แฟนภาพยนตร์แอ็กชันของป๋า ‘ไมเคิล เบย์’ (Michael Bay) ย่อมต้องคุ้นเคยกับฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อมอย่างแน่นอน เพราะภาพยนตร์ทุกเรื่องของป๋าแก ไม่เว้นแม้แต่ผลงานล่าสุดอย่าง ‘Ambulance’ (2022) ป๋าแกก็ยังคงยึดแนวทางการสร้างฉากระเบิดสุดอลังการด้วยการสร้างฉากระเบิดของจริงแบบไม่อิงซีจี ไม่ง้อกรีนสกรีนใด ๆ จนทำให้มีการเรียกฉากวินาศสไตล์ป๋าไมเคิล เบย์ว่า ‘เบย์เฮ็ม’ (Bayhem)
ในนิตยสาร Empire ฉบับล่าสุด ป๋าเบย์เองก็ได้เล่าถึงความเป็นเบย์เฮ็มนี้ด้วยว่า การที่จะทำฉากระเบิดให้ออกมาสมจริง ขึ้นกล้อง และน่าตื่นเต้นนั้น มี ‘สูตรลับ’ อยู่เหมือนกัน ซึ่งเขาอธิบายว่า “ของแบบนี้มันต้องมีสูตรลับอ่ะครับ ผมเห็นผู้กำกับบางคนทำบ้าง แต่มันออกมาก๊องแก๊งมาก หรือไม่ก็ไม่รู้สึกถึง Shockwave (คลื่นกระแทก) เอาซะเลย การระเบิดมันมีวิธีการคือ ต้องเอาสิ่งต่าง ๆ มาผสมกัน และใช้ระเบิดที่มีความแตกต่างกัน เพื่อให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งมันเหมือนกับการทำซีซาร์สลัดยังไงยังงั้นเลยครับ”
ซึ่งเบย์เองก็ได้ยกตัวอย่างฉากระเบิดที่เขาภูมิใจมากที่สุด และสมควรที่จะได้การการันตีว่าเป็นฉากระเบิดที่ยอดเยี่ยมที่สุด ซึ่งนั่นก็คือฉากสู้รบในภาพยนตร์สงคราม ‘Pearl Harbor’ (2001) นั่นเอง เขาเล่าว่า ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้อย่าง ‘เจอรี บรักไฮเมอร์’ (Jerry Bruckheimer) ได้ฉายส่วนหนึ่งของฉากโจมตีในหนัง Pearl Harbor ให้ผู้กำกับรุ่นเก๋าอย่าง ‘ริดลีย์ สก็อตต์’ (Ridley Scott ผู้กำกับ ‘Alien’ (1979)) ได้ชมเป็นขวัญตา
ซึ่งเบย์ได้กล่าวอ้างถึงคำที่สก็อตต์อุทานด้วยความอึ้งกิมกี่ว่า “เชี่ยแม่-!” หลังจากชมฉากนั้น ก่อนที่เบย์จะเสริมว่า “ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉากนั้นมันยากแค่ไหน เราทุ่มทุนจัดเต็มกันสุด ๆ ใช้เรือของจริง ใช้เครื่องบินจริง ๆ 20 ลำ แล้วก็มีช็อตระเบิดอีกกว่า 350 จุด ใช้เวลาเตรียมงานบนเรือ 7 ลำนานตั้ง 3 เดือน ต้องปิดจราจรบนทางด่วนที่อยู่ห่างออกไปราว 3 ไมล์”
ฉากที่เบย์พูดถึงคือ ฉากสมรภูมิซึ่งเป็นฉากที่ญี่ปุ่นกำลังบุกถล่มอ่าวเพิร์ล ฮาเบอร์ ซึ่งเป็นซีเควนซ์ความยาว 40 นาที ด้วยความที่เบย์เองก็ขึ้นชื่อเรื่องของการสร้างฉากระเบิดจริงโดยไม่ใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์มากเกินความจำเป็น ทำให้การถ่ายทำในวันนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ๆ เขาเคยเผยความอันตรายของเบื้องหลังการถ่ายทำฉากนี้ไว้ว่า
“มีระเบิดไดนาไมต์อยู่ทุกที่ ถูกยึดไว้บนเรือหลายลำ เรายังมีเครื่องบินอีก 17 ลำบนอากาศ และมีกล้อง 12 ตัว และมีเฮลิคอปเตอร์ด้วย ผมคิดว่าน่าจะโผล่มาบนฟิล์มประมาณ 30 วินาทีได้มั้ง แต่มันเต็มไปด้วยการระเบิดขนาดมหึมา ขนนกเล็ก ๆ ติดไฟลอยปลิวขึ้นไปในอากาศหลายร้อยฟุตไปตกลงที่เกาะเล็ก ๆ และตามข้างทาง มันก็เลยเกิดประกายไฟ เราเลยต้องไล่ตามไปดับ ถือว่าเป็นงานที่ใหญ่มาก”
แต่แม้ว่าฉากระเบิดในสงครามฉากนั้นของเบย์จะยิ่งใหญ่ทุ่มทุนสร้างแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าของสถิติการใช้ระระเบิดในภาพยนตร์ที่มากที่สุดในโลกของกินเนสส์ เวิลด์ เรกคอร์ด (Guinness World Records) กลับตกเป็นของภาพยนตร์สายลับ 007 ‘เจมส์ บอนด์’ (James Bond) เสียอย่างนั้น
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ กินเนสส์ เวิลด์ เร็กคอร์ด ได้บันทึกไว้ว่า เจมส์ บอนด์ เป็นภาพยนตร์ที่ครองตำแหน่งการใช้ระเบิดมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ โดยสามารถสร้างและทำลายสถิติในภาพยนตร์ 2 ภาคล่าสุด
ครั้งแรกคือภาค ‘Spectre’ (2015) บนเว็บไซต์ทางการของ 007 ระบุว่า แค่เฉพาะฉากระเบิดฐานทัพของวายร้าย ‘โบลเฟลด์’ (Blofeld) ที่ตั้งอยู่กลางทะเลทรายของประเทศโมร็อกโกเพียงแค่ฉากเดียว มีการใช้ระเบิด 72 ปอนด์ ดินปืน 33 กิโลกรัม ร่วมกับเชื้อเพลิงมากถึง 2,223 แกลลอน ก่อให้เกิดฉากระเบิดความยาว 7.5 วินาที ที่มีอานุภาพรุนแรงเทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที (TNT) จำนวนมากถึง 68.47 ตัน
และในภาคล่าสุด ‘No Time to Die’ (2021) ก็สามารถทำลายสถิติโลกได้อีก แต่คราวนี้ในฐานะภาพยนตร์ที่ใช้ระเบิดแรงสูง 136.4 กิโลกรัม ซึ่งเป็นจำนวนระเบิดที่มากที่สุดในการถ่ายทำเพียงเทคเดียว
ด้วยความที่ 007 ทั้งสองภาคเอาสถิติระเบิดไปกินเรียบขนาดนี้ เจ้าพ่อภูเขาเผากระท่อม ย่อมรู้สึกเคือง ๆ และเปิดเผยว่า เขาเองรู้สึกรับไม่ได้ แทบไม่อยากจะเชื่อในสถิตินี้ เพราะแม้หนังของเขาจะระเบิดภูเขาเผากระท่อมซะขนาดนั้น แต่กลับไม่มีหนังเรื่องไหนของเขาติดอันดับภาพยนตร์ที่ใช้ระเบิดในภาพยนตร์มากที่สุดเลย ซึ่งเขาได้เปรยเรื่องนี้ว่า
“เจมส์ บอนด์เนี่ยนะที่มีฉากระเบิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เตี่ยเมิงสิ…ของเราต่างหากที่ใหญ่กว่า…”
ที่มา: Empire, IndieWire, Guinness World Record, Whalebonemag
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส