เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) นักร้องวัย 28 ปี ได้ออกมาเปิดเผยผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่าเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหายากที่ชื่อ แรมเซย์ ฮันต์ (Ramsay Hunt) ซึ่งมีผลทำให้ใบหน้าฝั่งขวาของเขามีอาการอัมพาต และสูญเสียการได้ยิน
“อย่างที่คุณเห็นจากใบหน้าของผม ตอนนี้ผมเป็นโรคที่เรียกว่ากลุ่มอาการ แรมเซย์ ฮันต์ ซึ่งไวรัสจากโรคนี้มันได้โจมตีเส้นประสาทในหูและเส้นประสาทบนใบหน้าของผม และทำให้ใบหน้าของผมเป็นอัมพาต”
จากอาการของโรคดังกล่าวส่งผลให้บีเบอร์ต้องยกเลิกการทัวร์คอนเสิร์ตในสหรัฐฯ และยุโรป ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้าทั้งหมด
เบื้องต้นบีเบอร์และค่ายต้นสังกัดวางแผนจะกลับมาทัวร์อีกครั้งในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า แต่ล่าสุด ดร.นีนา ลู (Nina Lu) ผู้เชี่ยวชาญด้านใบหน้าอัมพาตจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า นักร้องเจ้าของเพลง “Love Yourself” อาจจะต้องใช้เวลามากกว่านั้น หากหวังจะหายเป็นปลิดทิ้งจากอาการนี้ ซึ่ง ดร.ลู เผยว่าค่าเฉลี่ยของคนที่หายจากโรคนี้มีคนประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์
“มีผู้ป่วยบางคนที่สามารถกลับเคลื่อนไหวได้เต็มที่ แต่ก็มีบางคนที่ไม่สามารถ และบางคนถึงขั้นไม่สามารถควบคุมใบหน้าตัวเองได้ ซึ่งระยะเวลาพักฟื้นโรคนี้ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป” ดร.ลูให้สัมภาษณ์
ด้าน ดร.จอช โรเซนเบิร์ก (Josh Rosenberg) ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าที่โรงพยาบาลเมานต์ซีนาย ในนครนิวยอร์ก กล่าวว่าบีเบอร์ควรให้เวลากับตัวเองประมาณ 3-6 เดือน เพื่อพักฟื้นร่างกาย
“เขา (บีเบอร์) ยังอายุน้อย แล้วถูกวินิจฉัยเจอแต่เนิ่น ๆ แถมกำลังรับการรักษาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี แต่เขาควรพักอย่างน้อย 3-6 เดือน และอาจถึงปี มันต้องค่อย ๆ ดูว่าพวกเขาจะสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้มากน้อยเพียงใด”
จากข้อมูลขององค์การโรคหายากแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ระบุว่าทุกปีจะมีเพียง 5 ใน 100,000 คนเท่านั้นที่เป็นโรคแรมเซย์ ฮันต์
แรมเซย์ ฮันต์ นอกจากจะเป็นโรคที่หายากและมีอาการที่แสดงเด่นชัดในเรื่องของการเป็นอัมพาตแล้ว มันยังส่งผลกระทบต่อเส้นเสียงและระบบการฟังอีกด้วย แน่นอนว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออาชีพนักร้องของบีเบอร์
คงต้องติดตามกันต่อไปว่าบีเบอร์จะต้องพักรักษาตัวนานเท่าไหร่? แต่ถ้าเกิดว่าบีเบอร์ต้องพักยาวเหมือนที่หมอทั้ง 2 พูด ก็มีแววว่า ‘พี่จัส’ อาจไม่พร้อมสำหรับการเดินทางมาทัวร์ประเทศไทยในช่วงสิ้นปีนี้
ที่มา dailymail
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรััส