“Take Me Out” เป็นเพลงของวงอินดี้ร็อกชาวสก็อต ‘Franz Ferdinand’ ออกจำหน่ายเป็นซิงเกิลที่ 2 จากสตูดิโออัลบั้มเปิดตัวของพวกเขาในสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2004 และในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2004 ออกจำหน่ายในรูปแบบไวนิลขนาด 7 นิ้ว ซีดีซิงเกิล และซิงเกิลดีวีดีพร้อมมิวสิกวิดีโอและบทสัมภาษณ์สั้น ๆ ของวง

ในเวลาเพียงไม่นานซิงเกิลนี้ก็ฮิตถล่มทลายและแจ้งเกิดวง Franz Ferdinand อย่างเป็นทางการ โดยไต่ถึงอันดับ 3 ใน UK Singles Chart ในสหรัฐอเมริกา ขึ้นถึงอันดับ 3 ในชาร์ต Modern Rock Tracks และอันดับ 66 บน Billboard Hot 100 เป็นเพลงฮิตอันดับ 7 ในชาร์ต Canadian Singles และยังขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงอินดี้ของสหราชอาณาจักรอีกด้วย ในเดือนพฤศจิกายน 2004 ซิงเกิลนี้ได้มีการันตียอดขายระดับโกลด์โดยสมาคมอุตสาหกรรมแผ่นเสียงแห่งอเมริกา ได้รับการโหวตให้เป็นซิงเกิลที่ดีที่สุดของปี 2004 จากโพล The Village Voice Pazz & Jop

‘Franz Ferdinand’ อัลบั้มแรกและอัลบั้มแจ้งเกิดของวงซึ่งมีเพลง​ “Take Me Out” อยู่

ใครก็ตามที่ให้ความสนใจในชั้นเรียนประวัติศาสตร์ในโรงเรียนอาจพอเดา ๆ ได้ว่าชื่อวง ‘Franz Ferdinand‘ ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากเพลงฮิตติดหูอย่าง “Take Me Out” และ “Do You Want To” คงได้ชื่อมาจาก  ‘อาร์ชดยุคฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์’ (Archduke Franz Ferdinand) บุคคลสำคัญผู้ถูกลอบสังหารและเป็นเหตุชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ตามมา แต่อย่างไรก็ตามวงดนตรีเจ้าของชื่อนี้เองกลับไม่ได้คิดไปถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชื่อนี้มากนัก ในตอนที่พวกเขาคิดชื่อวงขึ้นมาในครั้งแรก

วง Franz Ferdinand ได้ไอเดียในการตั้งชื่อวงจากการที่เห็นม้าแข่งชื่อ ‘อาร์ชดยุคฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์’ (Archduke Franz Ferdinand) ชนะการแข่งขัน พวกเขาจึงจำชื่อนี้ได้และต่อมาหลังจากได้มีโอกาสอ่านชีวประวัติของอาร์ชดยุคแห่งออสเตรียท่านนี้ที่ถูกลอบปลงพระชนม์โดย กาฟริโล พรินซิป (Gavrilo Princip) ชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ สมาชิกกลุ่ม Mlada Bosna (หรือ Young Bosnia ขบวนการปฏิวัติของคนรุ่นใหม่ในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา) จนกลายเป็นชนวนเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 1 ในที่สุดวง Franz Ferdinand ก็ได้รู้ว่าเขาเจอชื่อที่เหมาะสมกับวงของเขาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกดีเพราะที่มาของชื่อวงนั้นเกี่ยวกันพับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ทั้งมืดหม่น วุ่นวายและสับสน แต่ท่วงทำนองของวงดนตรีวงนี้กลับเต็มไปด้วยอารมณ์อันสนุกสนาน

Franz Ferdinand

ฟรอนต์แมนของวง อเล็กซ์ คาปรานอส (Alex Kapranos) แต่งเพลง “Take Me Out” ขึ้นในปี 2003 หลังจากที่ตั้งวงได้ 1 ปี โดยแนวคิดของเพลงได้มาจากการดูการต่อสู้ของนักแม่นปืนในตำนาน ‘วาซีลี ไซเซฟ’ (Vasily Zaitsev) จากภาพยนตร์เรื่อง ‘Enemy at the Gates’ ซึ่งรับบทโดย จู๊ด ลอว์ (Jude Law) ที่ต้องดวลความแม่นสไนเปอร์สู้กับคู่ต่อสู้ที่ฝีมือร้ายกาจสูสีกันจากฝ่ายนาซีที่รับบทโดย เอ็ด แฮร์ริส (Ed Harris) คาปรานอสเลยมีความรู้สึกว่าการต่อสู้นี้สามารถเปรียบเปรยได้กับสถานการณ์ของความรักที่บางครั้งเรากำลังเผชิญหน้าต่อกรกับคนที่เราปรารถนา

“ในคืนก่อน [ที่จะแต่งเพลงนี้] ผมได้ดูหนังเรื่อง ‘Enemy At The Gates’ ซึ่งเรื่องราวของมันเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสถานการณ์การถูกล้อมที่สตาลินกราด ธีมหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้คือความขัดแย้งระหว่างมือปืนสองคน” คาปรานอสอธิบาย

“จู๊ด ลอว์เป็นมือปืนโซเวียต ส่วนเอ็ด แฮร์ริสเป็นนาซีที่ชั่วร้าย พวกเขาทั้งคู่ซุกตัวและซ่อนตัวรอให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวและเปิดเผยตัวเอง เพราะทันทีที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหว อีกคนจะรู้ว่าอีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่ที่ไหนและจะจัดการอีกฝ่ายได้ในทันที” (ในบทสัมภาษณ์นี้คาปรานอสใช้คำว่า take them out หมายถึงการยิงไปที่อีกฝ่ายเพื่อปลิดชีพ ซึ่งความหมายนี้ถูกนำไปเปรียบเปรยกับคำว่า take me out ในเพลง “Take Me Out” ทำให้คำนี้มีความหมายว่ากำกวมชวนตีความ)

คาปรานอสชื่นชมภาพยนตร์ที่กำกับโดยผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ฌอง-ชาคส์ อองโนด์ (Jean-Jacques Annaud) เรื่องนี้ว่า “มีความสดใหม่” และในที่สุดเขาก็นำมันมาเปรียบเปรยกับสถานการณ์ของความรักในเพลง “Take Me Out” จนกลายเป็นซิงเกิลแจ้งเกิดในอัลบั้มเปิดตัวของวง

“ภาพของนักแม่นปืนสองคนนี้ค่อนข้างส่งผลกระทบต่อผม มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการอุปมาที่ดีมากสำหรับสถานการณ์โรแมนติกที่บางครั้งเราพบว่าตัวเองกำลังเผชิญอยู่” คาปรานอสกล่าว

“คุณทั้งคู่รู้ว่าคุณชอบอีกฝ่ายแต่ไม่มีใครอยากเปิดเผย เช่น เปิดเผยจุดอ่อนของตัวเองและเคลื่อนไหว และให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร ดังนั้นผมเลยสามารถเขียนเพลงนี้ได้ [โดยใช้การเปรียบเปรย] ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถบอกได้จริง ๆ ว่าผมกำลังพูดถึงอะไรอยู่”

“ผมกำลังพูดถึงสไนเปอร์หรือผมกำลังพูดถึงสถานการณ์ที่โรแมนติกอยู่หรือเปล่า ?”

คาปรานอสกล่าวถึงความกำกวมในเนื้อหาของเพลงว่า “คุณกำลังขอให้ฉันพาคุณออกเดตหรือคุณขอให้ฉันจัดการคุณด้วยกระสุน ? ผมชอบสิ่งนี้เสมอในเนื้อเพลงของผมทั้งระดับของความคลุมเครือและความฉับไวในเวลาเดียวกัน”

“Take Me Out” มีกลิ่นอายทางดนตรีที่หลากหลายมาผสมผสานกันไม่ว่าจะเป็นโพสต์พังก์รีไววัล อินดี้ร็อกแดนซ์ร็อค การาจร็อก และอาร์ตร็อก ในเพลงนี้ Franz Ferdinand ใส่ลูกเล่นในการเรียบเรียงดนตรีด้วยการเล่นกับความเร็ว (tempo) ของเพลง ด้วยการเปลี่ยนความเร็วตรงกลางเพลงทำให้เพลงนี้มีความเร็วที่ไม่เท่ากัน โดยพาร์ตแรกในท่อน verse ของเพลงเป็นกีตาร์ที่กระชับฉับไวและเล่นไปด้วยจังหวะอันรวดเร็ว โดยมีการใช้โน้ตของคอร์ดเล่นแยกกระจายออกเป็นโน้ตแต่ละตัว ซึ่งได้รับอิทธิพลจากงานดนตรีของ จอร์จิโอ โมโรเดอร์ (Giorgio Moroder) และพอเข้าสู่พาร์ตที่ 2 ซึ่งเป็นท่อน chorus ความเร็วของเพลงจะถูกปรับให้ช้ากว่าเดิมพร้อมด้วยการเล่นแพตเทิร์นไฮแฮทและกลองสแนร์ในแบบของดนตรีดิสโก้ เพลงนี้บันทึกเสียงที่ Gula Studio ในเมือง Malmö ประเทศสวีเดน ร่วมกับโปรดิวเซอร์ ทอร์ โยฮันส์สัน (Tore Johansson) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจังหวะในกลางเพลงถูกบันทึกแบบสด ๆ ในสตูดิโอ

ส่วนริฟฟ์กีตาร์อันเป็นเอกลักษณ์ทั้งง่ายต่อการจดจำและฮัมตามได้นี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากนักดนตรีบลูส์ ฮาวลิน วูล์ฟ (Howlin’ Wolf) ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนในเพลง “I Asked For Water” ถ้าได้ลองฟังดูแล้วจะรู้เลยว่าริฟฟ์กีตาร์ของ “Take Me Out” นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงนี้เต็ม ๆ “ผมชอบวิธีที่เขาร้องเพลงให้กับกีตาร์ แล้วกีตาร์ก็จะร้องกลับมาหาเขา” คาปรานอสกล่าว

มิวสิกวิดีโอเพลงนี้กำกับโดย โจนาส โอเดลล์ (Jonas Odell) เป็นภาพของวง Franz Ferdinand ท่ามกลางแอนิเมชันในสไตล์ดาดา (Dadaist) เป็นการผสมผสานระหว่างวงดนตรีไลฟ์แอ็กชันที่ซ้อนทับในบรรยากาศของงาน 3 มิติที่มีองค์ประกอบ 2 มิติแบบเคลื่อนไหว คาปรานอสเล่าว่ามิวสิกวิดีโอเพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากงานสไตล์ดาดา ภาพยนตร์ของ บัสบี เบิร์กลีย์ (Busby Berkeley) และงานโฆษณาชวนเชื่อของโซเวียต และชื่นชมการกำกับของโอเดลล์มาก ซึ่งคาปรานอสอยากทำให้มิวสิกวิดีโอเพลงนี้เป็นอะไรที่ป๊อปดูง่ายและบันเทิง แต่ว่าต้องเป็นความป๊อปที่อยากทำให้กลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งโอเดลล์ก็จัดให้ตามนั้นเลย จนในที่สุดมันก็ได้รับรางวัล “Best debut video” จาก MTV awards และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ด้วย

ใครที่ชื่นชอบในบทเพลง “Take Me Out” และวง Franz Ferdinand อย่าพลาดโอกาสครั้งสำคัญ กับการแสดงสดของวงในงาน ‘VERY FESTIVAL 2022’ งานมหกรรมดนตรีครั้งยิ่งใหญ่ที่รวบรวมศิลปินทั้งหมด 36 ราย เล่นติดต่อกัน 3 วันรวดในระหว่างวันที่ 25-27 พฤศจิกายนนี้ที่ WONDER WORLD PARK โดย Franz Ferdinand จะมาเป็นไลน์อัพสำคัญในวันที่ 26 พฤศจิกายน ไม่ควรพลาดโอกาสดี ๆ นี้ด้วยประการทั้งปวง สามารถซื้อบัตรได้ที่ Ticketmelon

ที่มา

nme / beartai / jonasodell

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส