The Hollywood Reporter ได้รายงานว่า Warner Bros. Discovery ยังคงมั่นใจในภาพยนตร์ ‘The Flash’ แม้ว่าจะประสบปัญหานักแสดงนำอย่าง เอซรา มิลเลอร์ (Ezra Miller) มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายครั้ง โดยล่าสุด ‘The Flash’ สามารถทำคะแนนในรอบทดลองฉายได้สูงสุดในสตูดิโอ นับตั้งแต่ภาพยนตร์ไตรภาค ‘The Dark Knight’ ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan)
นั่นยิ่งทำให้สตูดิโอมั่นใจว่า ‘The Flash’ มีศักยภาพมากพอจะเป็นภาพยนตร์ฮิตได้ เมื่อพิจารณาจากที่ ‘The Dark Knight’ (2008) และ ‘The Dark Knight Rises’ (2012) ที่ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดีมาก กอรปกับทำรายได้ทั่วโลกที่สูงถึง 1,006 ล้านเหรียญ (ประมาณ 36,400 ล้านบาท) และ 1,080 ล้านเหรียญ (ประมาณ 39,100 ล้านบาท) ตามลำดับ
‘The Flash’ ได้รับการพัฒนามานานหลายปีโดยฝีมือการกำกับของ แอนดี มัสเชียตติ (Andy Muschietti) จาก ‘It’ (2017) และ ‘It Chapter 2’ (2019) ซึ่งนำมิลเลอร์กลับมารับบท แบร์รี อัลเลน (Barry Allen) หรือ The Flash อีกครั้ง โดยเดินเรื่องต่อจาก ‘Justice League’ (2017) และเน้นไปที่มหากาพย์พหุจักรวาลที่ได้ ไมเคิล คีตัน (Michael Keaton) และ เบน แอฟเฟล็ก (Ben Affleck) กลับมารับบท Batman อีกครั้ง รวมถึงเป็นการแนะนำ Supergirl เข้าสู่จักรวาล DCEU (DC Extended Universe) อีกด้วย
‘The Flash’ นั้น เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่สร้างปัญหาให้แก่ Warner Bros. (ก่อนที่จะควบรวมเข้ากับ Discovery ในปี 2022) โดยถูกเลื่อนฉายมานานถึง 2 ปีแล้ว อีกทั้งนักแสดงนำอย่างมิลเลอร์ยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนทำให้ถูกจับกุมหลายครั้ง เกิดข้อสงสัยว่า Warner Bros. Discovery ที่ตัดโปรเจกต์ต่าง ๆ ที่ดูแล้วอาจไม่อาจไม่ประสบความสำเร็จในอนาคต จะตัดโปรเจกต์ ‘The Flash’ ไปหรือไม่
แต่ท้ายที่สุด ภาพยนตร์ Batgirl ที่ถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว และโปรเจกต์แอนิเมชันภาคต่อ Scoob! ก็ได้ถูกตัดทิ้ง แต่ ‘The Flash’ นั้น ยังคงอยู่ในเส้นทางการฉายของสตูดิโอในวันที่ 23 มิถุนายน 2023 ต่อไป
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส