ล่าสุด Getsunova เพิ่งปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลงใหม่ “อนุบาล” จากอัลบั้มล่าสุด ‘Thailander’ ซึ่งน่าจะถูกใจผู้ใหญ่หัวใจเด็กที่อยากย้อนวัยไปสัมผัสความรู้สึกในวัยเยาว์อีกครั้ง

เราได้มีโอกาสพูดคุยถึงที่มาที่ไปของเพลงนี้รวมไปถึงเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของบทเพลงต่าง ๆ ในอัลบั้ม ‘Thailander’ ผ่านบทสนทนาที่พาเราไปนิยามหาความเป็นไทยในแบบ Getsunova แนวคิดการทำเพลงในแนวทางใหม่ ๆ และเรื่องราวการเติบโตที่พวกเขาได้สัมผัสมาตลอดการเดินบนเส้นทางสายดนตรี

Getsunova

MV อนุบาลเพิ่งปล่อยมาในเดือนนี้ มีความน่าสนใจมากเลย ไอเดียมาจากทางวงหรือผู้กำกับ

เนม : จริง ๆ เป็นผู้กำกับเสนอไอเดียก่อนครับ ตอนแรกเราก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเราจะพูดถึงอะไรในเอ็มวี แต่พอมาจบที่ไอเดียหนังการ์ตูนย้อนยุคหรือว่าซูเปอร์ฮีโรญี่ปุ่นแล้วก็เข้าทางเลยเพราะพวกเราชอบกันอยู่แล้ว เพราะจำได้ว่าตอนอนุบาลเราก็ชอบดูเรื่องพวกนี้ มดแดง มดเอ็กซ์ หรือแม้แต่อุลตร้าแมน มันเป็นเรื่องที่จำได้ตอนเราเด็ก ๆ พอได้ดูแล้วรู้สึกมันเท่ดี มันก็เลยเหมือนเป็นการย้อนยุคย้อนวัยของเราเองด้วยเลยชอบไอเดียนี้เลยครับ  

ไหน ๆ ก็พูดถึง MV แล้วอยากให้วงเล่าถึงที่มาและไอเดียในการทำเพลงนี้หน่อย ดูมีความเป็นธรรมะ ๆ อยู่เหมือนกันนะ

นต : เราได้ไอเดียมาตอนที่พี่เนมเขากำลังจะมีลูก ผมก็นึกคอนเทนต์นี้ขึ้นมาได้ว่ามันคงน่าสนใจถ้ามีเพลงชื่อว่า “อนุบาล” ตอนที่ลูกเขากำลังจะเข้าอนุบาล ก็เลยเก็บไอเดียนี้เอาไว้พอมาถึงอัลบั้มนี้เรารู้แล้วว่าลูกพี่เนมกำลังจะเข้าอนุบาลก็เลยเริ่มแต่งเพลงนี้ขึ้นมา แต่เราก็ไม่ได้ตีความหมายให้เป็นเพลงเกี่ยวกับเด็กซะทีเดียว มันพูดถึงอนุบาลได้เพราะว่าเราพูดถึงผู้ใหญ่นี่แหละ พูดถึงคนรุ่นเราเลยที่รู้สึกว่าผ่านชีวิตมาเยอะมาก รู้ทุกอย่าง เรียนจบมหาลัย สัมผัสความรักไม่รู้กี่รอบ แต่แม้ว่าจะเคยแบบมีประสบการณ์เยอะแค่ไหน สุดท้ายแล้วตอนที่เราเสียใจก็จะกลับมาร้องไห้เสียใจเหมือนเด็กอนุบาลตลอดเลย แล้วที่เราเอาสัจธรรมบางอย่างมาเขียนไว้ก็เพราะรู้สึกว่าเราต้องแสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนที่ถูกพูดถึงในเพลงนี้เขาคงผ่านสัจธรรมมา ผ่านชีวิตมาเยอะ จนจะบรรลุแล้ว แต่สุดท้ายการที่เราคิดว่าเรารู้เยอะก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เสียใจกับมันอีก กลายเป็นว่ายิ่งรู้เยอะมันกลับยิ่งไม่รู้อะไรเลย

ในอัลบั้มชุดใหม่ ‘Thailander’ เหมือนว่า Getsunova จะหันมาพูดเรื่องความเป็นไปในสังคมแบบชัดเจนมาก อะไรคือจุดเปลี่ยนที่หันมาพูดเรื่องนี้ผ่านบทเพลง

เนม : จริง ๆ แล้วเราไม่ได้ตั้งใจพูดเรื่องสังคมอะไรมากขึ้นหรอก แต่ว่าธีมของอัลบั้มนี้มันคือ ‘Thailander’ หรือว่าไทยแลนด์โอนลี่อะไรแบบนี้ ก็เลยพยายามหาทอปปิกหรือคอนเทนต์ที่เราสามารถพูดได้ ที่เกี่ยวกับเมืองไทยที่เฉพาะคนไทยเท่านั้นถึงจะเข้าใจ ก็เลยเป็นธีมของแต่ละเพลงที่จะมีความเป็นไทยในยุคปัจจุบันเช่นพูดถึงหวย พูดถึงการรอคอยการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ซึ่งมันบังเอิญไปตรงกับสถานการณ์ ณ เวลานั้นที่เราทำเพลงพวกนี้ด้วย ก็จะมีหลายเหตุการณ์ที่มันสามารถลิงก์เข้ากับเพลงเรา

นต : ปกติแล้วเพลงเราก็จะพูดถึงความรักมาตลอด แต่ว่าตอนนี้เราก็อยู่ในช่วงที่แบบว่าอยากจะทดลองอะไรใหม่ ๆ แต่ก็ยังอยากจะพูดถึงเรื่องความรักนี่แหละแต่จะพูดในมุมมองที่มีการเปรียบเทียบมากยิ่งขึ้นเลยทำให้เริ่มไปแตะเรื่องราวที่มันเกินกว่าความรักครับ

ธีมนี้เริ่มมายังไงทำไมถึงมาที่ ‘Thailander’ ได้

นต : ก็เป็นที่ค่ายครับคุยกันกับพี่อาร์ม White Music เขาก็พูดกับเราว่าตอนเริ่มต้นคนจะเอาวงเราไปผูกกับความเป็นวงอังกฤษ วงนอกอะไรแบบนี้ ซาวด์ก็เป็นซาวด์แบบอังกฤษก็ว่าไป แต่ตอนนี้เราก็กลับมาอยู่ไทยนานมากแล้วจะเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว เลยแบบว่าลองเอาความเป็นไทยของเราเอาออกมาดูให้คนดูไหม เราก็เลยว่ามันน่าสนใจ เมื่อก่อนเราก็ทำตัวเป็นเด็กนอกกันแต่วันนี้ ก็มาเล่นมุกไทยตลกโปกฮา ทำตัวแบบไทย ๆ แล้วล่ะตอนนี้

ในเพลงแต่ละเพลงของ ‘Thailander’ สะท้อนมิติทางวัฒนธรรมของคนไทยออกมาได้หลากหลายและมีสีสัน แล้วความเป็นไทยในนิยามของ Getsunova นั้นเป็นยังไง

นต: ผมว่าความเป็นไทยก็คือความ modest ความอ่อนน้อมถ่อมตนแต่เป็นความถ่อมตนที่ก็ไม่ยอมใครนะครับ ผมว่านี่แหละความเป็นไทยเลย ถ้าพูดถึงสิ่งนี้แล้วคนไทยจะไม่เหมือนชาติใดในโลกนะ คนไทยจะถ่อมตนแต่ว่าจริง ๆ แล้วก็ไม่ยอมใครเหมือนกัน ซึ่งผมว่าเป็นเสน่ห์ของเมืองไทยที่อยู่ในทุกสิ่งไม่ว่าอะไรก็ตามทั้งในชีวิตของประจำวัน คน หรือผลงาน ศิลปะ ดนตรี อะไรแบบนี้ อย่างภาพวาดแบบไทยก็จะมีความสวยงามอ้อนช้อยแต่ก็จะแฝงไว้ด้วยเมสเสจที่มันแข็งแรงเสมอ อาหารไทยก็จะกลมกล่อมแต่ก็มีความเผ็ดอยู่ด้วย มันจะเป็นอะไรแบบนี้ครับ

เมื่อครู่เราพูดถึงเพลง “อนุบาล” กันไปแล้วทีนี้มาที่เพลงอื่น ๆ ของ ‘Thailander’ กันบ้าง อยากรู้ไอเดียและแนวทางในการทำแต่ละเพลง มาเริ่มกันที่ “อีกไม่นาน นานแค่ไหน Getsunova x Three Man Down feat. พระมหาไพรวัลย์

นต : เพลงนี้ตรงกับชื่อมากเพราะว่าเป็นเพลงที่เราทำในช่วงโควิดนี่แหละ ช่วงที่ต้องติดอยู่ที่บ้านกันแล้วรู้สึกว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่พวกเราต้องรออะไรหลายอย่างมากเลยในชีวิต ไม่ว่าจะรอให้สถานการณ์ดีขึ้น แล้วก็เรื่องวัคซีนโควิดว่าจะมาเมื่อไหร่ เมื่อไหร่จะได้ออกไปเล่นคอนเสิร์ต ชีวิตเมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ มันมืดแปดด้านจริง ๆ แล้วเราก็ตอบไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะโอเค จะกลับมาเป็นชีวิตที่เรารู้จักอยู่ปกติ เลยรู้สึกว่ามันน่าจะมีเพลงที่พูดถึงการรอคอยขึ้นมา เหมือนตอนนั้นเราจะโดนหยอดโอกาสมาอยู่เรื่อย ๆ ว่าเนี่ยเดี๋ยวจะดีขึ้นเดี๋ยวนั้นจะมาแล้ว เดี๋ยวนี้จะพลิกผันกลับมาเป็นอย่างนี้ สุดท้ายก็ไม่ถึงจุดหมายที่คนเขามาปลอบใจเราสักที ที่คนเขาบอกว่าอีกไม่นานนี่มันนานแค่ไหนหว่า

ไอเดียในการเลือกคนมาฟีเจอริ่งด้วยนี่ใครเป็นคนต้นคิดครับ

เนม : ด้วยว่าเพลงนี้เป็นเพลงสนุกเป็นเพลงที่เต้นได้โยกได้ ก็เลยอยากได้ความเป็นวัยรุ่นให้มีนักร้องวัยรุ่นเหมือนมากระชากวัยพวกเรา ก็เลยนึกถึงวง Three Man Down เป็นวงแรกเพราะเราชอบวงนี้อยู่แล้ว แล้วก็มีไพรวัลย์ ก็เหมือนเป็นกิมมิกครับเพราะตอนนั้นกำลังฮือฮาเรื่องของไพรวัลย์ ไปป์ก็เลยบอกว่าลองชวนมาดูเพราะว่าเพลงที่เราทำมันก็ทดลองอยู่แล้ว เราอยากจะทดลองอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ก็เลยลุยเลย 

คุณไพรวัลย์งงไหมตอนนั้นที่ชวน

เนม : ก็ดูไม่งงขนาดนั้นครับแบบพอชวนปุ๊บก็โอเคเลย

นต : ตอนแรกคิดว่าจะงงกว่านี้ แต่เพราะเป็นบทเทศน์ที่อยู่ในไลฟ์อยู่แล้ว เราก็มาเอาลงจังหวะด้วยเทคนิคในคอมพิวเตอร์ก็ไม่ต้องทำอะไรใหม่แล้วก็เลยโอเครับ

“หวย Getsunova Feat แม่น้ำหนึ่ง

เนม : หวยก็เป็นเพลงสนุก ๆ อีกเพลงหนึ่ง เราจะพูดถึงพฤติกรรมคนไทยที่ชอบเสี่ยงโชค ก็จะพูดถึงชีวิตประจำวัน การกระทำของคนที่อยากจะชนะหวยว่าต้องไปทำอะไรบ้าง ต้องไปไหว้อะไรบ้าง ซึ่งก็เป็นไทยแลนด์โอนลี่มีเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น หากพูดเรื่องนี้ในประเทศอื่นก็อาจจะไม่เข้าใจ

คนมาฟีเจอริ่งนี่ก็แหวกมากเลย

เนม: อันนี้ก็แหวกมาก

นต : โหดมากด้วยครับ ตอนแรกแค่จะเอามาเล่นเอ็มวี แต่เราก็ไปศึกษาเขาก่อนด้วยแล้วเห็นว่าเขาร้องเพลงได้ดี ร้องก่อนใบ้หวย ก็เลยไปลองชวนมาร้องด้วย ก็เลยออกมาเป็นแบบที่ได้ยิน แต่ว่าคิวนี่หาได้ยากมาก คิวเขาแน่นมาก ใครว่าทรีแมนดาวน์หรือว่าพระไพรวัลย์ตอนนั้นนี่คิวหายากเจอแม่น้ำหนึ่งนี่ยากกว่า

“ฌิน”

เนม : เพลงช้าที่สุดในอัลบั้ม เป็นเพลงที่ค่อนข้างแบบ experimental มาก ๆ ทั้งในเชิงของวิธีการเล่นดนตรีหรือวิธีการร้องเพลงนี้ หรือแม้กระทั่งชื่อเพลงที่มันชื่อชินแต่มันกลับกลายเป็นเพลงที่วงรู้สึกไม่ชินที่สุดกับการที่ต้องเล่นเพลงนี้ ก็ต้องใช้เวลาสักพักเหมือนกันถึงจะชิน ถึงจะคุ้นเคยกับเพลงที่ชื่อว่า “ฌิน” มันก็ตลกดีที่มีความย้อนแย้งอะไรแบบนี้เป็นชินที่ไม่ชิน

ได้ทดลองอะไรไปบ้างในเพลงนี้

นต : ก็น่าจะเป็นเรื่องของเมโลดี้ในการร้องแล้วก็สัดส่วนของเพลงที่จะมีความเป็นอาร์แอนด์บีเลย์แบ็กนิดนึง ทางคอร์ดก็ไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จของ Getsunova อย่างปกติทำเพลงเราก็จะมีสูตรสำเร็จที่เราใช้ตลอดเลย พอมาเจอเพลงนี้เราก็เลยลองทำอะไรที่ต่างออกไป แม้กระทั่งชื่อเพลงเมื่อก่อนเราคงตั้งให้มันย้อนแย้งว่าชินที่ไม่ค่อยชินอะไรแบบนี้ แต่ทีนี้เราก็เลยเลือกอีกแบบให้ใช้ตัว ‘ฌ’ เป็น “ฌิน” แทน ซึ่งก็เท่ดีแต่คนเสิร์ชหาชื่อไม่เจอนะ (หัวเราะ)

“วนิดา”

เนม: วนิดาก็เป็นชื่อผู้หญิงไทยชื่อหนึ่งที่เราคุ้นเคยกันในละครในเทพนิยายต่าง ๆ นานา ที่มาของชื่อนี้มาจากการที่พ่อแม่หรือผู้ใหญ่สมัยก่อนเวลาเราไปซื้อไอศกรีมแล้วเขาจะตั้งชื่อไอศกรีมวานิลลาว่า ‘วนิดา’ มันก็มีความเป็นไทยด้วยก็เลยชอบชื่อนี้ ส่วนเพลงก็จะเป็นเพลงจีบสาวประมาณว่า เธอคือนางฟ้าที่ฉันจะต้องจีบให้ได้เป็นเพลงสนุก ๆ ฟังสบาย

มีศิลปินคนไหนหรือใครบ้างในตอนนี้ที่ Getsunova อยากชวนมาฟีเจอริ่ง

เนม: จริง ๆ เป็นคำถามที่ค่อนข้างยากมากเพราะว่า ณ เวลานี้ เรากำลังปวดหัวอยู่ว่าจะเลือกใครมาฟีเจอริ่งกับโปรเจกต์ของเราดี ก็ถามตลอดว่าคนนี้ดีไหมคนนั้นดีไหม แต่ก็ยังไม่มีคำตอบที่เป็นเอกฉันท์ว่าเอาคนนี้ด้วยกันทุกคนเลย แต่สำหรับผมนะด้วยความที่เราก็ร่วมงานกับศิลปินมากมายหลายหน้ามาแล้ว ก็รู้สึกว่าทุก ๆ ศิลปินที่มาฟีเจอริ่งกับเราก็สร้างผลงานที่มันมีสีสันและแตกต่างกันไป มันก็เป็นความสุขเป็นความภาคภูมิใจทุกครั้งที่เราไปเล่นกับใคร เพราะฉะนั้นคำตอบก็คือพวกเรามีความสุขมากที่ได้ฟีเจอริ่งกับศิลปินทุกท่านในเมืองไทย ไม่ว่าจะใครก็ตามมันเป็นความสุขตื่นเต้นทุกครั้งเลยครับ

นต: จริง ๆ ไม่อยากฟีทแค่เพลงแล้วต่อไปอยากฟีทเรื่องคอนเทนต์บ้าง อยากหาอะไรที่มันแปลกใหม่ สมมติว่าจะไปฟีเจอริ่งกับเชฟได้ยังไง เพลงกับอาหารมันจะมารวมกันยังไง อยากรู้ว่ามันจะมีอะไรหลุด ๆ แบบนี้ได้ไหม หรือไปฟีเจอริ่งกับยูทูบเบอร์ที่ไปเที่ยวป่าเขาอาจไปเก็บเสียงนกหายากที่อยู่ในป่าลึกในอุทยานที่โผล่มาแค่ในเวลานี้ของปีอะไรแบบนี้ ผมว่ามันดูโหดดีดูเป็นอีกเลเวลดี

จากวันแรกที่ทำวงด้วยกันจนมาถึงวันนี้ ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปไหม มีอะไรที่เติบโตหรือเปลี่ยนแปลงไปในฐานะของ Getsunova บ้าง

เนม: ก็เยอะแยะมากมายเลยครับ อย่างตัวเนมเองโดยพื้นฐานแล้วเป็นคนค่อนข้างขี้อาย ไม่ค่อยกล้าแสดงออกเท่าไร ก็เหมือนคุยกับคนเยอะ ๆ ไม่เป็น ก็รู้สึกว่าการที่เป็น Getsunova หนึ่งคือมันทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นแล้วการที่เราได้เพอร์ฟอร์มต่อหน้าคน มันทำให้เราเหมือนได้ระบายอะไรบางอย่างออกมา มันไม่ค่อยมีความตื่นเวทีเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วยประสบการณ์ มันก็เลยได้เห็นตัวเองโตขึ้นมาจากเด็กขี้อายไม่กล้าแสดงออก จนต้องมาทำตรงนี้จนตอนนี้มันกล้าแล้ว เหมือนมันสร้างเกราะป้องกันอะไรบางอย่างเพื่อที่เราจะได้เผชิญหน้ากับโลกได้มากขึ้น

นต: ผมว่าการทำ Getsunova มันทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเพื่อน ๆ ในวงและคนที่เราได้รู้จักบนเส้นทางนี้ เราได้เห็นเรื่องราวเหล่านี้เยอะดีครับ แล้วมันทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้นไปอีกระดับนึงนะ อย่างเมื่อคืนเพื่อนก็เพิ่งมาประกาศว่าตัวเองกำลังจะมีลูก กำลังลุ้นว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย คือแน่นอนว่ามันมีความเป็นเพื่อนอยู่แล้วแต่พอมันมีความเป็นเพื่อนร่วมวงเพิ่มเข้ามาอีก มันก็มีความรู้สึกในอีกระดับนึง ในความเป็นเพื่อนเราก็ดีใจอยู่แล้ว แต่พอมีความเป็นเพื่อนร่วมวงด้วยแล้วเนี่ยมันมีความผูกพันเพิ่มเข้ามาในอีกเลเวลหนึ่งจากการที่เราเจอกันมาตั้งแต่เด็กผ่านชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน พอเห็นว่าเขากำลังจะมีลูกแล้วก็มีความตื่นเต้นอยากแต่งเพลงขึ้นมาอะไรแบบนี้ ผมว่ามันหลายรสชาติเพิ่มมาในชีวิตของเรา ให้รู้สึกว่าได้เอ็นจอยกับชีวิตของเพื่อน ๆ ในวงไปด้วย

ในตอนนี้ Getsunova กำลังทำอะไรกันอยู่ กำลังจะมีอะไรออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกัน

เนม: ช่วงนี้หลัก ๆ เลย เรากำลังแบบกับการได้กลับมาทัวร์หรือว่าเล่นคอนเสิร์ตเยอะเหมือนที่เคยเป็นมาเมื่อก่อนโควิด ก็รู้สึกดีใจที่ตรงนี้ได้เดินทางทัวร์ขึ้นเหนือลงใต้ได้เจอผู้คนเจอแฟนเพลงที่เราไม่เจอกันนานแล้ว มันเป็นความสุขมาก ๆ ที่ยังไม่ลืมเรากันนะ แล้วทุกคนก็มาต้อนรับพวกเราอย่างดี ก็รู้สึกขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน โปรเจกต์ต่อไปเราก็คงจะทำเพลงไปเรื่อย ๆ ก็มีการเตรียมงานที่จะทำต่อ เราคงไม่หายที่จะหยุดทำเพลงหรือไม่หยุดสร้างสรรค์ผลงานให้ทุกคนได้ฟัง ส่วนมันจะออกมาในรูปแบบไหนอะไรยังไงก็ต้องรอติดตามดูกันต่อไปครับ

สุดท้ายนี้มีอะไรอยากฝากถึงแฟน ๆ บ้างครับ

เนม: ก็ขอฝากติดตามผลงานของ Getsunova กันต่อไปด้วยนะครับ

นต:  ก็ขอฝากผลงานไว้ด้วยครับ เราก็ได้กลับมาปล่อยเพลงได้กลับมาทำงานอย่างเต็มที่หลังจากหยุดยาวเหมือนพักร้อนที่ไม่รู้ว่าจะหายร้อนเมื่อไหร่ เป็นการพักที่ยาวนานมาก ตอนนี้ทุกคนได้กลับมาแล้วและก็รู้สึกว่าเมืองไทยก็กลับมาคึกคักขึ้นแล้วในเรื่องของวงการดนตรี ผมก็อยากให้อย่าเพิ่งลืมวงดนตรีวงนี้ไปนะครับ ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ เดี๋ยวจะมีผลงานออกมาให้ฟังไม่หยุดหย่อนครับผม

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส