ประเด็นเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำในการจ่ายค่าตัวของนักแสดงฮอลลีวูด โดยเฉพาะการจ่ายค่าตัวโดยยึดเอาเพศของนักแสดงมาเป็นเกณฑ์ ทำให้บ่อยครั้ง นักแสดงชายมักจะได้ค่าตัวสูงกว่านักแสดงหญิง ได้กลายมาเป็นประเด็นสาธารณะมากขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าปี 2022 ประเด็นเรื่องการเลือกปฏิบัติทางเพศจะเบาบางลง แต่ดูเหมือนว่าการจ่ายค่าตัวที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ แม้นักแสดงออกมาเปิดเผยถึงการได้รับค่าตัวที่ไม่เท่าเทียมกัน และจะมีการรณรงค์และแสดงออกถึงเรื่องนี้ต่อสาธารณะมากแค่ไหนก็ตาม
ล่าสุด ประเด็นนี้เป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เมื่อนักแสดงหญิงมากฝีมืออย่าง ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด (Bryce Dallas Howard) นักแสดงจากแฟรนไชส์ไดโนเสาร์ ‘จูราสสิก เวิลด์’ (Jurassic World) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์ Insider ว่า ค่าตัวที่เธอได้รับจากกาแสดงในบทบาท ‘แคลร์ เดียริง’ นั้นได้น้อยกว่าที่มีการเปิดเผยกันมาก่อนหน้านี้เสียอีก
ในภาคที่ 2 ของแฟรนไชส์อย่าง ‘Jurassic World 2: Fallen Kingdom’ (2018) สื่อเว็บไซต์ Variety รายงานว่าฮาวเวิร์ดนั้นได้รับค่าตัวจากภาคนี้น้อยกว่าเพื่อนนักแสดงร่วมอย่าง คริส แพร็ตต์ (Chris Pratt) เสียอีก ตามรายงานระบุว่า แพร็ตต์ได้รับค่าตัวประมาณ 10 ล้านเหรียญ ส่วนฮาวเวิร์ดได้รับค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านเหรียญเท่านั้น
เธอเองก็ไม่ใช่นักแสดงไก่กามาจากไหน เพราะเคยแสดงภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์เช่น ‘Terminator Salvation’ (2009) และในภาพยนตร์ ‘The Help’ (2011) ที่ส่งให้เธอได้รับรางวัล ‘Screen Actors Guild Awards’ (SAG Awards) มาครอบครองเป็นการันตีถึงฝีมือ แต่กลายเป็นว่า ชื่อชั้นของเธอก็ไม่ได้ส่งให้เธอได้เปรียบหรือมีอำนาจในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี เมื่อเธอได้เซ็นสัญญารับบทอดีตนักวิทยาศาสตร์ไดโนเสาร์ ในแฟรนไชส์จูราสสิก เวิลด์ทั้ง 3 ภาค
เธอได้เปิดเผยกับ Insider ว่า “รายงานนี้น่าสนใจมากค่ะ เพราะว่าฉันเอง ได้รับค่าจ่างน้อยกว่าที่รายงานนี้บอกไว้มาก น้อยกว่านั้นมาก ๆ ตอนที่ฉันเริ่มเจรจาเพื่อรับบทใน ‘Jurassic World’ เมื่อปี 2014 มันยังเป็นโลกที่แตกต่างกว่าตอนนี้ ฉันเองรู้สึกเสียเปรียบ และก็โชคไม่ค่อยดี ที่เมื่อเซ็นสัญญารับบทในภาพยนตร์ 3 เรื่องไปแล้ว ข้อตกลงทุกอย่างมันก็เป็นไปตามนั้น”
นอกจากนี้ ฮาวเวิร์ดยังได้เปิดเผยเรื่องราวอินไซด์ว่า เธอได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องของช่องว่างการจ่ายค่าตัวระหว่างเพศกับเพื่อนนักแสดงอย่างแพร็ตต์ ซึ่งแพร็ตต์เองก็เข้าใจในประเด็นนี้ และยังกล่าวอีกด้วยว่า แพร็ตต์เองต้องการจะผลักดันให้นักแสดงต้องได้รับค่าตอบแทนอย่างเท่าเทียมกันจากการสร้างรายได้ที่เกิดจากลิขสิทธิ์ของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ ทั้งในรูปแบบวิดีโอเกมสปินออฟ และเครื่องเล่นในสวนสนุก แม้จะไม่ได้มีรายละเอียดระบุในสัญญาก็ตาม
“สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือ ฉันกับคริส เราได้คุยเรื่องนี้กันแล้วค่ะ เราคุยกันว่า เมื่อไรก็ตามที่เรามีโอกาสที่จะขยับเพดานในสิ่งที่ยังไม่ได้ตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ว่าจะเป็นเกม หรือเครื่องเล่นก็ตาม เขาบอกกับฉันแค่เพียงว่า ‘คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวผมคุยเรื่องนี้ให้เอง เราทั้งคู่จะได้รับค่าจ้างเท่า ๆ กัน ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกนะไบรซ์’ “
“การที่เขาทำแบบนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกรักเขามาก ๆ เลยค่ะ จริง ๆ นะ เพราะมันทำให้ฉันได้รับค่าตัวสำหรับสิ่งเหล่านั้น มากกว่าที่ฉันเคยได้รับในภาพยนตร์เรื่องนี้”
ฮาวเวิร์ดและแพร็ตต์ ร่วมงานกันครั้งแรกในภาพยนตร์ไตรภาค Jurassic World ตั้งแต่ ‘Jurassic World’ (2015), ‘Jurassic World 2: Fallen Kingdom’ (2018) และภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ ‘Jurassic World Dominion’ ที่เพิ่งฉายไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แม้จะมีเสียงวิจารณ์ที่ยังไม่ค่อยดีเหมือนกับภาคก่อน ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นหนังที่ทำรายได้ค่อนข้างสูงในช่วงการระบาด สามารถทำรายได้ไป 373 ล้านเหรียญในสหรัฐอเมริกา และทำรายได้ทั่วโลก 974 ล้านเหรียญ ส่วนฮาวเวิร์ด และแพร็ตต์ ก็กลายมาเป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทสนมกันมาก ๆ
ประเด็นเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับค่าตัวของนักแสดงชายและนักแสดงหญิงในฮอลลีวูดถูกพูดถึงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างที่ทราบกันดีว่า ตั้งแต่ในอดีต ค่าตัวของนักแสดงหญิงมักได้น้อยกว่านักแสดงชายมาก ๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ในการแสดงภาพยนตร์หนึ่งเรื่อง และในบทบาทที่ใกล้ ๆ กัน นักแสดงชายอาจได้รับค่าตัวมากกว่านักแสดงหญิง 2-3 เท่า อันเนื่องมาจากมูลค่าทางการตลาดของนักแสดงชาย ที่มักมีมูลค่าสูงกว่านักแสดงหญิง ทั้งการเป็นหน้าหนังที่โปรโมตให้คนเข้ามาชมภาพยนตร์ การอนุมัติงบลงทุนจากสตูดิโอ การทำโฆษณาแฝง (Tie-in) การขายโฆษณา และการขายลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ไปใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการโฆษณาและผลิตสินค้า เป็นต้น
ที่มา: Insider, Variety, Daily Mail,
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส