ฌอน เพนน์ (Sean Penn) และ เบน สติลเลอร์ (Ben Stiller) ถูกกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียสั่งแบนไม่ให้เข้าประเทศแบบถาวร หลังทั้งสองแสดงจุดยืนด้วยการสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลยูเครนให้ชนะสงครามกับรัสเซีย
ทั้งเพนน์และสติลเลอร์ต่างแสดงจุดยืนของตัวเองด้วยการเดินทางไปยูเครนตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเข้าพบกับประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskyy) แล้วพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
โดยเพนน์ได้เดินทางไปยูเครนเพื่อถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งและผลกระทบที่ประชาชนได้รับจากสงครามในครั้งนี้ พร้อมอัปโหลดคลิปขณะที่กำลังถ่ายทำสารคดีลงใน IG พร้อมคำบรรยายว่า “ผมกำลังได้พบปะกับผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และได้ฟังว่าเหตุการณ์นี้มันเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปอย่างไรบ้าง สงครามและความรุนแรงกำลังจะทำลายล้างผู้คนทั่วโลก ไม่มีใครอยากหนีออกจากบ้าน การแสวงหาความปลอดภัยเป็นสิทธิและทุกคนต้องได้รับการสนับสนุน”
ส่วนสติลเลอร์ที่ติดหนึ่งในรายชื่อผู้ถูกแบนนั้น เขาเดินทางไปในฐานะของตัวแทนของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR หรือ UN Refugee Agency) เพื่อไปเยี่ยมประชาชนชาวยูเครนที่ลี้ภัยในประเทศโปแลนด์และกรุงเคียฟ (Kyiv) และได้กล่าวชื่นชมประธานาธิบดียูเครนว่า “มันน่าเหลือเชื่อมากที่เซเลนสกีลุกขึ้นมาไม่ว่าในช่วงเวลาใด เขาได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและการแก้ปัญหาอย่างแท้จริงเพื่อให้สามารถผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้”
ซึ่งการถูกแบนในครั้งนี้เป็นผลมาจากการตอบโต้การคว่ำบาตรพลเมืองชาวรัสเซียของรัฐบาล โจ ไบเดน (Joe Biden) ทำให้รัสเซียไม่พอใจและได้ออกมาประกาศแบนกลุ่มบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ตัวแทนด้านธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านชุมชน รวมถึงบุคคลสำคัญด้านวัฒนธรรมของสหรัฐถึง 25 คน โดยเพนน์ และสติลเลอร์ก็เป็น 2 ใน 25 รายชื่อดังกล่าวด้วย
ที่มา: Vulture
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส