ย้อนกลับไปในปี 2009 หลัง ‘Avatar’ เข้าฉายครั้งแรก ตัวภาพยนตร์ก็โด่งดังและกวาดรายได้จากทั่วโลกมหาศาล อีกทั้งการหยิบเทคโนโลยี 3D มาใช้ ก็สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่องอื่น ๆ ในช่วงเวลานั้น
13 ปีผ่านไป ‘Avatar’ กลับมาอีกครั้งพร้อมผลงานภาคต่ออย่าง ‘Avatar : The Way Of Water’ ซึ่งแน่นอนว่าการคัมแบ็กในครั้งนี้ ก็มาพร้อมกับคำถามที่ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีเวอร์ชัน 3D ให้ชมเหมือนเดิมหรือไม่?
ไม่กี่วันก่อน Slash Film ได้ถามถึงมุมมองของ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ผู้กำกับที่ปั้น ‘Avatar’ จนกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในโลก เกี่ยวกับอิทธิพลของเขาที่มีต่อวงการภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ในปัจจุบัน ซึ่งคาเมรอนก็ยังยืนยันว่าอิทธิพลของ ‘Avatar’ ต่อบล็อกบัสเตอร์ก็คือ ‘การใช้เทคโนโลยี 3D’ นี่แหละ
“’Avatar’ ชนะรางวัลในสาขาการกำกับภาพยนตร์ด้วยการใช้กล้องดิจิทัล 3D ในการถ่ายทำ แถมไม่เคยมีภาพยนตร์ที่ใช้กล้องดิจิทัลเรื่องไหนเคยได้รางวัลสาขานี้มาก่อน หลังจากนั้น 2 ถึง 3 ปีต่อมาผู้กำกับภาพที่ได้รับรางวัลออสการ์ก็ใช้กล้องแบบเดียวกันนี่แหละ ดังนั้นคุณจึงมีเวลาอีก 3 ถึง 4 ปีที่อะแคเดมีจะเปิดรับภาพยนตร์ดิจิทัล และภาพยนตร์ 3 เรื่องในนั้นก็จะเป็นแบบ 3D ซะด้วย”
คาเมรอนเสริมว่า “ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะคิดว่า 3D มันได้ตายไปแล้ว แต่มันยังไม่ได้ตายจริง ๆ สักหน่อย มันเพิ่งจะได้รับการยอมรับเอง และตอนนี้มันก็กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการไปดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์เท่านั้นเอง ผมว่ามันก็เหมือนกับสี พอภาพยนตร์มีสีเรื่องแรกออกมามันก็เป็นเรื่องฮือฮา ที่คนแห่ไปดูก็เพราะมันมีสี ผมคิดว่าช่วงที่คนแห่ไปดู ‘Avatar’ ก็เพราะมันเป็นหนัง 3D นั่นแหละ ผมคิดว่ามันมีผลกระทบต่อการดูหนัง การนำเสนอ เพราะตอนนี้มันกลายเป็นที่ยอมรับและเป็นส่วนหนึ่งของไซท์ไกสท์ (Zeitgeist) ไปแล้วและมันทำได้อย่างไรมากกว่า”
‘ไซท์ไกสท์’ เป็นคำที่มาจากภาษาเยอรมันที่หากแปลตรงตัวก็จะกลายเป็น ‘Zeit หมายถึง เวลา’ และ ‘Geist หมายถึง จิตวิญญาณ’ ซึ่งพอเอาทั้งสองคำมารวมกันก็จะมีความหมายว่า ‘จิตวิญญาณแห่งยุคสมัย’ หรือ ‘จิตวิญญาณแห่งกาลเวลา’ นั่นเอง
‘Avatar: The Way of Water’ หรือชื่อไทย ‘อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ’ จะเล่าเหตุการณ์ต่อจากภาคแรกหลังจากหนึ่งทศวรรษผ่านไป โดยจะเริ่มเล่าเรื่องของครอบครัวซัลลี (เจค, เนย์ทีรี และลูก ๆ ) กับปัญหาที่ตามมาเมื่อพวกเขามุ่งหน้าขจัดอุปสรรค์ที่จะเป็นภัยคุกคามเพื่อให้อยู่รอด และปกป้องกันและกันให้ปลอดภัยจากอันตราย หลังจากโศกนาฎกรรมที่พวกเขาต้องก้าวผ่านมันมาด้วยกัน และมีกำหนดฉายวันที่ 15 ธันวาคม 2022 นี้
ที่มา: Slash Film
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส