บ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ ได้ประสบกับรายได้ตกต่ำอีกครั้ง โดยทำรายได้รวมกันไปเพียง 40.3 ล้านเหรียญ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) ซึ่งถือได้ว่าเป็นรายได้ต่ำที่สุดลำดับที่ 2 ถัดจากสุดสัปดาห์วันที่ 28 – 30 มกราคม 2022 ที่ทำรายได้ไปเพียง 34.9 ล้านเหรียญ (ประมาณ 1,300 ล้านบาท)
ในสุดสัปดาห์ล่าสุดนี้ (9 – 11 กันยายน 2022) Disney ได้ส่ง ‘Barbarian’ ภาพยนตร์สยองขวัญจาก 20th Century Studios ขึ้นอันดับที่ 1 ด้วยรายได้ 10 ล้านเหรียญ (ประมาณ 364 ล้านบาท) ส่วนรายได้ทั่วโลกนั้นทำไป 10.5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 383 ล้านบาท) จากทุนสร้างประมาณ 5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 180 ล้านบาท) เท่านั้น
‘Barbarian’ เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้เช่าบ้าน AriBnB แต่บ้านหลังนี้กลับมีบางอย่างผิดปกติ และไม่ได้เป็นอย่างที่คนทั่วไปเห็น นำแสดงโดยนักแสดงคุณภาพระดับกลางอย่าง จอร์จิน่า แคมป์เบลล์ (Georgina Campbell), บิลล์ สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård) และ จัสติน ลอง (Justin Long)
‘Barbarian’ ได้คะแนนจาก Rotten Tomatoes ไปในระดับ 92% แต่ได้คะแนนจาก CinemaScore ไปเพียงแค่ C+ เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดหากพิจารณาจากภาพยนตร์สยองขวัญสุดลือลั่นอย่าง ‘Hereditary’ ที่ได้คะแนนจาก Rotten Tomatoes ไป 90% แต่ได้คะแนนจาก CinemaScore ไปในระดับต่ำเพียง D+ เท่านั้น
อันดับที่ 2 ตกเป็นของ ‘Brahmastra Part One: Shiva’ ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรสุดอลังการราวกับเป็น Marvel ของฝั่งบอลลีวูด โดยได้ Walt Disney Studios Motion Pictures เป็นผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก โดยทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปสูงถึง 4.4 ล้านเหรียญ (ประมาณ 160 ล้านบาท) จากการฉายเพียง 810 โรงภาพยนตร์เท่านั้น (ภาพยนตร์ทั่วไปจะเข้าฉายสัปดาห์แรกมากกว่า 2,000 โรงภาพยนตร์ทั่วสหรัฐฯ) ซึ่งถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์อินเดียที่เปิดตัวในสหรัฐฯ สูงสุดเท่าที่เคยมีมา
ส่วนทั่วโลกน้้นทำไปแล้วถึง 23.9 ล้านเหรียญ (ประมาณ 870 ล้านบาท) โดยเป็นรายได้จากอินเดียถึง 18.9 ล้านเหรียญ (ประมาณ 690 ล้านบาท) ซึ่งถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์อินเดียที่เปิดตัวในประเทศตนเองสูงสุดเท่าที่เคยมีมาด้วยเช่นกัน
‘Brahmastra Part One: Shiva’ นำแสดงซูเปอร์สตาร์ระดับต้น ๆ ของอินเดียอย่าง รานเบียร์ กาปู้ร์ (Ranbir Kapoor), อเลีย บาตต์ (Alia Bhatt) และ อมิตาภ พัจจัน (Amitabh Bachchan)
อันดับที่ 3 ตกเป็นของ ‘Bullet Train’ ที่เข้าฉายเป็นสัปดาห์ที่ 6 แล้ว โดยเก็บเพิ่มไปอีก 3.25 ล้านเหรียญ (ประมาณ 118 ล้านบาท) ทำให้รายได้รวมในสหรัฐฯ นั้นอยู่ที่ 92.5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 3,400 บาท) ส่วนรายได้ทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 211.8 ล้านเหรียญ (ประมาณ 7,700 ล้านบาท) จากทุนสร้าง 90 ล้านเหรียญ (ประมาณ 3,300 ล้านบาท)
อันดับที่ 4 คือ ‘Top Gun: Maverick’ ที่เก็บเพิ่มไปอีก 3.17 ล้านเหรียญ (ประมาณ 116 ล้านบาท) ส่งให้รายได้รวมในสหรัฐฯ นั้นอยู่ที่ 705.6 ล้านเหรียญ (ประมาณ 25,700 ล้านบาท) ส่วนราไยด้ทั่วโลกนั้นสูงถึง 1,453 ล้านเหรียญ (ประมาณ 53,000 ล้านบาท) จากการฉาย 16 สัปดาห์
‘DC League of Super-Pets’ ตกมาอยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยรายได้ 2.84 ล้านเหรียญ (ประมาณ 104 ล้านบาท) ทำให้รายได้รวมในสหรัฐฯ อยู่ที่ 85.4 ล้านเหรียญ (ประมาณ 3,100 ล้านบาท) และรายได้ทั่วโลกอยู่ที่ 168 ล้านเหรียญ (ประมาณ 6,100 ล้านบาท) จากการฉาย 6 สัปดาห์
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส