เรียกได้ว่าตามมาคอนเฟิร์มกันอย่างเป็นทางการแบบไม่ต้องให้แฟน ๆ สงสัยกันนาน ๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า วอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros. Pictures) ภายใต้เครือของ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี’ (Warner Bros. Discovery) กำลังสนใจที่จะเริ่มโปรเจกต์‘Man of Steel’ ภาค 2 หรือภาคต่อของบุรุษเหล็กอีกครั้ง และหมายมั่นปั้นมือว่าจะดึงเอา ซูเปอร์แมน (Superman) ที่นำแสดงโดย เฮนรี คาวิลล์ (Henry Cavill) กลับมาอีกครั้งด้วย
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อค่ำที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย ก็มีการยืนยันออกมาอย่างเป้นทางการว่า คาวิลล์จะกลับมารับบทซูเปอร์แมนอีกครั้งอย่างแน่นอน ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่า ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) ผู้รับบท แบล็ก อดัม (Black Adam) หนังเรื่องล่าสุดของ DC ในเวลานี้คือกำลังหลักในการผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริง ผสมกับกระแสข่าวที่หลายคนก็อยากเห็น แบล็ก อดัม ฮีโรจากยุคโบราณ มาปะทะกับบุรุษเหล็กจากต่างดาวดูสักตั้ง
ซึ่งคนที่มาคอนเฟิร์มเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนักแสดงบุรุษเหล็กอย่างคาวิลล์เองนี่แหละ ที่เขาได้ปล่อยคลิปสั้น ๆ ความยาว 1 นาทีลงในอินสตาแกรมส่วนตัว เพื่อบอกกล่าวกับแฟน ๆ ว่า หลังจากที่ Black Adam ฉาย (และคนที่ดูแล้วคงทราบแหละว่ามีอะไรรออยู่) เขาเองจะกลับไปรับบทบาทซูเปอร์แมนอย่างแน่นอน พร้อมกับขอบคุณแฟน ๆ ที่ยังคงสนับสนุนเขา และยังเปรย ๆ ว่า ที่เห็น ๆ กันยังไม่ใช่แค่นี้ เพราะยังมีอีกมากรอแฟน ๆ อยู่
“สวัสดีครับทุก ๆ คน ผมกะว่าจะรอโพสต์วิดีโอนี้ตอนช่วงหมดสุดสัปดาห์นี้ เพื่อที่ทุกคนจะได้ไปดู Black Adam กันก่อน และผมคิดว่าตอนนี้ทุกคนคงได้ไปดูกันแล้วแหละ ผมเลยอยากประกาศว่า ผมจะกลับมารับบทซูเปอร์แมนครับ ทั้งรูปนี้ (ปกคลิป) และที่คุณเห็นใน Black Adam ถือว่าเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ของบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็ต้องขอบคุณนะครับที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาได้ ซึ่งเดี๋ยวผมไว้เล่าทีหลังละกัน แต่ที่ต้องขอบคุณอย่างมาก ๆ เลยก็คือ พวกคุณทุกคน ขอบคุณที่พวกคุณสนับสนุน และขอบคุณที่ยังเฝ้ารอ ผมสัญญาว่าจะตอบแทนสิ่งนี้อย่างดี”
คำเตือน – ส่วนของเนื้อหาต่อไปนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ และเนื้อหาจากท้ายเครดิตภาพยนตร์ ‘Black Adam
อย่างที่ทราบกันดีว่า หลังจากที่ เทธ อดัม (Teth-Adam) ที่เปลี่ยนชื่อเป็น แบล็ก อดัม ในภายหลังแล้วนั้น ได้ปกป้องเมืองและปลดปล่อยชาวคานดัค (Kahndaq) เป็นอิสระจากกลุ่มอินเตอร์แก๊ง (Intergang) และรอดพ้นจากอันตรายจากเหล่าปีศาจลงได้ แต่ก็ยังต้องถูกควบคุมตัวไว้อยู่ดี เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะเอาพลังชาแซมไปก่อเรื่องปราบศัตรูแบบลุยแหลกจนพินาศอีก
จนถึงฉากเครดิตท้าย โดรนลำหนึ่งบินมาที่คานดัค และฉายภาพโฮโลแกรมของ อแมนดา วอลเลอร์ (Amanda Waller) เพื่อเตือนกับ แบล็ก อดัมว่า หากไปก่อเรื่องอีก คงต้องใช้ซูเปอร์ฮีโรจอมพลังมาคอยปราม ซึ่งฮีโรที่ว่านั้นก็คือซูเปอร์แมน ก่อนที่เราจะได้เห็นคาวิลล์ในชุดบุรุษเหล็กปรากฏตัวจากเงามืดแบบเต็ม ๆ พร้อมกับเพลงธีมซูเปอร์แมนเวอร์ชันปี 1978
ซึ่งจริง ๆ แล้วก็มีเกร็ดอีกอันหนึ่ง เพราะแต่เดิมแล้ว ในฉากท้ายเครดิตนี้ แผนในการถ่ายทำแต่เดิม จะเป็นเพียงการเอานักแสดงแทนมาสวมชุดซูเปอร์แมน และโผล่มาจากเงามืดแบบเห็นตัวแต่ไม่เห็นหน้า เหมือนในท้ายเครดิตของ ‘Shazam!’ (2019) ที่ก็ใช้นักแสดงแทนเช่นเดียวกัน ทีมงานก็ใช้วิธีถ่ายส่วนของจอห์นสันในบท แบล็ก อดัม กับซูเปอร์แมนไร้หน้าไปพลางก่อน
จนกระทั่งตอนฉายรอบทดลอง (Test Screening) ปรากฏว่า แม้ซูเปอร์แมนจะมาแบบไร้หน้า แต่เสียงตอบรับของผู้ชมรอบทดลองฉายก็ออกมาดีมาก ๆ จนกระทั่งโปรดิวเซอร์จึงเริ่มคิดว่า คงต้องเอาคาวิลล์มาถ่ายซ่อมฉากเครดิตท้ายใหม่จริง ๆ ในที่สุด ทีมงานจึงใช้วิธีถ่ายซ่อมโดยถ่ายช็อตซูเปอร์แมนของคาวิลล์แล้วเอามาประกบกับช็อตที่ถ่ายจอห์นสันไว้ภายหลัง จนกลายเป็นฉากท้ายเครดิตที่ได้เห็นกัน
และด้วยการผลักดันของ ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) ที่อยากเห็นคาวิลล์กลับมาเป็นซูเปอร์แมนอีกครั้ง ทำให้ ไมเคิล เดอ ลูกา (Michael De Luca) และ พาเมลา แอบดี (Pamela Abdy) ประธานบริหารแผนกภาพยนตร์ของ Warner Bros. ไฟเขียวที่จะเริ่มดำเนินการสร้างภาคต่อของ ‘Man of Steel’ ที่ห่างจากภาคแรกที่ออกฉายในปี 2013 นานถึงเกือบ 10 ปี
ที่มา: Variety, The Hollywood Reporter, Nerdist
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส