คอหนังคงไม่มีใครเถียงว่า ภาพยนตร์ ‘Forrest Gump’ (1994) ที่ตอนนี้อายุครบ 28 ปี เกือบจะเข้าหลักสามแล้ว แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่คอหนังทั่วโลกต่างหลงรัก ทั้งบทภาพยนตร์ที่ให้ทั้งความสะเทือนใจ ให้สาระข้อคิด และแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตได้อย่างเต็มเปี่ยม ในขณะที่ตัวหนังเองก็ยังมอบความบันเทิงที่ตีคู่กันได้อย่างลงตัว
รวมทั้งองค์ประกอบของตัวภาพยนตร์อีกหลาย ๆ ส่วนที่ประกอบเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะ ‘ทอม แฮงก์ส’ (Tom Hanks) นักแสดงนำหลักของเรื่องผู้รับบท ‘ฟอร์เรสต์ กัมพ์’ (Forrest Gump) อัจฉริยะปัญญานิ่มที่ทุกคนตกหลุมรัก ที่สร้างความประทับใจ จนสามารถคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมต่อได้อีกสมัย หลังจากที่คว้าไปแล้วในบทบาททนายเกย์ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Philadelphia’ (1993)

อีกส่วนหนึ่งที่กลายมาเป็นความประทับใจและถือเป็นองค์ประกอบหลัก ๆ ของหนังเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือฉากที่ ฟอร์เรสต์ กัมพ์ นั่งบนม้านั่งข้างป้ายรถเมล์กลางสวนสาธารณะ ถือเป็นฉากง่าย ๆ ที่กลายมาเป็นฉากสำคัญของเรื่องไม่แพ้กับฉากชีวิต ที่กัมพ์ชายหนุ่มผู้มีปัญหาโรคออทิสติก ได้นั่งเล่าให้คนที่ผ่านมานั่งบนม้านั่งตัวเดียวกันเพื่อรอรถเมล์ (และคนที่ดูหนัง) ได้ฟัง พร้อมกับแบ่งปันช็อกโกแลตจากกล่องของเขา จนกลายมาเป็นวรรคทองสุดคลาสสิกของหนังที่ว่า
“แม่ของผมมักจะพูดเสมอว่า ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช็อกโกแลตนั่นแหละ คุณไม่มีทางจะรู้ได้ว่าคุณจะได้ช็อกโกแลตรสอะไร” (“My mama always said, life was like a box of chocolates. You never know what you’re gonna get.”)
แต่แม้ฉากนี้จะเป็นฉากที่ทรงพลัง แต่ก็เป็นฉากที่เรียบง่ายมาก ๆ เรียบง่ายซะจนแฮงก์สในตอนนั้นก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่า มันจะกลายมาเป็นฉากไอคอนสุดประทับใจฉากหนึ่งของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดได้ขนาดนี้
ล่าสุด ทอม แฮงก์ส นักแสดงฮอลลีวูดขวัญใจชาวประชา วัย 65 ปี ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับฉากนี้ ในส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์กับ ‘ReelBlend Podcast’ พอดแคสต์ของเว็บไซต์ข่าวหนัง CinemaBlend เขาได้เผยว่า เขาเองไม่เคยคิดว่าฉากนี้จะกลายมาเป็นฉากที่มีความสลักสำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้ และไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะเอาฉากพวกนั้นไปใช้ในหนังได้อย่างไร

“ผมจะบอกแบบนี้ ฉากนั้นเราถ่ายบนม้านั่งที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะที่เขตซาวันนาห์ (Savannah) รัฐจอร์เจีย (Georgia) เราแค่ถ่ายฉากเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อหาวิธีการเล่าเรื่องที่น่าจะเอาไปใช้ได้
“ผมบ่นกับบ็อบ (‘โรเบิร์ต เซเม็กคิส’ (Robert Zemeckis ผู้กำกับภาพยนตร์) ว่า ‘นี่มันอะไรกัน ใครมันจะไปสนใจไอ้หมอนี่นั่งอยู่บนม้านั่งกัน แล้วนี่กล่องอะไรเนี่ย ใครมันจะไปรู้ว่านี่มันกล่องอะไรกันแน่’
แต่แม้ว่าเขาจะสงสัยถึงความสำคัญในฉากนี้ แต่เซเม็กคิสก็ยังคงเดินหน้าถ่ายฉากนี้ต่อไป
“แล้วจากนั้นเราก็ถ่ายทำฉากนั้นกัน มีไดอะล็อกอยู่ 13 หน้าที่เราต้องถ่ายให้เสร็จภายในวันครึ่ง ก็เลยต้องเขียนบนคิวการ์ด (กระดานหรือกระดาษบอกบทสำหรับนักแสดง) แต่ทำไปทำมา ผมก็บอกให้เอาคิวการ์ดออกไปเถอะ เพราะว่าผมอินจนจำบทได้แล้ว แต่บ็อบบอกว่า ‘ไม่รู้สิ ทอม มันเหมือนกับระเบิดน่ะ มันคือกับระเบิด คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าคนดูจะได้อะไรจากมันบ้าง!’ และสุดท้ายก็ลงเอยตามนั้นนั่นแหละ”

เขาเองไม่มั่นใจว่าฉากม้านั่งรอรถเมล์จะสำคัญอะไรต่อหนัง ส่วนสตูดิโอเจ้าของหนังอย่าง พาราเมาต์ พิกเจอร์ส (Paramount Pictures) ก็ไม่มั่นใจว่าหนังดราม่าฟีลกู้ดเรื่องนี้จะทำเงินได้มหาศาลด้วยเช่นกัน ผลก็คือ ทางพาราเมาต์ออกทุนสร้างให้เพียงแค่ 55 ล้านเหรียญดอลลาร์ และจ่ายค่าตัวให้กับแฮงก์สอีก 40 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับดาราฮอลลีวูดในสมัยนั้น
แต่สุดท้าย ด้วยความที่ทุนสร้างที่ได้มานั้นไม่เพียงพอในการถ่ายทำ โดยเฉพาะอีกฉากสำคัญคือ ฉากวิ่งมาราธอน ที่ต้องเดินทางถ่ายทำในหลากหลายสถานที่ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ทั้งคู่จึงยอมควักเงินส่วนตัวไปลงในโปรดักชัน และไม่ขอรับเงินค่าตัว แต่ใช้วิธีขอแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายได้ตอนเข้าฉายแทน
หลังฉาย ตัวหนังประสบความสำเร็จทั้งในด้านคำวิจารณ์ และทำรายได้จากการฉายทั่วโลกไปได้อย่างงดงามถึง 678.2 ล้านเหรียญ ทำรายได้เป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่เพียงภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘The Lion King’ (1994) ส่วนแฮงก์สก็ได้ค่าตัวจากส่วนแบ่งรายได้กลับเข้ากระเป๋ามากถึง 65 ล้านเหรียญ แถมตัวหนังยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มากถึง 13 รางวัล และสามารถกวาดมาได้ถึง 6 รางวัล และแน่นอนว่าฉากนี้ก็กลายมาเป็นไอคอนของคนรักหนัง ที่เวลานึกถึง ทอม แฮงก์ส หรือ ฟอร์เรสต์ กัมพ์ ก็น่าจะต้องนึกถึงฉากนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ๆ

ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ (Madame Tussaud’s Wax Museum) ฮอลลีวูด
มีเกร็ดอีกเล็กน้อยที่แฮงกส์ได้พูดถึงเซเม็กคิส และความกังวลในการรับบทเป็นชายผู้มีปัญหาออทิสติก เขาเล่าให้ฟังว่า เขามีความรู้สึกตื่นเต้นกับการรับบท ฟอร์เรสต์ กัมพ์ อย่างมาก ซึ่งแฮงก์สเล่าว่า เซเม็กคิสได้พยายามช่วยให้เขาคลายความกังวล โดยต้องคอยบอกกับเขาว่า ต้องเข้าถึงบทฟอร์เรสต์ กัมพ์ให้ได้ และอย่าประหม่า
แฮงก์สเล่าถึงบทสนทนาของเซเม็กคิสว่า “เราจะไม่ใช่ฟุตที่ถ่ายทำจากสามวันแรกนะ เพราะผมคิดว่าคุณน่าจะยังไม่เข้าใจ ยังไม่เข้าถึงตัวละครนี้มากพอ สิ่งที่คุณต้องทำคือ อย่าพยายามมากเกินไป”
ที่มา : CinemaBlend, IndieWire, Dailymail, Wikipedia
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส