จบกันไปแล้วสำหรับงาน D23 Expo 2022 ที่ปีนี้ beartai BUZZ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานอีเวนต์ดังกล่าวด้วย ในงานวันแรกดิสนีย์ได้มาเผยไต๋ถึงวิสัยทัศน์ขององค์กรในปีที่ 100 ของบริษัท พวกเขามีแผนจะทำให้บริษัทยิ่งใหญ่และตอบโจทย์ผู้คนทั่วโลกได้อย่างไรเราไปชมกันเลย

กลยุทธ์แบบภาพรวม

รีเบคกา แคมป์เบลล์ (Rebecca campbell) ประธานด้านเนื้อหาและการดำเนินงานระดับสากลของดิสนีย์ ได้ออกมาเป็นตัวแทนพูดภาพรวม ซึ่งเธอเล่าว่าปัจจุบันดิสนีย์กำลังใช้กลยุทธ์ในการทำธุรกิจแบบ DTC หรือ ‘Direct to Customer’ ซึ่งกลยุทธ์นี้ทำให้บริษัทมีลูกค้ากว่า 221 ล้านบัญชีทั่วโลก

เธอเล่าว่า กลยุทธ์นี้คือการขายเนื้อหาของดิสนีย์ไปถึงมือลูกค้าตรง ๆ โดยไม่ผ่านตัวกลางตามแต่ละภูมิภาค หรือก็คือ ขายหนัง, ซีรีส์, การ์ตูน บนแอปสตรีมมิงของตัวเองนั่นแหละ อาทิ Disney+, Star+, Disney+ Hotstar และ Hulu ซึ่งต่างจากเดิมที่จะมีการซื้อเวลาออกอกากาศกับช่องโทรทัศน์ของแต่ละประเทศ เช่น ในไทยก็เคยมีรายการที่หลายคนอาจจะคุ้นชื่ออย่าง ‘Disney Club’ ที่ฉายทางช่อง 7 ซึ่งออกเทปสุดท้ายไปเมื่อ 27 มิถุนายน ปี 2021

นอกจากจะขายคอนเทนต์ตัวเองผ่านแอปสตรีมมิงแล้วยังรวมถึงการทำออริจินัลคอนเทนต์ ตามแต่ละภูมิภาคอีกด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดลูกค้าที่ต่างกันในแต่ละภูมิภาคและแต่ละพื้นที่ โดยเธอนั้นแบ่งภูมิภาคทั่วโลกออกเป็น 4 ภูมิภาค ไม่นับสหรัฐฯ และแคนาดา คือ ละตินอเมริกา, ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา หรือ EMEA, อินเดีย และเอเชียแปซิฟิก หรือ APAC

กลยุทธ์ใน เอเชีย-แปซิฟิก หรือ APAC

ผู้รับหน้าที่มาเผยแผนธุรกิจนี้ก็คือ เจสสิกา คัม-เองเกิล (Jessica Kan-Engle) เธออธิบายว่าตลาดเอเชียนั้นได้รับอิทธิพลจากคอนเทนต์ฝั่งเกาหลี และญี่ปุ่นสูง เธอจึงทำงานอย่างใกล้ชิดกับครีเอเตอร์ สตูดิโอ และผู้ที่มีความสามารถระดับแนวหน้าและหน้าใหม่ทั่วทั้งภูมิภาคนี้ เพื่อปั้นออริจินัลคอนเทนต์ในดินแดนแห่งนี้ให้ดังไปทั่วโลก แถมเนื้อหาในปี 2023 ได้มีการดำเนินงานสร้างไปแล้วกว่า 50 เรื่อง

หนึ่งในความร่วมมือสุดปังของฝั่งเอเชียก็คือ การจับมือกับบริษัท HYBE ค่ายเพลงของวง ‘BTS’ ในการทำภาพยนตร์ออริจินัลคอนเทนต์ชื่อว่า ‘BTS: Permission to Dance on Stage – LA’ ซึ่งบอกเล่าคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นที่เมืองลอสแองเจลิส เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021 โดยคอนเทนต์นี้ถูกสตรีมแล้วตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2022 ที่ผ่านมา บน Disney+ Hotstar

รวมถึงซีรีส์ระทึกขวัญเกาหลี ‘Big Mouth’ 16 ตอน เล่าถึงทนายความพูดมากและพูดไปเรื่อยคนหนึ่ง จนได้ฉายาว่า ‘Big Mouth’ กระทั่งเขาเข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมและถูกเปิดโปงว่าเป็นนักต้มตุ๋นอัจฉริยะ ซึ่งสตรีมแล้วเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แถมด้วย ซีรีส์ไลฟ์แอ็กชันจากมังงะญีปุ่นเรื่อง ‘Gannibal’ ที่ได้ทีมงานรางวัลออสการ์จากซีรีส์ ‘Drive my Car’ มาร่วมช่วยในโปรเจกต์นี้

กลยุทธ์ใน อินเดีย

ผู้รับหน้าที่คือ เการาฟ บาเนอร์จี (Gaurav Banerjee) เขาเล่าว่าดิสนีย์ทางฝั่งอินเดีย มีความมุ่งมั่นที่จะนำมหากาพย์อันเก่าแก่ของอินเดีย ชื่อว่า ‘มหาภารตะ’ (Mahabharata) มาทำเป็นออริจินัลคอนเทนต์ประจำท้องถิ่น ด้วยกลอนกว่า 110,000 บทที่มากโขเช่นนี้ บวกกับอินเดียเป็นตลาดอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และดิสนีย์ได้สร้างภาพยนตร์ไว้ในภูมิภาคนี้กว่า 1,700 เรื่องทุกปี คงจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เขาจะได้นำเรื่องราวอันน่าทึ่งนี้ไปสู่ผู้ชมทั่วโลกในปีหน้า รวมถึงชาวอินเดียที่ได้พลาดมหากาพย์อันยิ่งใหญ่นี้ไป

รวมถึงการสานต่อรายการ ‘Koffee with Karan’ รายการทอล์กโชว์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอินเดีย มีถึง 7 ซีซันด้วยกัน ตบท้ายด้วย ซีรีส์ ‘Showtime’ ซีรีส์ที่จะนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังวงการภาพยนตร์อินเดียในการเป็นเจ้าตลาดมีกำหนดฉายในปีหน้า ซึ่งทั้งสองก็เป็นออริจินัลคอนเทนต์ประจำท้องถิ่นด้วยเช่นกัน

กลยุทธ์ใน EMEA

รับหน้าที่โดย ลี เมสัน (Lee mason) โดยเธอนั้นเล่าว่าในภูมิภาคนี้ ก็เน้นการสร้างออริจินัลคอนเทนต์ประจำท้องถิ่นด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้มีทั้งหมด 3 เรื่องด้วยกัน คือ ‘Wedding Season’ ซึ่งเป็นออริจินัลคอนเทนต์เรื่องแรกที่ดิสนีย์ทำในสหราชอาณาจักร ฉายแล้วที่ Disney+ Day เรื่องที่สอง ‘Save Our Squad’ เป็นเรื่องราวออริจินัลของนักฟุตบอล เดวิด เบ็คแฮม (David Beckham) มาฟอร์มทีมเยาวชนให้ชนะลีก มีกำหนดฉายวันที่ 9 พฤศจิกายน

สุดท้ายก็คือ ‘La Ultima’ ออริจินัลคอนเทนต์จากสเปน เรื่องราวความรักสุดคลาสสิกสำหรับคนสองคนที่ค้นหาความรักและความสำเร็จไปพร้อม ๆ กัน แต่ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าการมีมันทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มีกำหนดฉายในเดือนธันวาคม 2022

กลยุทธ์ใน ลาตินอเมริกา

มาถึงภูมิภาคสุดท้ายแล้ว รับหน้าที่โดย เฟอร์นันโด บาโบซา (Fernando Barbosa) เธอเล่าว่าที่นี่จะเน้นทำออริจินัลคอนเทนต์เช่นกัน ซึ่งมีการเปิดตัวไปแล้วทั้งหมด 3 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือซีรีส์ ‘Santa Evita’ ออรินัลคอนเทนต์จากอาร์เจนตินา โดยมีคนดูมากสุดในลาตินอเมริกานับตั้งแต่เริ่มสตรีมมิง

เรื่องที่ 2 คือ ‘Papas por Encargo’ ออริจินัลคอนเทนต์จากเม็กซิโก ซึ่งได้รับความนิยมอีกเช่นกัน และเตรียมถูกนำไปฉายที่สตรีมมิงในอเมริกาเร็ว ๆ นี้ และเรื่องสุดท้ายมีกำหนดฉายในปี 2023 คือ ซีรีส์ชีวประวัติของ ‘พานโช วิลล่า (Pancho Villa)’ ผู้นำฝ่ายกบฏชาวพื้นเมืองทางภาคเหนือของเม็กซิโก

โดยสรุปแล้ววิสัยทัศน์องค์กรในปีหน้าของดิสนีย์ คือการเน้นทำออริจินัลคอนเทนต์ประจำท้องถิ่น หรือตามภูมิภาคของตัวเอง โดยให้ผู้คนในท้องถิ่นนั้น ๆ มีส่วนร่วมในการรังสรรค์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์และช่วยผลักดันเรื่องนั้นให้โด่งดังไปทั่วโลก

ซึ่งแคมป์เบลล์ได้ทิ้งท้ายก่อนจบงานไว้ว่า “เรามีสองทางเลือก เลือกที่จะเป็นบริษัทอเมริกันที่สร้าง จัดจำหน่าย และขายผลิตภัณฑ์และบริการในต่างประเทศ หรือบริษัทระดับโลกที่ให้รับชัยชนะในการตีตลาดประจำท้องถิ่น”

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส