6 พฤศจิกายน 2002 คือวันที่หนังเรื่อง ‘8 Mile’ (2002) เข้าฉายเป็นครั้งแรก ในยุคที่เพลงฮิปฮอปไม่ได้เป็นกระแสหลัก ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกจดจำในฐานะภาพยนตร์ที่ เอ็มมิเน็ม (Eminem) แรปเปอร์ชื่อดังร่วมแสดงนำ ความยอดเยี่ยมของตัวหนัง และเรื่องราวของแรปเปอร์ บี แรบบิต (B Rabbit) หรือ จิมมี สมิธ จูเนียร์ (Jimmy Smith Jr.) ที่ดัดแปลงเรื่องราวมาจากเค้าโครงประวัติชีวิตของ Eminem เอง ซึ่งกลายมาเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมฮิปฮอปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเรื่องหนึ่งในเวลาต่อมา

Eminem,Lose Yourself,8 Mile

และเพลง “Lose Yourself” ซึ่งเป็นประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถือว่าสร้างประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน ด้วยเนื้อหาพูดถึงเรื่องราวของโอกาสที่ได้รับเพียงครั้งเดียวบนสังเวียนเวทีเพลงแรป ต่อให้แขนขาหมดแรงพูดไม่ออกแค่ไหน แต่ก็ต้องพ่นไรม์ออกมาจากจิตวิญญาณออกมาให้เต็มสูบ ปลดปล่อยมันออกมาแบบไม่ต้องสนอะไร เพื่อต่อสู้กับชีวิตอันแร้นแค้น สามารถกระแทกใจแฟนเพลงทั้งโลก และถูกใจนักวิจารณ์อย่างมาก แต่เชื่อหรือไม่ว่า ไรม์ของเพลงที่มีเนื้อหาสุดเข้มข้นเพลงนี้ เป็นเพลงที่เกิดขึ้นในระหว่างการถ่ายทำหนังไปพร้อม ๆ กัน แถมยังสามารถไรม์และบันทึกเสียงจนเสร็จสิ้นได้ภายในเทกเดียวเท่านั้น

Eminem,Lose Yourself,8 Mile

แรปเปอร์อัจฉริยะเจ้าของฉายา Rap God เปิดเผยเบื้องหลังการแต่งเพลง “Lose Yourself” นี้ว่า เขาแต่งขึ้นในระหว่างการถ่ายทำตอนช่วงปี 2000 เพราะเขาต้องการเขียนไรม์ด้วยเรื่องราวและจิตวิญญาณของ บี แรบบิต ไม่ใช่ Eminem โดยเขาจะใช้เวลาว่างระหว่างพักการถ่ายทำเพื่อเขียนเพลงนี้ในกองถ่าย ซึ่ง ทาริน แมนนิง (Taryn Manning) ที่รับบทเป็นแจนเนียน (Janeane) แฟนเก่าของบี แรบบิต ได้เล่าเพิ่มเติมกับ MTV ว่าเธอเห็นเขากำลังแต่งเพลง และ “มันเหมือนกับว่าเขากำลังคำนวณสิ่งต่าง ๆ ในหัวของเขาเอง”

นอกจากนี้ เขาเองมีรถสำหรับบันทึกเสียงเอาไว้ในกองถ่ายด้วย ทำให้เขาใช้เวลาพักเพื่อมาบันทึกเสียงได้เลย โดย สตีเวน คิง (Steven King) ซาวนด์เอนจิเนียร์ผู้ควบคุมการบันทึกเสียงเพลงนี้ยังได้ยืนยันว่า เขาแต่งท่อนเวิร์ส 3 ท่อนบนกระดาษได้ภายในเทกเดียว ซึ่งต่อมา กระดาษที่เขาใช้แต่งเพลงนี้ก็ไปปรากฏในฉากที่ บี แรบบิต หยิบกระดาษออกมาเพื่อเขียนเพลงบนรถประจำทางอีกด้วย

แต่กลายเป็นว่า เพลงนี้กลับไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นเพลงประกอบของหนัง เพราะ Eminem เลือกที่จะแต่งเพลง “Cleanin’ Out My Closet” ใส่ลงใน Trailer แรกของหนังแทน เพราะเขามองว่าเพลง “Lose Yourself” มันเกี่ยวกับตัวเขาเองมากเกินไป จึงต้องแต่งอีกเพลงเพี่อให้เข้ากับคาแรกเตอร์ บี แรบบิต มากขึ้น แต่ในท้ายที่สุด สตูดิโอจัดจำหน่ายหนังอย่าง ยูนิเวอร์แซล พิกเจอร์ส (Universal Pictures) นั้นมองว่าเพลง “Lose Yourself” น่าจะเหมาะสมกับตัวหนังมากกว่า เขา Eminem เจฟฟ์ แบส (Jeff Bass) และ หลุยส์ เรสโต (Luis Resto) โปรดิวเซอร์ของเพลงนี้จึงได้เพิ่มแทร็กดนตรีลงในแทร็กต้นฉบับ จนได้ออกมาเป็นเพลงเวอร์ชันสตูดิโออย่างที่ได้ยินกัน

Eminem,Lose Yourself,8 Mile

ตัวเพลงได้รับคำวิจารณ์แง่บวกจากหลายสำนัก และการันตีความยอดเยี่ยมด้วยการขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ยาวนานถึง 12 สัปดาห์ ได้รับรางวัลสาขาเพลงแรปยอดเยี่ยม และสาขาศิลปินเดี่ยวการแสดงสดยอดเยี่ยมสาขาเพลงแรป จากเวทีแกรมมี่อวอร์ด (Grammy Awards) ได้การรับรองยอดขายระดับเพชร (Certified Diamond) จากสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา (Recording Industry Association of America – RIAA) หรือรางวัลศิลปินที่มียอดจำหน่ายเพลงไม่ต่ำกว่า 10 ล้านก็อปปี ติดอันดับที่ 166 ของลิสต์ 500 เพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของนิตยสาร Rolling Stone และที่สำคัญที่สุด เพลงนี้ยังเป็นเพลงฮิปฮอปเพลงแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์ สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 2003 อีกด้วย

แต่ถึงจะได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ แต่กลายเป็นว่า เขากลับไม่มาปรากฏตัวบนเวทีเสียอย่างนั้น แม้ปกติตามธรรมเนียม ศิลปินที่มีเพลงเข้าชิงรางวัลสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์จะต้องขึ้นเวทีเพื่อร่วมแสดงด้วย เว้นก็แต่เจ้าของเพลงอย่าง Eminem ที่ดันนอนอยู่บ้านเฉย ๆ เพราะปฏิเสธที่จะแสดงเพลงในเวอร์ชันตัดคำหยาบคาย รวมถึงการที่เขาเองรู้สึกว่า เพลงแรปของเขาคงไม่ชนะในเวทีออสการ์ ที่เพลงแนวอื่น ๆ น่าจะมีโอกาสชนะมากกว่าแหง ๆ นั่นก็เลยทำให้เพลงนี้เป็นเพลงที่ได้รับรางวัลแรกในรอบสิบปีที่ไม่มีการแสดงสดบนเวทีออสการ์ ส่วนรางวัลที่ได้ ตกเป็นหน้าที่ของเรสโต หนึ่งในสามโปรดิวเซอร์ของเพลงนี้ที่ขึ้นมารับรางวัลแทน

จนกระทั่งในอีก 17 ปีถัดมา Eminem จึงยอมมาปรากฏตัวบนเวทีออสการ์บนเวทีการประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 92 ในปี 2020 จนได้ ซึ่งเขาได้กลับมาแสดงเพลง “Lose Yourself” ประกอบเครื่องดนตรีคลาสสิกสุดตึง หลังจากที่เขาเคยได้รับรางวัลจากเวทีนี้ไปแล้วเมื่อ 17 ปีก่อนหน้า


ที่มา: Daily Rap Facts, Daily Rap Facts(2), Wikipedia, Wikipedia(2),

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส