อมจะอ่านมัน แต่ ณ ตอนนี้ผมยังไม่อยากจินตนาการถึงมันมาก แต่ผมก็คิดว่าหนังคงไม่จำเป็นต้องมีโอเวนแล้วแหละ
ดัลลัส ฮาวเวิร์ด: เพราะเขามีชีวิตที่สมบูรณ์ดีแล้วไง!
แพร็ตต์: ตามที่เธอบอกเลย เราก็เหมือนกับคู่แต่งงานทั่วไปแหละครับ เมียผมถูกเสมอ มีเมียดี ก็ชีวิตดีครับ (หัวเราะ)
ความทรงจำในวัยเด็กที่พวกคุณมีต่อ ‘Jurassic Park’ ภาคแรก
ดัลลัส ฮาวเวิร์ด: ตอนที่ฉันดู ‘Jurassic Park’ ครั้งแรกฉันอายุ 12 ปี ส่วนคริสก็อายุ 13 ปี ตอนนั้นหนังเตรียมจะเข้าฉายในโรงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในตอนแรกฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ไปดูรอบปฐมทัศน์เพราะพ่อแม่ไม่ให้ แต่พอพวกเขากลับมาในคืนนั้น พ่อก็บอกฉันว่า “หนังเรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงโลกของการทำหนังไปตลอดกาล ลูกต้องดูหนังเรื่องนี้นะ” และฉันก็รู้สึกอินกับการดูหนังเรื่องนี้มากจริง ๆ เพราะตอนนั้น ฉันเคยอยู่ในกองถ่ายของพ่อมาหลายเรื่องแล้ว ฉันเป็นเด็กที่สนใจกับนวัตกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้หนังมันดูเป็นธรรมชาติ ฉันจำได้ว่าเมื่อตอนอายุ 5 ขวบ พ่อกำลังกำกับเรื่อง ‘Willow’ และพวกเขาใช้เทคนิค morphing (การเปลี่ยนภาพด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์) เป็นครั้งแรก ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันรู้สึกทึ่งมาก ๆ แล้วพอมาเห็น ‘Jurassic Park’ ฉันก็เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อพูดเลยว่าหนังเรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง มันคือการเปิดโอกาสใหม่ ๆ และฉันคิดว่าประสบการณ์เหล่านี้อยู่กับฉันเสมอและฉันก็โหยหามันมากเมื่อฉันไปที่โรงภาพยนตร์ ‘Jurassic Park’ ได้สร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
รู้สึกอย่างไรบ้าง ที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงยุคบุกเบิกทั้ง 3 คน
ดัลลัส ฮาวเวิร์ด: มันน่าทึ่งมากในหลาย ๆ เรื่องเลย ก่อนที่เราจะถ่าย ‘Jurassic world Dominion’ ลอร่าเพิ่งชนะรางวัลออสการ์มา พวกเขาเหล่านี้เป็นนักแสดงที่ก่อร่างสร้าง ‘Jurassic Park’ ไว้ และตอนที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในแฟรนไชส์นี้ พวกเขาก็ได้มีส่วนร่วมกับหลากหลายโปรเจกต์ ที่สร้างผลกระทบกับวัฒนธรรมเป็นกว้างมาก พวกเขาเป็นกลุ่มคนก็มีความสามารถ แถมยังอบอุ่น อ่อนหวาน จริงใจ เป็นมนุษย์ที่มีความสวยงาม มันเหลือเชื่อมากจริง ๆ ที่ได้ร่วมงานกับพวกเขา และยิ่งไปกว่านั้นเรามีโอกาสได้ทำงานกับตัวละครที่เรารัก
ถ้าเกิดวันสิ้นโลกเหมือนในหนังคุณจะหาใครเป็นที่พึ่ง
ดัลลัส ฮาวเวิร์ด: ผู้ชายข้าง ๆ ฉันนี่เลย ฉันพูดเสมอ ว่าถ้าวันสิ้นโลกเกิดขึ้น ฉันจะไปบ้านแพร็ตต์ “ขอโทษนะที่รัก” แล้วคริสก็จะบอกว่า มาสิ มาเลย
แพร็ตต์: มาสิ มาเลย (หัวเราะ)
ดัลลัส ฮาวเวิร์ด: เขาเป็นเหมือนนักเอาตัวรอด และมันยอดเยี่ยมมากเลยนะที่ได้ร่วมแสดงกับคริส เพราะเขาเข้าใจวิธีที่จะต้องเอาตัวรอดในป่าจริง ๆ
หนังที่คุณชอบมากที่สุด
แพร็ตต์: ในบรรดาหนังทุกเรื่องที่ผมเคยแสดงจนถึงตอนนี้ หนังที่ผมชอบที่สุดคือ ‘Jurassic’ ทั้ง 6 ภาค ผมรู้สึกว่าหนังทั้งสองไตรภาคนี้นี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ แม้ช่องว่างของทั้ง 2 เรื่องนี้จะห่างกันมาก แต่ทั้งคู่ต่างมีความน่าสนใจพอ ๆ กัน แต่ถ้าให้เลือกผมก็คิดว่าหนังภาค 3 ของผมเรื่องนี้แหละที่ผมชอบที่สุด เพราะมันเป็นการร่วมปิดฉากที่สวยงาม ไปพร้อม ๆกับนักแสดงจากภาคดั้งเดิม ซึ่งภาคนี้เราจะได้เห็นว่า 30 ปี ที่ผ่านมา ตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้าง มันเป็นเรื่องราวที่ช่างสวยงามจริง ๆ
ดัลลัส ฮาวเวิร์ด: ฉันชอบในสิ่งที่คริสพูดนะ มันคือเรื่องจริงเลยและฉันคิดว่า สิ่งที่น่าทึ่งมากเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องราว 30 ปี ผ่านการเชื่อมโยงกับหนังทั้ง 2 เรื่องไว้ ฉันเลยคิดว่า ‘Jurassic World Dominion’ มีความหมายที่สุดสำหรับฉัน เราถ่ายทำมันช่วงที่มีโรคระบาดใหญ่ ตอนนั้นเราทุกคนได้อยู่ด้วยกัน เราต่างก็อยากให้มันเกิดขึ้นได้ เพื่อมันจะได้เป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก
ทิ้งท้ายก่อนจากสักเล็กน้อย
ดัลลัส ฮาวเวิร์ด: ฉันตื่นเต้นมากที่ทุกคนจะได้ดูหนังเรื่องนี้ เพราะฉันภูมิใจใน โคลิน เทรวอร์โรว์ ฉันภูมิใจในสิ่งที่เขาทำ ฉันทึ่งกับนักแสดงที่สืบทอดกันมา มีนักแสดงและบทบาทใหม่ ๆ เข้ามา ที่ฉันรอให้ทุกคนตกหลุมรักพวกเขา มันยอดเยี่ยมมากจริง ๆ
ขอขอบคุณ Uip สำหรับการอำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครั้งนี้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส