เว็บไซต์ Deadline ได้รายงานว่า ‘Black Adam’ ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรล่าสุดในจักรวาล DCEU (DE Extended Universe) ทำรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรก (21 – 23 ตุลาคม 2022) ขึ้นอันดับที่ 1 บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ โดยทำไป 67 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,500 ล้านบาท)
นั่นทำให้ ‘Black Adam’ เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำรายได้เปิดตัวสูงกว่าหลัก 50 ล้านเหรียญ นับตั้งแต่ ‘Thor: Love and Thunder’ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นภาพยนต์ที่ ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) เป็นนักแสดงนำหลักที่เปิดตัวสูงสุดอีกด้วยเหนือ ‘San Andreas’ (2015), ‘Skyscraper’ (2018) และ ‘Jumanji: Welcome to the Jungle’ (2017) โดยไม่นับรวมแฟรนไชส์ ‘Fast and Furious’ ที่จอห์นสันเข้ามาเป็นนักแสดงสมทบ
ในส่วนของรายได้ทั่วโลกนั้นทำไป 140 ล้านเหรียญ (ประมาณ 5,300 ล้านบาท) จากทุนสร้างราว 200 ล้านเหรียญ (ประมาณ 7,600 ล้านบาท)
อันดับที่ 2 ตกเป็นของ ‘Ticket to Paradise’ ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ที่เป็นการโคจรกลับมาพบกันของ จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) และ จูเลีย โรเบิตส์ (Julia Roberts) ภายหลังจากแฟรนไชส์ ‘Ocean’s’ โดยฝีมือกำกับของ โอล พาร์คเกอร์ (Ol Parker) จาก ‘Mamma Mia! Here We Go Again’ (2018) ว่าด้วยเรื่องราวของคู่สามีภรรยาที่หย่าร้างกันไปแล้วต้องเดินทางไปบาหลีร่วมกันเพื่อให้ลูกสาวคิดทบทวนเรื่องการแต่งงาน
‘Ticket to Paradise’ ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไป 16.3 ล้านเหรียญ (ประมาณ 620 ล้านบาท) และทำรายได้ทั่วโลกไป 96.6 ล้านเหรียญ (ประมาณ 3,700 ล้านบาท) จากทุนสร้างราว 60 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,300 ล้านบาท)
ที่น่าตกใจที่สุดคือ ‘Halloween Ends’ ที่ทำรายได้ลดไปกว่า 80% จากเดิมที่เปิดตัวในระดับ 40 ล้านเหรียญ กลับทำรายได้ในสัปดาห์ที่ 2 ไปเพียง 8 ล้านเหรียญ (ประมาณ 300 ล้านบาท) โดยรวมในสหรัฐฯ อยู่ที่ 54.2 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) และทำรายได้รวมทั่วโลกไป 82 ล้านเหรียญ (ประมาณ 3,100 ล้านบาท) จากทุนสร้างเพียง 33 ล้านเหรียญ (ประมาณ 1,300 ล้านบาท)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส