เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ชมผลงานการแสดงของ บีม ปภังกร หรือ ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์ ในบทบาทของ ‘คราม’ จากซีรีส์เรื่อง ‘เคว้ง’ กันมาบ้างแล้ว และด้วยฝีมือการแสดงที่บีมได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าบทจะยากและซับซ้อนขนาดไหนบีมก็เอาอยู่ ทำให้ในไม่ช้าบีมก็ถูกขนานนามว่าเขาคือนักแสดงหนุ่มที่มากความสามารถและอนาคตไกล แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ บีมได้ร่วมงานกับ Netflix อีกครั้งในซีรีส์ ‘Thai Cave Rescue’ ในอีกไม่กี่ปีต่อมา แต่น่าเสียดายที่ในวันที่ซีรีส์เข้าฉายบีมกลับไม่มีโอกาสได้ดูผลงานที่ตัวเองแสดงอีกต่อไป

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก บีมเป็นคนที่มีความสามารถในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะในด้านกีฬา บีมเป็นนักกีฬาเทควันโดตั้งแต่อายุ 6 ขวบ หากบีมไม่ตัดสินใจหยุดความฝันในการเป็นนักกีฬาไปตอนอายุ 14 ป่านนี้คงได้เห็นบีมไปแข่งในฐานะทีมชาติไทยไปแล้ว

ในช่วงอายุ 16 ปี ดาวิกา ฤกษ์เฉลิมพจน์ แม่ของบีมก็ชักชวนให้บีมเข้าวงการบันเทิง เพราะอยากให้ลูกได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ หรือสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ ๆ อีกทั้งบีมเองก็ชื่นชอบด้านการแสดงมาตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้ว ทำให้เมื่อมีโอกาสบีมก็รีบคว้าเอาไว้ทันที

“ส่วนตัวผม ในแง่ของการทำงานด้านการแสดงแล้ว ผมชอบนะ ชอบตั้งแต่เด็ก ๆ เลย เพราะว่าเหมือนมันได้ทำความเข้าใจมนุษย์ดี แบบว่า เราจะเล่นเป็นตัวละครไหน เราก็ต้องศึกษามนุษย์ ศึกษาความเป็นเขาแบบเต็มที่ พอเราได้เล่นหลาย ๆ บท เรื่อย ๆ มันทำให้เราเป็นคนใจกว้างมากขึ้น เปิดกว้างมากขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น”

หลังผ่านการออดิชันจนได้เป็นนักแสดงในสังกัดบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น (Boardcast Thai​ Television) และมีผลงานเรื่องแรกคือ ‘น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์’ และมีผลงานทั้ง ละคร เอ็มวี ซีรีส์ เรื่อยมา จนทำให้บีมที่ในตอนนั้นกำลังเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ตัดสินใจที่จะดรอปเรียนไปก่อนเพื่อที่จะได้มีเวลามาทุ่มเทกับการทำงานได้อย่างเต็มที่

แล้วความทุ่มเทของบีมก็ส่งผลให้บีมมีผลงานเด่น ๆ มากมายออกมาให้ได้ดูกัน เช่น ‘เรื่องบนเตียง’ (Sleepless Society: Bedtime Wishes), ‘น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์’, ‘สัมผัสพิศวง’ ตอน โจ๋ผู้กล้า, ‘เรื่องลับหลัง, ‘Mister Merman แฟนฉันเป็นเงือก’, ‘Project S The Series’ ตอน Spike, ‘บางระจัน’, ‘Blue Wave’ และผลงานที่ทำให้บีมโด่งดังสุด ๆ อย่าง ‘เคว้ง’

ถึงจะเริ่มมีชื่อเสียงจากซีรีส์เรื่อง ‘เคว้ง’ แต่บีมก็ยังเป็นบีม บีมที่ไม่ได้อยากมีงานเข้ามาเยอะ ๆ เพราะตัวเองเริ่มดังจากการเล่นซีรีส์ให้ Netflix หรือเสนอตัวเองเพื่อให้ได้งาน แต่เป็นบีมที่อยากใช้ความสามารถในการแสดงของตัวเองเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตัวเองเหมาะสมพอที่จะรับงาน

“ผมว่าตอนนี้มันก็โอเคอยู่นะครับ เพราะถือว่าเราได้มีงานเข้ามาเรื่อย ๆ ครับ อาจจะยังไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างอะไร แต่ผมไม่ได้โฟกัสตรงนั้น ผมอยากพัฒนาตัวเองให้มันดีพร้อมที่จะไปอยู่ตรงนั้นในวันที่โอกาสเข้ามาจริง ๆ มากกว่าครับ แล้วตอนนี้ผมมองว่ามันเป็นช่วงที่เรากำลังพัฒนาตัวเองให้ฝีมือเก่ง ๆ กว่านี้ก่อนครับ”

จากบีมใน ‘เคว้ง’ สู่บีมที่ได้รับโอกาสจาก Netflix เป็นเรื่องที่ 2 ในบทบาทของ ‘โค้ชเอก’ จากซีรีส์เรื่อง ‘Thai Cave Rescue’ ที่ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่มีโอกาสได้ดูมันด้วยตัวเอง แต่ในการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายบีมก็ได้ฝากข้อความถึงตัวละครนี้เอาไว้ว่า

“ตอนแรกที่อ่านบทก็คือ โอ้โห รู้เลยว่าอันนี้งานหนักแน่นอน ความท้าทายของการรับบทเป็นโค้ชเอกเลย ส่วนตัวผมเนี่ย ปกติแล้วผมเป็นคนไม่ค่อยเล่นกับเด็ก แต่ด้วยความที่เราไปอยู่กับพี่เอกมาช่วงหนึ่งก่อนที่จะได้เริ่มถ่าย เราก็เลยได้เห็นเลยว่าจิตวิทยาของการอยู่กับเด็กของเรากับของพี่เอกเนี่ย มันต่างกันมาก เราก็ต้องพยายามพัฒนาตรงนั้นตลอดเวลาที่อยู่ในกองถ่าย หรือแม้กระทั่งอยู่นอกกองถ่ายเราก็พยายามอยู่กับเด็ก พยายามทำตัวเองให้เข้าใจความเป็นพี่เอกให้มากที่สุดครับ”

และถึงแม้บีมจะจากไปในวัยเพียง 25 ปี อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่เราก็หวังว่าบีมจะได้ดูผลงานของเขาอยู่ที่ใดสักแห่ง เพื่อให้บีมได้เห็นว่าในวันนี้ความฝันที่บีมอยากจะเป็นนักแสดงที่มีความสามารถดีพอสำหรับงานนั้น ๆ บีมสามารถทำมันได้แล้วจริง ๆ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส