เว็บไซต์ Deadline ได้รายงานว่า Legendary Entertainment เล็งที่จะหาสตูดิโอผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์อื่นแทน Warner Bros ภายหลังจากที่ดีลสตูดิโอเพิ่งสิ้นสุดลงไป

ทั้งนี้มีรายงานว่าสตูดิโอยักษ์ใหญ่อย่าง Sony และ Paramount ต่างยื่นข้อเสนอให้แก่ Legendary รวมถึง Warner Bros. ก็ได้ยื่นข้อเสนอฉบับใหม่แก่ Legendary ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี โฆษกของทั้ง Legendary และ Warner Bros. ต่างปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อรายงานนี้แต่อย่างใด

ความขัดแย้งระหว่าง Legendary และสตูดิโอยักษ์ใหญ่อย่าง Warner Bros. ได้ปรากฏให้เห็นในช่วงที่ เจสัน คิลาร์ (Jason Kilar) ประธานกรรมการบริหารของ Warner Media ซึ่งท้ายที่สุด ‘Dune’ ก็สามารถทำรายได้ทั่วโลกสูงถึง 401.8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 14,700 ล้านบาท และคว้า 6 รางวัลออสการ์ รวมถึง Warner Bros. ได้เปิดไฟเขียวสร้าง ‘Dune: Part Two’ ซึ่งเพิ่งเริ่มถ่ายทำที่ประเทศจอร์แดน ในขณะที่ เจสัน คิลาร์ นั้นก็ไม่ได้ดูแลด้านกลยุทธ์ของบริการสตรีมมิง HBO Max อีกต่อไปแล้วในตอนนี้

อีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้ Legendary หันไปร่วมงานกับสตูดิโอคู่แข่งของ Warner Bros. คือการที่สตูดิโอได้ตัดโปรเจกต์ที่คาดว่าจะไม่ประสบความสำเร็จไปหลายตัวภายภายหลังจากที่ Warner Bros. ได้ควบรวมกับ Discovery แล้ว

สำหรับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่ Legendary ยังคงมีสัญญาร่วมกับ Waner Bros. ก็มีทั้งภาพยนตร์ ‘A Christmas Story Christmas’ ที่จะฉายทาง HOB Max และภาพยนตร์ ‘Godzilla – King’ ในจักรวาล Monsterverse

Legendary นั้น ได้เซ็นสัญญากับ Universal Pictures เมื่อ ปี 2014 เป็นระยะเวลา 5 ปี จากนั้นเมื่อสิ้นสุดสัญญาในปี 2018 ทาง Legendary ก็ได้เซ็นสัญญากับ Warner Bros. และได้ดัดแปลงวิดีโอเกม ‘Detective Pikachu’ เป็นภาพยนตร์จนประสบความสำเร็จไปทั่วโลกด้วยรายได้ 433 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 15,900 ล้านบาท ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ภาพยนตร์ที่ Legendary และ Warner Bros. ประสบความสำเร็จด้านรายได้ร่วมกันมากที่สุด

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส