ในตอนสุดท้ายของ ‘Game of Thrones’ แม่มังกรสติแตก แดเนอริส ทาร์แกเรียน ได้เผา คิงส์แลนดิง จนราบเป็นหน้ากลอง เรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร? เมื่อตระกูล ทาร์แกเรียน ยังคงครองบัลลังก์เหล็ก และควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือ! เรื่องราวที่มาที่ไปต่าง ๆ ทั้งหมดนั้นจะรวมอยู่ในซีรีส์ ‘House of The Dragon’ ที่สร้างสรรค์โดย จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน (George R.R. Martin) เจ้าของบทประพันธ์ เขียนบทโดย ไรอัน คอนดัล (Ryan Condal) และ ซารา เฮสส์ (Sara Hess) โดยมี มิเกล ซาปอชนิก (Miguel Sapochnik) มารับหน้าที่ผู้กำกับเหมือนเดิม โดยจะกล่าวย้อนหลังไปถึงการสืบเชื้อสายและสืบทอดบัลลังก์ของ แดเนอริส และ จอน สโนว์ ที่มี “มังกร” เป็นเสมือนต้นสายบรรพบุรุษของตระกูล ทาร์แกเรียน ที่กล่าวถึงในตอนท้ายของซีรีส์ ‘Game of Thrones’
บรรพชนแห่ง ทาร์แกเรียน ได้ต่อสู้เพื่อปกป้องและปกครองบัลลังก์แห่ง เวสเทอรอส มาช้านาน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปจากนี้ และจะเชื่อมโยงกันอย่างไร สิ่งต่าง ๆ ที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้จะทำให้ดูซีรีส์สนุกขึ้นแน่นอน
โหมโรง
‘House of The Dragon’ จะดำเนินเรื่องราวย้อนกลับไป 172 ปีก่อนการมาจุติของแม่มังกร แดเนอริส ทาร์กาเรียน ในช่วงเวลาแห่งความโกลาหลของมหาสงครามนองเลือดแห่งยุค ‘The Dance of the Dragons’ ที่แก่งแย่งชิงบัลลังก์กันเองของตระกูลทาร์กาเรียน โดยดัดแปลงบทมาจากหนังสือ “Fire &Blood” ที่แยกเนื้อเรื่องมาจากบทประพันธ์หลัก “A Song of Ice and Fire” ของ มาร์ตินเอง
แม้ว่านี่คือการเข้ามาร่วมงานแบบใหม่ถอดด้ามของ คอนดัล และนักแสดงคนอื่น ๆ ในซีรีส์นี้ แต่ก็ยังได้ตัว ซาปอสนิก ผู้กำกับคนเก่าที่ฝากฝีมือไว้ในหลาย ๆ ตอนของซีรีส์ก่อนที่น่าจดจำ เช่นตอน “Hardhome,” “Battle of the Bastards” และ “The Bells” มาร่วมงาน อีกทั้งยังได้ รามิน จาวาดี (Ramin Djawadi) คนแต่งเพลงธีมหลักของซีรีส์ Game of Thrones ตั้งแต่ซีซันแรก กลับมาเป็นคนปั้นสกอร์ประกอบซีรีส์นี้อีกครั้งหนึ่ง
และส่วนของฉากในซีรีส์นี้นั้น คิงส์แลนดิง และ เดอะ เรด คีป แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากที่เราเคยเห็นใน 8 ซีซันก่อน รวมถึงตราสัญลักษณ์ของตระกูลต่าง ๆ ก็ยังคงใช้ของเดิมทั้งสิ้น จะเว้นก็แต่ ‘บัลลังก์เหล็ก’ ที่อาจจะมีดาบอีกมายมายโดนหลอมรวมเข้าไปจนรูปร่างแปลกไปจากเดิมเท่านั้น
เพราะเลือดมังกรมันเข้มข้น ความเป็นคนเลยจืดจาง
เรื่องข้อพิพาทขัดแย้งในการช่วงชิงบัลลังก์เหล็กของตระกูลต่าง ๆ ในซีรีส์ Game of Thrones โดยเฉพาะระหว่างตระกูลสตาร์ค และ แลนนิสเตอร์ ที่พยายามชิงการเถลิงบัลลังก์กัน หลังจากการสวรรคตของราชาทาร์แกเรียนพระองค์สุดท้าย “กษัตริย์บ้า” เอรีส ที่ 2 เป็นแค่เรื่องในเบื้องหลังที่จะปูมาสู่ ‘House of the Dragon’ เนื้อเรื่องหลักจะกล่าวถึงตระกูลทาร์แกเรียน ผู้นั่งบนบัลลังก์เหล็กปกครองดินแดนเวสเทอรอสมายาวนานนับศตวรรษโดยเฉพาะ ก่อนวิบัติมหาสงครามนองเลือดการร่ายรำของเหล่ามังกร (The Dances of the Dragons) จะอุบัติขึ้น
เปิดฉากในตอนแรก เริ่มที่สภาสูงสุดฮาร์เรนฮอลแห่งเวสเทอรอส เหล่าขุนนางต่างถูกเรียกประชุมเพื่อรับรองการคัดเลือก ‘วิเซรีส ทาร์แกเรียน’ : แพดดี คอนซิดีน (Paddy Considine) หลานของกษัตริย์เจแอรีส ทาร์แกเรียน เป็นผู้สืบราชสันตติวงศ์แทนที่จะเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงอย่าง ‘เรนิส ทาร์แกเรียน’ : อีฟ เบสท์ (Eve Best) เพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง!
การตัดสินใจที่ผิดพลาดเป็นการนำไปสู่ข้อพิพาทที่เหนือความคาดหมาย และเกิดเป็นความขัดแย้งที่ส่งผลร้ายอย่างมหันต์ที่จะตามมา ในเวสเทอรอสก็เช่นเดียวกัน มันประกอบไปด้วยเรื่องราวของกษัตริย์วิเซรีสผู้อารีย์ และน้องชายเหลี่ยมจัด ‘เจ้าชายเดมอน ทาร์แกเรียน’ : แมทท์ สมิธ (Matt Smith) ผู้มักใหญ่ใฝ่สูงหมายสืบทอดครองบัลลังก์ต่อจากพี่ชายหากเขาตายลงไป, ‘อ็อตโต ไฮทาวเวอร์’ : รีส อีวันส์ (Rhys Ifans) กับตำแหน่ง ”หัตถ์ราชา” ที่ทรงอิทธิพลที่สุด มือขวาและที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดสนิทพระองค์ที่สุดของกษัตริย์วิเซรีส คู่ปรับตัวฉกาจของ ‘ลอร์ด คอร์ลิส เวแลเรียน’ : สตีฟ ทูซอน (Steve Toussaint) ชายผู้ร่ำรวยมั่งคั่งที่สุดในอาณาจักร และยังเป็นสุดยอดนักเดินเรือประสบการณ์สูงที่สุดของเวเทอรอส คู่สมรสของ เรนีส ทาร์แกเรียน และสืบทอดเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษของอาณาจักรเก่าแก่วาลีเรีย เช่นเดียวกับตระกูลทาร์แกเรียน
ผลสะท้อนต่อกรณีข้อพิพาทจากการแต่งตั้งรัชทายาทที่จะมาสืบราชสันตติวงศ์ก่อนหน้านี้ กลายเป็นว่ามีผู้ที่มีสิทธิ์โดยชอบธรรมอีกคนหนึ่งคือ ‘เจ้าหญิงเรเนียรา ทาร์แกเรียน’ : เอ็มมา ดาร์ซีย์ (Emma D’Arcy) พระราชธิดาพระองค์เดียวของกษัตริย์วิเซริสที่ยังมีชีวิตเหลือรอดอยู่ และก็เป็น ‘แอลิเซนต์ ไฮทาวเวอร์’ : โอลิเวียร์ คุก (Olivia Cooke) บุตรสาวของ “หัตถ์ราชา” อ็อตโตผู้ทรงอำนาจ เพื่อนในวัยเยาว์ของเจ้าหญิงเรเนียราที่เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราวหายนะทั้งหมดที่กำลังจะเกิดขึ้น
‘House of The Dragon’ มีกำหนดฉายพร้อมกันทั่วโลกวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคมนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ทางช่อง HBO GO
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส