หลังจากที่ อาร์มี แฮมเมอร์ (Armie Hammer) นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังวัย 35 ปี ที่เคยโด่งดังจากภาพยนตร์ ‘The Social Network’ (2010) และ ‘Call Me By Your Name’ (2017) ต้องเผชิญกับขาลงในอาชีพการแสดง หลังเผชิญพิษข้อหาที่เขาถูกกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมทางเพศที่รุนแรง ทั้งการคุกคามร่างกายและจิตใจ ข่มขืน ใช้สารเสพติด และยังมีการปล่อยแชตลับที่เผยให้เห็นรสนิยมทางเพศว่าเขานั้นเป็น ‘มนุษย์กินคน’ (Cannibal) เมื่อต้นปี 2021
ทำให้อนาคตเส้นทางการเป็นนักแสดงในฮอลลีวูดของเขาเรียกได้ว่าดับสนิท เริ่มตั้งแต่ ภรรยาอย่าง อลิซาเบธ แชมเบอร์ส (Elizabeth Chambers) ที่ใช้ชีวิตด้วยกันมานานถึง 13 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คนฟ้องหย่า ซึ่งเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่แฮมเมอร์คบซ้อน และมีพฤติกรรมรุนแรง จนกระทั่งมีการออกมาแฉ ส่งผลกระทบให้เขาโดนถอดจากโปรเจกต์งานแสดงภาพยนตร์และซีรีส์หลายต่อหลายเรื่อง และโดนบริษัทเอเจนซีต้นสังกัดประกาศฉีกสัญญาแบบฟ้าผ่า
จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขากลายมาเป็นที่สนใจในสื่ออีกครั้ง เมื่อเว็บไซต์ Variety ได้รายงานว่า มีผู้พบเห็นแฮมเมอร์ใช้ชีวิตแบบเงียบ ๆ อยู่ที่หมู่เกาะเคย์แมน (Cayman Islands) และทำงานเป็นพนักงานอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง
ซึ่งอีกรายงานหนึ่งของ Vanity Fair ก็รายงานตรงกันว่า แฮมเมอร์อยู่ในระหว่างการพักฟื้น หลังจากที่เขาได้เข้ารับการบำบัดอาการติดยาเสพติดในสถานพักฟื้นขนาดใหญ่ในรัฐฟลอริดาเป็นเวลาถึง 6 เดือน โดยมีนักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังที่เคยมีเรื่องอื้อฉาวอย่าง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) เป็นผู้ให้การสนับสนุนออกเงินค่าใช้จ่ายในการบำบัดครั้งนี้
อาร์มี แฮมเมอร์ กลายมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา มีคนโพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า เขาเห็นอดีตดาราคนนี้กำลังทำงานเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรมใน Morritt’s Resort ในหมู่เกาะเคย์แมน ที่เผยให้เห็นเขากำลังแต่งชุดคล้ายกับยูนิฟอร์มของพนักงานโรงแรม และยังได้โพสต์ใบปลิวของโรงแรมที่มีภาพของเขาปรากฏอยู่ด้วย และยังระบุว่า แฮมเมอร์ทำหน้าที่เป็น ‘พนักงานต้อนรับส่วนตัว’ ให้กับพ่อแม่ของเพื่อนของเจ้าของโพสต์
แต่ต่อมา แอนดรูว์ เบรตต์เลอร์ (Andrew Brettler) ทนายส่วนตัวของแฮมเมอร์ และพนักงานฝ่ายขายของโรงแรมแห่งนี้ ได้ออกมาปฏิเสธข่าวด้วยในทางเดียวกันว่า เขาไม่ได้เป็นพนักงานในโรงแรม และใบปลิวนั้นก็เป็นเพียงของปลอมที่ทำขึ้นมาเล่น ๆ เพื่อแกล้งแฮมเมอร์ ที่เป็นเพื่อนกับพนักงานอีกคนในโรงแรมนี้เพียงเท่านั้น
แต่หลังจากนั้น TMZ ได้เผยแพร่ภาพชุดหนึ่งที่เผยให้เห็นว่า แฮมเมอร์นั้นกำลังทำงานเป็นพนักงานเซลส์แมนขายไทม์แชร์* อยู่บนเกาะเคย์แมน โดยมีรายงานว่า เขากำลังนั่งอยู่ในออฟฟิศ กำลังทำข้อตกลงขายไทม์แชร์ มูลค่า 2,020 เหรียญให้กับลูกค้าที่เป็นคู่รักคู่หนึ่ง และยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า มักมีคนเห็นเขาเดินออกมาข้างนอกออฟฟิศเพื่อพักสูบบุหรี่ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดออกมาคอนเฟิร์ม หรือปฏิเสธว่าแฮมเมอร์ทำงานเป็นเซลส์แมนขายไทม์แชร์จริงหรือไม่
แหล่งข่าวยังได้กล่าวเพิ่มเติมกับ Variety ว่า เขาได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่เกาะเคย์แมน ใกล้ ๆ กับบ้านของ อลิซาเบธ แชมเบอร์ส อดีดภรรยา เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับลูก ๆ ทั้ง 2 ของพวกเขา หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำงานเป็นคนดูแลอะพาร์ตเมนต์ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นพนักงานเซลส์แมนขายไทม์แชร์ในที่สุด และได้เข้ารับการบำบัดยาเสพติด จนกระทั่งเสร็จสิ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2021 ที่ผ่านมา
และแม้ว่าตระกูลดั้งเดิมของแฮมเมอร์เอง จะมีความเกี่ยวข้องในฐานะเป็นหลานชายของ อาร์มันด์ แฮมเมอร์ (Armand Hammer) นักธุรกิจและมหาเศรษฐีเจ้าของอาณาจักรธุรกิจน้ำมัน ที่นิตยสาร Forbes เคยประเมินว่า ก่อนเสียชีวิตในปี 1990 มีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 180 ล้านเหรียญ แต่แฮมเมอร์เองก็ไม่ได้พึ่งพาเงินจากครอบครัวมากนัก ทำให้เขาต้องทำงานเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง ตั้งแต่ตอนที่เขายังมีชื่อเสียงในฮอลลีวูด จนกระทั่งโดนแบนจากวงการ ตามที่แหล่งข่าวใช้คำว่า “ถือว่าเขายากจนโดยสิ้นเชิง และกำลังพยายามหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวของเขา”
แต่เขาก็ใช้ว่าจะสิ้นไร้หนทางเสียทีเดียว เพราะ Vanity Fair ได้รายงานว่า ดาราเบอร์ใหญ่ของฮอลลีวูดในเวลานี้ ผู้เคยมีข่าวอื้อฉาวในอดีตอย่าง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่แฮมเมอร์ ทั้งการช่วยสนับสนุนเงินค่าสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติดที่ฟลอริดา ที่แฮมเมอร์ต้องเข้ารับการบำบัดเป็นเวลา 6 เดือน และดาวนีย์ยังได้ให้เขาและครอบครัวบินมาพักที่บ้านส่วนตัว และพาไปเข้าร่วมกลุ่มนิรนามบำบัดรักษาผู้ป่วยอาการติดสุราอีกด้วย
ซึ่งก็คล้ายกับกรณีของดาวนีย์ก่อนยุค 2000 ที่เขาเองก็เคยมีช่วงชีวิตเหลวแหลก ทั้งสุรา ยาเสพติด อาวุธปืน จนแทบเสียผู้เสียคน เกือบไม่มีอนาคตบนเส้นทางฮอลลีวูด ยังดีที่มีเพื่อนดาราอย่าง เมล กิบสัน (Mel Gibson) ยื่นมือมาช่วยเหลือ และยื่นบทภาพยนตร์ ‘The Singing Detective’ (2003) ที่เขาซื้อลิขสิทธิ์มาเอง ก่อนจะชักชวนเขามาแสดงด้วยกัน แม้ตัวหนังจะไม่ประสบความสำเร็จมากมาย แต่ก็เป็นแรงส่งที่ทำให้ฮอลลีวูดเริ่มยอมรับในตัวเขา ก่อนจะมาเปรี้ยงหนัก ๆ หลังจากรับบทโทนี สตาร์กใน ‘Iron Man’ (2008) ของ Marvel Studios
ต้นปี 2021 อาร์มี แฮมเมอร์ ต้องเผชิญกับกระแสข่าวฉาวร้ายแรง เมื่อหญิงสาวที่อ้างตัวว่าเป็นอดีตคนรักของเขา ได้แถลงข่าวแฉว่า เขาเคยข่มขืนเธอ และยังใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายเธอด้วยการเอาศีรษะโขกกับผนังจนเกิดบาดแผลเป็นเวลายาวนานกว่า 4 ชั่วโมง
ต่อมา เขาต้องเผชิญกับภาพแชตส่วนตัวบนอินสตราแกรมที่ถูกปล่อยออกมาบนโซเชียล แชตเหล่านั้นเป็นแชตที่เขาเคยคุยกับผู้หญิงหลาย ๆ คน โดยมีเนื้อหาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยข้อความที่สื่อถึงรสนิยมทางเพศรุนแรงผิดปกติของเขา รวมทั้งการมีรสนิยมทางเพศแบบ ‘Cannibalism’ หรือรสนิยมทางเพศที่มีแรงกระตุ้นจากความรู้สึกได้กลืนกินมนุษย์ (ซึ่งอาจลงมือจริง ๆ หรือเป็นเพียงจินตนาการแบบแฟนตาซีก็ได้)
โดยเฉพาะข้อความหนึ่งที่เขาพิมพ์ในแชตว่า เขาคือ “มนุษย์กินคน 100%” (“I am a 100% a cannibal.”) ในขณะเดียวกันที่ผู้หญิงหลาย ๆ คนที่เคยมีสัมพันธ์กับเขาก็ออกมาแฉเช่นเดียวกันว่า พวกเธอถูกเขาทารุณกรรมทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทั้งในการคุยแชต และในระหว่างมีสัมพันธ์ไม่ต่างจากนายบังคับทาส เช่น ถือมืดไปด้วยระหว่างข่มขืน และหลายครั้งมักขู่พวกเธอว่าจะฆ่าให้ตายแล้วตัดอวัยวะของพวกเธอมากิน (ผู้เขียนขออนุญาตละรายละเอียดที่มีความรุนแรง ซึ่งสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากแหล่งข่าวอื่น ๆ )
แม้แฮมเมอร์ที่เข้าให้ปากคำกับตำรวจในเวลานั้นจะปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ด้วยเหตุผลที่เขาอ้างว่า สิ่งที่เขาทำเป็นความยินยอม (Consent) ของทั้งสองฝ่ายที่ตกลงกันแล้ว และการปล่อยข่าวนั้นจงใจเพื่อสร้างความเสียหายให้กับเขา แต่ดูเหมือนว่าอนาคตในวงการฮอลลีวูดของเขาจะดับวูบลงอย่างรวดเร็ว
เพราะเขาเองโดนขอให้ถอดจากหลายโปรเจกต์ ตั้งแต่ภาพยนตร์แอ็กชัน ‘Shotgun Wedding’ ที่จะแสดงร่วมกับ เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez) โปรเจกต์ซีรีส์ ‘The Offer’ บนแพลตฟอร์ม Paramount+ และถูก WME บริษัทเอเจนซีต้นสังกัดยักษ์ใหญ่ฉีกสัญญาของเขา ส่วน Publicist ผู้รับหน้าที่ดูแลภาพลักษณ์ให้เขาก็ประกาศถอนตัวด้วยเช่นกัน
รวมทั้งภาคต่อของ ‘Call Me By Your Name’ ที่ผู้กำกับอย่าง ลูกา กัวดานินโญ (Luca Guadagnino) ออกมายืนยันจากปากเองว่าจะมีการสร้างภาค 2 แน่นอน แต่ด้วยตารางงานของเขาเองกับนักแสดงร่วมอย่าง ธิโมที ชาลาเมต์ (Timothée Chalamet) ที่แน่นจนไม่มีแพลนว่าจะเริ่มได้เมื่อไหร่ และแน่นอนว่า พอมีประเด็นข่าวฉาวของแฮมเมอร์ ที่เป็นนักแสดงหลักของเรื่องขึ้นมาอีก ก็ยิ่งทำให้โปรเจกต์นี้อาจต้องพักต่อไปอีกยาว ๆ
ผลงานสุดท้ายของแฮมเมอร์ก่อนที่เขาจะหายไปจากฮอลลีวูดก็คือผลงานภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวน ‘Death on the Nile’ ที่ฉายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเขาเองก็ไม่ได้รับหน้าที่ออกสื่อเพื่อโปรโมตภาพยนตร์แต่อย่างใด ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องท้าย ๆ ที่เขาถ่ายทำก่อนจะมีข่าวฉาว และยังไม่มีโปรเจกต์อื่นใดเพิ่มเติม รวมทั้งยังไม่ทราบว่าอนาคตในฮอลลีวูดของเขาจะมีโอกาสกลับมาได้อีกหรือไม่นับจากนี้
Vanity Fair ยังได้สัมภาษณ์แหล่งข่าวคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนสนิทของแฮมเมอร์และกล่าวถึงเขาถึงกรณีนี้ว่า “ทุกคนต่างก็มองมาที่อาร์มี และคิดว่าเขามีชีวิตที่เต็มไปด้วยสิทธิพิเศษ และนั่นหมายความว่าวัยหนุ่มของเขาต้องไม่มีปัญหาอะไร ชีวิตทุกอย่างดีเลิศ แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นเสมอไป การเติบโตท่ามกลางการเลี้ยงดูที่มีทุกอย่างเพียบพร้อม อาจไม่ได้หมายความว่าชีวิตของคุณจะไม่เจอกับปัญหา”
*ไทม์แชร์ (Timeshare) ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหมายถึง ธุรกิจจัดสรรเวลาการเข้าพักในอสังหาริมทรัพย์เช่น รีสอร์ต บ้านพักตากอากาศ ห้องชุด คอนโดมิเนียม ฯลฯ ให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิกตามโควตาที่กำหนดเวลาเอาไว้ภายในระยะเวลา 1 ปี เช่น ถ้าซื้อโควตาไว้ 1 เดือน ลูกค้าก็จะมีสิทธิเข้าพักกี่ครั้ง ครั้งละกี่วันก็ได้ จนครบ 1 เดือนในปีที่ซื้อไว้ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
ที่มา: Variety, Vanity Fair, TMZ, Daily Mail, Complex, The Hollywood Reporter
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส